21 มิถุนายน 2009

โอกาสของผู้ด้อยกว่า

ศบ.

ลูกา 14:18-21

“ บรรดาคนเหล่านั้นก็พากันขอตัว คนแรกว่า 'ข้าพเจ้าได้ซื้อนาไว้ และจะต้องไปดูนานั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ' อีกคนหนึ่งว่า 'ข้าพเจ้าได้ซื้อโคไว้ห้าคู่ และจะต้องไปลองดูโคนั้น ข้าพเจ้าขอตัวเถอะ' อีกคนหนึ่งว่า 'ข้าพเจ้าพึ่งแต่งงานใหม่ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าไปไม่ได้' บ่าวนั้นจึงกลับมาเล่าเนื้อความให้นายฟัง นายก็โกรธ จึงสั่งบ่าวว่า 'จงออกไปโดยเร็วตามถนนใหญ่ ตรอกน้อยในเมือง พาคนจน คนพิการ คนตาบอด และคนเขยกเข้ามาที่นี่'“

ผมทำงานรับใช้พระเจ้ามาหลายปี เคยคาดหวังอะไรๆหลายๆอย่างให้เกิด แต่มันก็ไม่เกิด มันไปเกิดอีกอย่างหนึ่ง เช่นผมเคยมุ่งมั่นมากที่จะทำงานกับนักศึกษา แต่คนที่เข้ามามากก็เป็นพ่อบ้านแม่บ้านและชาวบ้าน ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ทุ่งนาที่เราคิด กับที่พระเจ้าให้เก็บเกี่ยวนั้นอาจต่างกัน ผมเคยมุ่งมั่นให้อะไรๆ เกิดกับคนที่เราคิด ด้วยเหตุผลที่ว่าเราแลเห็นด้วยตาว่าสมควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ไม่เป็นไปตามที่คิด แล้วคนที่เรามิได้คิดฝันก็ส่อแววขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมได้เรียนรู้ว่าพระทัยพระเจ้านั้นสูงกว่าผมเยอะ ผมจึงค่อนข้างจะเปิดใจไว้กว้างขวางในเรื่องนี้ และคิดตามพระองค์

