เพื่อนร่วมงานกับพระเจ้า

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2008

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

1 โครินธ์ 3:5-15
อปอลโลคือผู้ใด เปาโลคือผู้ใด คือผู้รับใช้ ซึ่งได้สอนพวกท่านให้เชื่อ เราแต่ละคนได้รับใช้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดให้ ข้าพเจ้าปลูก อปอลโล รดน้ำ แต่พระเจ้าทรงทำให้เติบโต เพราะฉะนั้นคนที่ปลูกและคนที่รดน้ำไม่สำคัญอะไร แต่พระเจ้าผู้ทรงโปรดให้เติบโตนั้นต่างหากที่สำคัญ คนที่ปลูกและคนที่รดน้ำก็เป็นพวกเดียวกัน แต่ทุกคนก็จะได้ค่าจ้างตามการที่ตนได้กระทำไว้ เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์ โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์ บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
1. วัตถุประสงค์ของการรับใช้ ( 1 โครินธ์ 3:5)
งานของเราคือ “สอนคนให้เชื่อ”
คนไทยไม่มีพื้นความเข้าใจเรื่องพระเจ้า พระเจ้าให้เราสอนเขา แก้ความเข้าใจผิดของเขา เมื่อคนเราได้ยิน รู้จักความจริง เขาก็เกิดความเชื่อ สอนเขาให้เชื่อ
จากข้อความที่เปาโลกล่าวในที่นี้ ท่านพูดถึงวัตถุประสงค์ของการรับใช้ ว่าเป็นการสอน
ให้คนเชื่อ สอนใคร ก็คือสอนคนทั้งหลายที่ยังไม่รู้ คนที่เข้าใจผิด ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน
ให้มาเชื่อพระเจ้า สร้างเขาเป็นสาวก เหมือนดังพระมหาบัญชาพระมหาบัญชา
(มัทธิว 28:19-20)
เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไป สั่งสอน ชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอน เขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไปจนกว่า จะสิ้นยุค

2. ทีมงานการรับใช้ ( 1 โครินธ์ 3:5 )
งานรับใช้พระเจ้าก็เหมือนจากงานของชาวนา ชาวสวน คนหนึ่งปลูก คนหนึ่งรดน้ำ
คนหนึ่งพรวนดิน ใส่ปุ๋ย คนหนึ่งไล่นกกา คนหนึ่งปราบวัจน์พืช อีกคนหนึ่งเก็บเกี่ยว ในงานรับใช้ก็เช่นเดียวกัน ต้องช่วยกันทำ ทำงานเป็นทีม เหมือนวงดนตรีเล่นคนละชิ้นแต่พอประเสียงกันก็ไพเราะ ในงานรับใช้เพื่อนำคนมาเชื่อก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าอาจใช้เราแตก ต่างกันตามที่พระเจ้าทรงกำหนดให้ เช่นคนหนึ่งเป็นครู อีกคนเป็นผู้เลี้ยง อีกคนหนุนใจ อีกคนปรนนิบัติ บริจาค รับแขก อธิษฐานเผื่อผู้ป่วย สำแดงเมตตา บริหาร ใช้ความรู้ เป็นผู้เผย แพร่ข่าวประเสริฐ ฯลฯ ซึ่งพระคัมภีร์บันทึกชื่อของประทานไว้ทั้งหมดถึง 24 อย่าง เราร่วม มือกันทำงานเป็นทีม

3. ลักษณะของงาน ( 1 โครินธ์ 3:5-6 )

3.1 ต้องใช้เวลา
งานการสอนคนให้เชื่อ เป็นงานที่จะต้องใช้เวลา ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ค่อยเกิดขึ้น เหมือนการปลูกพืช เหมือนการเลี้ยงลูก เริ่มแต่ทารกน้อย เป็นเด็กเล็ก เด็กอนุบาล เด็กประถม มัธยม และอุดมศึกษาตามลำดับ ชาวนาต้องอดทนเพื่อรอคอย ผลที่จะเกิดขึ้น การนำคนมาเชื่อพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน อย่าท้อถอย ค่อยๆเริ่มงานไป

