หยุด!!สร้างพลเมืองคอรัปชั้น


สวัสดีค่ะพี่น้องทุก ๆ ท่าน


พี่น้องรู้สึกไหมคะว่า ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่มวลรวมความสุข เหือดหายไป อันเนื่องมาจาก คุณธรรม-จริยธรรม-ความสัตย์ซื่อ กำลังจะเหือดแห้งไปจากจิตใจของคนไทยในวันนี้
ตกใจไหมคะ ที่ผลโพลแสดงออกมาว่า เดี๋ยวนี้คนไทยมองเรื่องการโกงกินบ้านเมือง การคดโกงในทุกระดับทำได้ ถ้าพวกท่านโกงแล้วเอามาแบ่งให้ฉันบ้าง ใครอยากโกงเชิญได้เลย แต่อย่าลืมฉัน อนาคตประเทศชาติจะย่อยยับ ลูกหลานตกงานทุกข์เข็ญแค่ไหน ฉันไม่รับรู้หรืออาจไม่เข้าใจ ขอเพียงฉันสบายเป็นใช้ได้

รู้เรื่องนี้แล้ว เศร้าใจจริง ๆ แต่อย่าเพิ่งหมดหวังท้อแท้ ในการแก้ปัญหาเลวร้ายชนิดนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องทุก ๆ ท่าน ประสานใจ ประสานความร่วมมือกัน หยุดยั้ง โรคขี้โกง อันร้ายกาจนี้ อย่าให้มันแพร่ระบาดออกไปทำลายสังคม ทำลายประเทศชาติให้เลวร้ายลงไปอีก


ทำวันนี้ ทำเดี๋ยวนี้ ด้วยตัวคุณเอง เริ่มในบ้านของคุณ

สำรวจความคิดของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก พิจารณาดูว่ตัวเองมีเชื้อขี้โกง หรือไม่ หรือเป็นพาหะแพร่เชื้อขี้โกงไปสู่คนรอบข้างหรือเปล่า คุณอาจนึกไม่ถึงว่าการกระทำบางอย่างของคุณ(ผู้เป็น พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-ลุง-ป้า-น้า-อา ฯลฯ) คือการฝังเชื้อขี้โกงลงไปในจิตสำนึกของเด็กเล็ก ๆ อย่างไม่รู้ตัว และเจ้าเชื้อร้ายนี้มันจะแอบซุกอยู่ในมุมหนึ่งของชีวิตพวกเขา ค่อย ๆ โตขึ้นถ้าได้รับการเติมเชื้อให้ปุ๋ยอย่างดีจากคุณทุกวี่ทุกวัน จนในที่สุด คุณก็จะได้ชื่อว่าเป็นนักสร้าง พลเมืองคอร์รัปชั่น ของโลกใบนี้

หยุดเถอะค่ะ อย่าทำอีกเลย เลิกเลี้ยงลูกหลานด้วยวิธีการให้สินบน เสียที
สงสัยใช่ไหมคะ ถ้างั้นลองพิจารณาเรื่องพื้น ๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญอะไรเลยในครอบครัวที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันต่อไปนี้ แล้วนึกดูว่า คุณทำอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้
ลูกไม่ยอมแปรงฟัน ไม่กินข้าว ไม่ทำการบ้าน ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากอาบน้ำ ไม่...อะไรหลาย ๆ เรื่องที่คุณอยากให้เขาทำ หรือ เมื่อลูกรบเร้าขออะไรบางอย่าง ที่ยังไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ หรือ
เมื่อคุณอยากให้ลูกสอบได้ สอบได้ที่ 1 อยากให้ลูกช่วยงานบ้าน อยากให้ลูกเรียนพิเศษ เรียนดนตรี เรียนบัลเล่ต์ เรียนอะไร ๆ ที่คนมีกะตังค์พาลูกไปเรียน (ซึ่งคุณรู้สึกเหมือนได้ยกระดับสถานะของตนเอง ทั้ง ๆ ที่ลูกไม่ชอบ) หรืออยากให้ลูกสอบติดโรงเรียนดัง ๆ ติดคณะวิชา (ที่ดูเหมือนเฉพาะคนเก่งเท่านั้นที่จะสอบติด) ในมหาวิทยาลัยที่คุณชื่นชอบ (เพราะคุยได้เต็มปากว่าลูกฉันอยู่มหาวิทยาลัยนี้ ๆ ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ อีกครั้ง) แต่สิ่งที่คุณชอบลูกไม่ต้องการเลย หรือ
เมื่อลูกหกล้ม ทำการบ้านไม่ได้ ถูกเพื่อนรังแก ทำอะไรผิดพลาด โรงเรียนเชิญผู้ปกครองพบ สอบตก (ปัจจุบันคงไม่มีแล้ว เพราะมีการซ่อม) หรือ ฯลฯ

