สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงกระทำได้

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2008

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

ลูกา 5:17-26
คราวนั้นวันหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ มีพวกฟาริสีและพวกบาเรียนนั่งอยู่ด้วย เป็นผู้มาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลี แคว้นยูเดียและจากกรุงเยรูซาเล็ม ฤทธิ์เดชของพระเป็นเจ้าก็อยู่ในพระองค์ เพื่อจะรักษาเขาให้หายโรค และดูเถิด มีผู้หามคนง่อยคนหนึ่งนอนบนที่นอน และเขาหาช่องที่จะหามคนง่อยนั้นเข้ามาวางลงตรงพระพักตร์ของพระองค์ เมื่อหาช่องเอาเข้ามาไม่ได้เพราะคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังคาตึก หย่อนคนง่อยลงมาทั้งที่นอน ตามช่องกระเบื้องตรงกลางหมู่คน ต่อพระพักตร์พระเยซู เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสกับคนง่อยว่า “บุรุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีคิดในใจว่า “คนนี้ที่พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าเป็นผู้ใดเล่า ใครจะยกความผิดบาปได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น” แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้ ที่จะว่า 'บาปทั้งปวงของเจ้าได้รับอภัยแล้ว' และจะว่า 'จงลุกขึ้นเดินไปเถิด' นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้” (พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า) “เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนไปบ้านของเจ้าเถิด” ในทันใดนั้นเขาจึงลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง ยกที่นอนซึ่งเขาได้นอนนั้นกลับไปบ้านของตน พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจมากยิ่งนัก และได้สรรเสริญพระเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความกลัว และพูดว่า “วันนี้เราได้เห็นสิ่งแปลกประหลาด”
ปัญหา 2 ด้านของคนเรา
คนเรามีทั้งเจ็บป่วยฝ่ายกาย และบาปที่ใจ เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาช่วยคนเรา พระองค์สามารถฉุดเราออกมาจากความบาป นำให้เรากลับใจอภัยโทษแล้วประทานชีวิตใหม่ ทั้งสามารถบำบัดรักษาโรคของเราด้วย

ในพระธรรมลูกาบทที่ 4 ผมเพิ่งเทศนาไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน พระวิญญาณของพระเป็นเจ้าอยู่เหนือพระเยซูคริสต์ตามคำทำนายจากพระธรรมอิสยาห์ ที่พระเยซูได้อ่านในธรรมศาลา เพื่อทำพระราชกิจที่สอดคล้องกับของประทานที่ทรงมอบให้แก่คริสตจักร คือ ประทานความรู้(ครู) ความรัก (ศิษยาภิบาล) ความรอด (ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ) การรักษา (อัครทูต) และความรุ่งโรจน์ (ผู้เผยพระวจนะ) พอมาถึงลูกาบทที่ 5 เราก็เห็นชัดว่าพระราชกิจของพระองค์เป็นตามนั้น

มีคนง่อยคนหนึ่ง พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่าอยู่ที่ไหน มี 4 คนเอาเขาใส่เปลหามเขามาเพื่อให้เขาพบพระเยซู นี่คืองานของคริสตจักรโดยแท้ เราต้องช่วยคน รักคน เขาเจ็บเราไม่เจ็บ เขาง่อยเราเดินได้ ชายสี่คนนี้พบอุปสรรคเพราะพระเยซูประทับอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง พระองค์กำลังสั่งสอนคน วันนั้นคนแน่นมาก เขาจะเข้าไปทางประตูไม่ได้ เวลาเราช่วยคนบางทีเราก็พบอุปสรรค อย่าไปท้อถอย ลางคนได้ยินว่าเขาห้ามก็เลิก ฝนตกแดดกล้า แค่นี้ก็หยุดเสียแล้ว แต่ 4 คนนี้เขาไม่หยุด เขาพยายามเอาชนะปัญหา ที่สุดเขาคิดออกว่า วิธีไปถึงพระเยซู ให้ขึ้นไปชั้นบน รื้อหลังคา แล้วหย่อนแคร่ลงมา คนมีความเชื่อไม่ท้อถอยกับอุปสรรค ตรงกันข้ามกลับเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ด้วยซ้ำ พระเยซูอยู่ตรงนั้นขยับไม่ได้ เขามีความเชื่อ เขามีความเชื่อว่าพระเยซูจะไม่ตำหนิ พระองค์มีความรักเมตตา เราเช่นกันต้องเชื่อในพระเยซู และเขาก็ไม่ผิดพลาด พระเยซูทรงพอพระทัย

