ภาระใจในการเผยแพร่พระกิตติคุณ

ศิษยาภิบาล

จาก Brochure วันพันธกิจ
9 พย. 2008


“ที่ใดๆที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย”
( สุภาษิต 29:18 ) พระคัมภีร์ฉบับเดิมกล่าวว่า “ถ้าไม่มีนิมิต คนก็ถึงความพินาศ”


พระคัมภีร์ข้อนี้ บ่งบอกความจริงบางประการที่เราน่าจะวิเคราะห์

(1) คนกำลังพินาศอยู่แล้ว
ก่อนที่ที่ใดจะมีนิมิต หรือมีการเผยธรรม ผู้คนกำลังพินาศในบาปอยู่แล้ว อิสยาห์อธิบายสังคมในสมัยของท่านว่า “เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตน” ยอห์นได้บรรยายสภาพสังคมในสมัยของท่านว่า “ชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อำนาจของมารร้าย” ( 1 ยอห์น 5:19 ) ยิ่งในยุคปัจจุบัน มารยิ่งรุกหนัก อบายมุข ไนต์คลับ บาร์ อินเทอเน็ทเรื่องกามารมณ์ทวีขึ้นเป็นดอกเห็ด ผมเคยเดินทางไปศรีโสภณ ผ่านด่านปอยเปต ผมต้องใช้เวลามากเป็นชั่วโมงที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพราะมีคนไทยจำนวนมากขอวิซา ไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไปเที่ยวที่เขมรหรอก แต่เพราะพวกเขาพากันไปเล่นการพนันในเมืองคาสิโนที่ชายแดนนั่นเอง มารยิ่งรุกหนักในยุคของเรา ประเทศ ไทยเราต้องการการประกาศพระกิตติคุณอย่างยิ่ง

(2) คริสเตียนคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ
พระคัมภีร์ไม่เคยสั่งให้คนบาปวิ่งมาหาพระเจ้า แต่สั่งให้คริสเตียนออก ไป พระมหาบัญชาของพรเยซู กล่าวว่า “เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไป…...”
( มัทธิว 28:19 ) ในพระธรรมสุภาษิต 24:11-12 กล่าวว่า “จงช่วยบรรดาผู้ที่ถูกนำไปสู่ความมรณา จงช่วยยึดบรรดาผู้ที่ตุปัดตุเป๋ไป เพื่อถูกฆ่า ถ้าเจ้าจะว่า “ดูเถิด เราไม่รู้เรื่องนี้เลย” พระองค์ผู้ทรงชั่งใจจะไม่ทรงเพ่งเล็งเห็นหรือ พระองค์ผู้ทรงเฝ้าวิญญาณอยู่เหนือเจ้าจะไม่ทราบหรือ และพระองค์จะไม่ทรงเรียกเอาจากคนตามการ กระทำของเขาหรือ” พระเจ้าไม่ได้ฝากงานนี้อยู่กับทูตสวรรค์ และผมคิดว่า งานนี้มิใช่งานที่เราจะรอคอยคนต่างชาติ ที่ต้องมาร่ำเรียนภาษา แต่น่าจะอยู่ในมือของคนไทย