แล้วก็คิดต่อไปว่าอะไรหนอเป็นเหตุในเรื่องนี้
1. เราอ่านบุคคลผิด
ผมคิดว่าแน่นนอน สิ่งที่เป็นเหตุผลประการหนึ่งก็คือเราอ่านผิด หรือเราทึกทักไปเอง คิดคาดเอาเอง พระเจ้าใช้ซามูเอลให้ไปหาครอบครัวของเจสซี เจิมบุตรชายของท่านคนหนึ่ง เป็นกษัตริย์ พอซามูเอลเห็นเอลีอับ รูปร่างสูงสมาร์ท ท่านก็คิดว่าเป็นคนนี้ พระเจ้าก็ตรัสกับท่านว่าไม่ใช่ คนที่สอง อาบีนาดับ คนที่ 3 ชัมมาห์.... ท่านอ่านผิดหมดถึง 7 คน แล้วสุดท้าย พระเจ้าก็ให้ท่านเลือกข้าวนอกนา บุตรนอกสายตา คือดาวิด เด็กหนุ่มผิวแดงๆ เลี้ยงแกะอยู่ที่ทุ่งนา ความคิดของเรานี่บ่อยครั้งก็แตกต่างจากพระองค์จริงๆ น่าภูมิใจ ในความต่ำต้อยของเรา พระเจ้าทรงเห็นความพิเศษ
2. เราอ่านเวลาผิด
เราคิดว่าใช่เลย ต้องเป็นคนกลุ่มนี้ตอนนี้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ เปาโลเองเคยผิดพลาด ในการเดินทางเป็นมิชชั่นนารีครั้งที่ 2 ของเปาโล ท่านคิดจะไปประกาศที่แคว้นเอเชีย ท่านคงคิดว่า เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่น่าประกาศ แล้วพระวิญญาณห้ามท่าน ท่านก็เลี้ยวขึ้นเหนือไปยังแคว้นบิธีเนีย ซึ่งท่านคิดว่าคงจะใช่ แต่พระวิญญาณก็ห้ามท่านอีก ผลสุดท้ายท่านก็ไปประกาศที่มาซิโดเนีย ที่เมืองฟิลิปปีและเธสะโลนิกา ปรากฏว่าเกิดผลมาก ถามว่าทำไมพระเจ้าทรงห้ามท่าน เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า แคว้นเอเชียยังไม่พร้อม ท่านรีบไปทำที่นั้นตอนนั้น ก็เสียเวลาเปล่าๆ (กิจการ 16:6-10) ไม่ใช่ว่าพระเจ้าไม่เอาแคว้นเอเชียนะ แต่เอเชียตอนนั้นไม่พร้อมรับพระกิตติคุณ ภายหลังที่เดินทางไปอีกที คราวนี้พระวิญญาณก็เปิดไฟเขียว เกิดผลมาก
3. พระเจ้าและเราอ่านไม่ผิด แต่เจ้าตัวปฏิเสธเอง
ในพระคัมภีร์มีไหมที่พระเจ้าทรงเป็นผู้อ่านเอง มันก็มีนะครับ
ผมคิดถึงอุปมาของพระเยซู ในพระธรรมลูกา 14:15-24 เรื่องการเลี้ยงใหญ่ ในเรื่องนี้ พระเยซูทรงเล่าว่ามีคนหนึ่งทำการเลี้ยงใหญ่ ซึ่งเจ้าองค์นี้หมายถึงพระเจ้าอย่างแน่นอน ท่านส่งคนออกไปเชิญ พอเตรียมอาหารพร้อม สรรพก็ส่งคนออกไปเชิญอีกครั้ง คนที่ถูกเชิญเป็นใคร เป็นคนทำมาหากิน มีธุรกิจ มีครอบครัวดูดีเชียว ทำไมผมรู้ ก็เพราะเวลาพวกเขาปฏิเสธ ในคำอุปมาก็ว่า เขามาไม่ได้เพราะเพิ่งซื้อนาใหม่ เพิ่งซื้อโคห้าคู่ เพิ่งแต่งงานใหม่ คราวนี้ไม่ใช่ผมคิดนะครับ พระเจ้าเองทรงมีพระดำริเชิญเขา พระเจ้าย่อมไม่ผิดพลาด เพราะเห็นว่าพวกเขาดูดี มีงานมีการ มีความพร้อมสูง เหมาะสมกับงานเลี้ยงอันงดงาม แต่พวกเขาไม่ได้มางานเลี้ยง เพราะเขาปฏิเสธเอง คิดแล้วก็น่าเสียดาย
ถ้าผมเป็นนาย ก็ชวนให้ท้อ แต่น่าสนใจ เจ้านายพระองค์นี้ไม่ท้อถอย สั่งให้ออกไป โดยเร็ว ตามถนนใหญ่ ตรอกน้อยในเมือง พาคนจน คนพิการ คนตาบอด คนขาเขยก เข้ามาแทน
สิ่งที่ผมเรียนรู้ประการหนึ่งคือ พระเจ้าไม่เคยท้อ ไม่ได้เบอร์หนึ่งพระองค์ก็เลือกเบอร์สอง ไม่ได้เบอร์สองพระองค์ก็เลือกเบอร์สาม และการปฏิเสธของผู้ที่เราคาด อาจเป็นโอกาสของคนที่ด้อยลงมา วันนั้นเรือนของเจ้านายมีคนเต็ม พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า พวกเขาไม่ใคร่จะมา ชวนก็มา ส่วนที่มาโดยไม่มีใจให้นายก็คัดออก คนยิวได้เคยปฏิเสธพระเยซู และเป็นเหตุให้พระกิตติคุณมาถึงคนต่างชาติ วันนี้พระกิตติคุณขยายไปทั่วโลก อย่าดูถูกคนด้อยนะครับเขาอาจยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราคิดมากมาย

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

Visitor 245

 อ่านบทความย้อนหลัง