ปกติคนป่วยจะหายโรคเกิดได้อย่างไร ผมสนใจเรื่องนี้มาก มันเกี่ยวข้องถึง 3 ฝ่ายครับ

(1) ผู้ป่วย เราเองเคยได้ยินเรื่องในพระคัมภีร์เสมอ พระเยซูมักถามผู้ที่พระองค์รักษาโรคก่อนเสมอว่า “เจ้าเชื่อหรือไม่” และผู้ป่วยก็จะตอบว่า”ข้าพเจ้าเชื่อ” พระเยซูเคยตรัสกับพ่อของเด็กที่มีผีเข้าว่า “ถ้าช่วยน่ะหรือ ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง”(มาระโก 9:23) ความเชื่อของผู้ป่วยสำคัญมาก เมื่อท่านขอพระเจ้ารักษาโรคของท่านท่านต้องเชื่อว่าพระเจ้าสามารถรักษาท่าน โรคนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน ก็ไม่เกินพระกำลังของพระเจ้า “สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงกระทำได้”

(2) คริสเตียน ที่นำผู้ป่วยมา ในเรื่องนี้ พระคัมภีร์บันทึกว่า “เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขา ทั้งหลาย” (ลูกา 5:20) นี่ไม่ไช่ความเชื่อของคนง่อยคนเดียวแน่ เพราะพระเยซูตรัสว่า “เขา ทั้งหลาย” แสดงว่าเป็นความเชื่อของชาย 4 คนที่หามคนง่อยมา อย่าลืมน่ะครับ ความเชื่อ ของท่านของคริสตจักร ของพ่อที่มีให้ลูก ของสามีที่มีให้ภรรยา ก็สำคัญกับการที่พระเยซูจะทำ การอัศจรรย์บำบัดรักษาเขา

(3) พระเยซูคริสต์ การตัดสินพระทัยในการบำบัดรักษาของพระองค์สำคัญ เรื่องที่เกิดก่อนหน้า นี้เป็นแบบให้เราเห็น คนโรคเรื้อนคนหนึ่งมีแผลเต็มตัว ซบหน้าลงอ้อนวอนต่อพระองค์ว่า “เพียงแต่พระองค์จะทรงโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้” ( ลูกา 5:12 ) เขารู้ว่าพระเยซูจะรักษาเขาหรือไม่ ขึ้นกับว่าพระองค์โปรดหรือไม่โปรด วันนั้นพระเยซูตรัสว่า “เราพอใจแล้ว จงหายเถิด”(13) จากการศึกษาพระลักษณะของพระเจ้า ผมอยากบอกท่านว่า พระเจ้าพอพระทัยให้เราหายโรค ให้เรามีสุขภาพดี แข็งแรง ท่านเชื่อไหม

วันนั้นพระเยซูตรัสกับคนง่อยว่า “บุรุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” (ลูกา 5:20) แปลก พระเยซูน่าจะบอกให้เขายกที่นอนกลับบ้าน แต่กลับตรัสว่า บาปของเขารับการยกแล้ว พระองค์ช่วยแก้ปัญหาข้างในที่สำคัญกว่า ยกบาปสำคัญกว่าหายโรค เพราะทำให้เราได้ชีวิต ใหม่ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ส่วนหายโรค ท่านหายแล้วอาจป่วยอีก และเป็นเรื่องการช่วยเหลือ ฝ่ายกายในโลกนี้เท่านั้น พวกธรรมาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นไม่พอใจ คิดตำหนิพระเยซู ว่าพระองค์ เป็นใครจึงยกบาปได้ พระเจ้าเท่านั้นยกบาปคนได้ พระเยซูทรงทราบความคิดในใจเขา จึง ตอบเขาว่า “ข้างไหนง่ายกว่ากัน ยกบาป กับรักษาคนขาง่อย ครับมัน ยากทั้งคู่สำหรับมนุษย์ แต่มันก็ไม่ยากอะไรสำหรับพระเจ้า ยกบาปเป็นเรื่องในใจ ไม่มีใครแลเห็น แต่รักษาคนง่อย ใครก็เห็นได้ พระองค์จึงสั่งคนง่อยให้ลุกขึ้น กลับไปบ้าน เขาก็ลุกขึ้นหายง่อย พระองค์รักษา ง่อยภายนอกให้เห็นได้ พระองค์ก็ยกบาปที่แลไม่เห็นได้เช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องสงสัย

พระเยซูเสด็จมา ให้ทั้งการรักษา และความรอด ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา
Visitor 359

 อ่านบทความย้อนหลัง