3.2 ทำงานร่วมกับพระเจ้า (1 โครินธ์ 3: 9)
พระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ ใช้คำว่า “ทำงานเพื่อพระเจ้า” ซึ่งก็จริงเช่นนั้น แต่พระคัมภีร์ฉบับแปลเดิม ใช้คำว่าทำงานร่วมกับพระเจ้า นั่นหมายความว่า เรากับพระเจ้าร่วมมือกันทำ ไม่หนัก พระเจ้าทรงทำงานร่วมกับเรา คงเหมือนคน 2 ช่วยกันแบกตู้ พระองค์แข็ง แรงกว่าเราเยอะ เราจะไม่หนัก เหมือนวัว 2 ตัวเทียมแอกด้วยกัน แอกของเราก็พอ เหมาะภาระของเราก็เบา นำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่พระองค์มิใช่หรือ
3.3 ต้องวางรากฐานบนพระเยซู
นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บ่อยครั้งเราสร้างงานขึ้นบนสิ่งอื่น เช่น การสร้างตึกที่มีรากฐานอยู่บนไม้ ฟาง หญ้าแห้ง ทองคำ เงิน เพชรพลอย การนำคนมารับเชื่ออย่าให้คนมาติดที่เรา มาติดที่เงินทอง บรรยากาศ หรือพระพร หรือความสนุก สมัยที่พระเยซูสั่งสอน หลายคนติดตามพระเยซูเพราะอาหารที่พระองค์ทรงเลี้ยงดูเขา วันหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า พวกติดตามพระองค์เพราะอิ่มท้อง เมื่อพระองค์ตรัสว่าอาหารที่แท้จริงคือเลือดและเนื้อของพระองค์ และมีหลายคนไม่ติดตามพระเยซูอีกต่อไป เราต้องให้เขาติดบนพระเยซู ให้เขามีประสบการณ์กับพระเยซู เมื่อเขาติดอยู่ที่พระเยซูเขาจะเข้มแข็งขึ้นเมื่อพบปัญหา

“การพบพระเยซู” เหมือนข้าวเปลือกตกลงดินที่ไหนก็งอก เหมือนการจุดตะเกียง ไปที่ไหนก็สว่างไสว เหมือนเมล็ดพันธ์ผักกาดที่ฝังลงในดินก็จะงอกขึ้น จนขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่
4. รางวัลของผู้รับใช้ (1 โครินธ์ 3:13-15)
คนที่เรานำมาเชื่อ วันหนึ่งจะถูกการทดสอบ ทดสอบด้วยไฟ การข่มเหง ถ้าเขาไม่สัมผัสพระเยซู พอการเยาะเย้ย ถากถาง ความทุกข์ เข้ามาถึงเขา เขาก็จะอดทนไม่ได้ จะพ่ายแพ้ เหมือนตึกที่ถูกไฟเผาไหม้ไป แต่เมื่อการทดลองมาถึงเขาถ้าเขามีพระเยซู เขาจะยิ่งเข้มแข็งขึ้น ทานแดดทานฝนได้ ทนความทุกข์ยากได้ไม่มีปัญหา พระเยซูเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาแข็งแรง
หลายคนที่เรานำมาเลิกเชื่อถือในพระองค์ เราที่เป็นคนนำเขามาก็จะไม่ได้รับรางวัล เพราะพระเจ้า คิดรางวัลให้แต่ละคนตามผลงานที่ยั่งยืน ทนได้ หลายคนทำงานแต่ไม่ได้รับรางวัล เพราะไม่ได้วางรากฐานบนพระเยซู


Click ที่นี่เพื่อฟังคำเทศนา
Visitor 636

 อ่านบทความย้อนหลัง