(3) คริสเตียนต้องมีนิมิตช่วยคน
เราต่างรู้ดีว่านิมิต มิได้เป็นสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเอง หรือเกิดจากการศึก ษาค้นคว้าแต่มาจากพระเจ้าต่างหาก พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานให้ ซึ่งแน่นอนพระเจ้าทรงกระตือรือร้นเสาะหาคนงานของพระองค์อยู่แล้ว ครั้งหนึ่ง พระเยซูตรัสว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้เป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนมาเกี่ยวเก็บพืชผลของพระ องค์” ( มัทธิว 9:37-38 ) ปัญหาอยู่ที่เรารับนิมิตหรือภาระใจที่พระเจ้าประทานให้หรือไม่ บางคนรอว่าเมื่อใดจะฝัน หรือเห็นนิมิต หรือเมื่อใดพระเจ้าจะเรียกเขาให้ประกาศพระกิตติคุณ อาจารย์ ที แอล ออสบอร์น ผู้ประกาศระดับโลก กล่าวว่าเมื่อผมออกมารับใช้ ผมไม่เคยได้รับอะไรใหม่นอกจาก พระธรรมมัทธิว 28:19-20 “เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวก..” ถ้าเราไม่Get ไม่เข้าใจ ไม่เกิดภาระใจ ไม่ได้รับมาใส่เกล้า เราก็จะเมินเฉยกับผู้คน เราจะไม่ใส่ใจ แม้จะมีการรณรงค์ให้ประกาศ พอเงียบเสียงการเร้าใจ เราก็จะเลิกรา
เพราะมันมิได้เป็นนิมิตจากภายใน แล้วคนก็จะพินาศ เพราะการช่วยเหลือจริงจังไม่เกิด ยิ่งโลกปัจจุบันมีเรื่องดึงความสนใจเราไปสู่เรื่องอื่นๆเยอะแยะ เรายิ่งทิ้งภาระใจในการประกาศอย่างง่ายดาย

(4) เราต้องประกาศ คือเผยธรรม
ธรรมดาคนมีนิมิต ก็คือคนที่มีภาระใจ นิมิตเป็นการชโลมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งมีความหมายถึงอะไรที่มันหนักอยู่บนบ่าของคนที่มีนิมิต
เขาไปที่ไหนก็รู้สึก พระเจ้าทรงให้เรามีภาระช่วยคน ไม่ทำก็ไม่มีความสุข แต่ก็เป็นไปได้ที่ผู้มีนิมิตไม่ยอมประกาศ ไม่เผยธรรม ไม่บอกคน
พระเจ้าให้ผมเป็นครู งานสนุกของผมคือการสอน เห็นคนไม่รู้เผยไต๋ออกมาว่ามีความเขลาในเรื่องใด ถ้าผมรู้ ผมอยู่ที่นั่น ผมก็จะรู้สึกคันปากอยากสอนเขา พระเจ้าเรียกให้เราประกาศพระกิตติคุณ เราจะอยู่ได้อย่างไรโดยการปิดปากเงียบ และปล่อยให้คนบาปพินาศ มีบางคนท้อถอยเดินผิด เรารู้ว่าคนจะเดินได้ถูกมีพลังกำลังใจอย่างไร แล้วเราจะนิ่งเงียบอมภูมิโดยปล่อยให้เขาทำผิดต่อไปขาดความยับยั้งชั่งใจได้หรือ ทุกวันนี้ วิญญาณของการทำเป็นทองไม่รู้ร้อนมันแผ่กระจายไปทั่ว แต่ต้องไม่ใช่กับเราที่พระเจ้ามอบหมายความรับผิดชอบให้ เปโตรกล่าวว่า “ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้ (กิจการ 4:20) เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นหนี้ทั้งพวกนักปราชญ์และคนเขลา ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านทั้งหลาย” (โรม 1:14-15)

(5) ภารกิจประจำท้องที่
“ที่ใดๆ...” นั่นแปลว่า บางท้องทีมีคนที่มีนิมิต บางท้องที่ไม่มี พระเจ้าทรงมอบหมายให้เราอยู่ในที่ที่แตกต่างกัน เป็นดังดวงตะเกียงในสังคมที่มืดมัว เราคือคนที่รู้จักพระเจ้า มีความเข้าใจ ชื่นชอบกับความรอด เป็นไปได้ไหมที่ที่นั้นเรา เอาถังมาครอบตะเกียงของเราเสีย แล้วตรงสังคมนั้นก็มืด อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย พระเจ้าจุดชีวิตเราให้สว่างไสวแล้ว ให้เราเอาถังวางไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อมันจะได้ส่องสว่างไปทั่วเรือน ในท้องที่ของเรา แก่คนในชั่วอายุของเรา
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ



Visitor 177

 อ่านบทความย้อนหลัง