เรื่องธรรมดา ๆ เหล่านี้ คุณสอนเขาอย่างไร

คุณให้ความจริงกับเขา หรือคุณติดสินบนให้เขารู้สึกว่า “หมูไปไก่มา” ตั้งแต่เขายังเป็นเพียง เด็กตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นผู้ใหญ่ ที่มีสมองคิดได้อย่างเดียวว่า “จะทำอะไรต้องมีผลตอบแทนทุกเรื่อง” ไม่มีคำว่า ทำเพื่อความถูกต้อง ทำเพื่อความดี ทำเพื่อความมีน้ำใจ ทำเพื่อให้เพราะอยากทำ เป็นต้น
ฉันเคยได้ยิน แม่คนหนึ่งพูดขณะจูงลูกเล็ก ๆ เดินไปโรงเรียนอนุบาลว่า “พรุ่งนี้ถ้าหนูแปรงฟัน แม่จะซื้อตุ๊กตาให้ “ฉันได้แต่คิดว่า คุณแม่ท่านนี้ต้องใช้เงินอีกเท่าไรไม่รู้ เพื่อซื้อของมาให้ลูกเพื่อแลกกับการแปรงฟันของลูก นี่มันติดสินบนชัดเจนเลย ทำไมไม่บอกความจริง กับลูกว่า “ถ้าหนูไม่แปรงฟัน ฟันหนูจะผุ ทำให้ปวดฟัน ปากเหม็น เพื่อน ๆ ไม่อยากคุยด้วย” หรือ
เมื่อลูกไม่ทำการบ้าน เอาแต่เล่นเกมส์ ดู ที.วี. (กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมจริง ๆ) หากคุณมีลูกเล็ก ๆ เริ่มฝึกวินัยตั้งแต่เดี๋ยวนี้ (ไม้อ่อนดัดง่าย” ถ้าลูกโตคงลำบากหน่อย แต่ไม่มีอะไรยากจนทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจจะเริ่มต้นทำทันที ต้องบอกความจริง อีกเหมือนกัน ให้ลูกรู้ว่าหน้าที่ของเขาคือการเรียน ทบทวนวิชา ทำการบ้านให้เสร็จในแต่ละวัน (เด็กบางคนต้องช่วยทำงานบ้านด้วย) หลังจากนั้นมีเวลาพักผ่อนดู ที.วี.เล่นเกมส์ ได้ในเวลาเหมาะสมก่อนเข้านอน อย่าติดสินบน ด้วยการบอกว่า “ทำการบ้านให้เสร็จแล้วเล่นเกมส์ดูที.วี.ได้” เพราะการสอนอย่างนั้น ไม่ทำให้เขาตระหนักรู้ว่า อะไรคือความจริง รู้แต่เพียงว่า “ทำอย่างนี้แล้วจะได้อย่างนั้น”

สำหรับครอบครัวรวย ๆ พ่อแม่บางท่านเสนอเลย ลูกสอบติดมหาวิทยาลัย...นี้ จะซื้อรถเก๋ง ให้ขับปร๋อโก้ไปเลย หรือจะพาไปทัวร์ยุโรป หรือจะให้โน่น ให้นี่ ที่มันแพง ๆ หรู ๆ ถ้าลูกทำอะไรต่อมิอะไร ที่ทำให้พ่อแม่มีหน้ามีตา อวดใคร ๆ ได้ว่า “ลูกฉันเก่งที่สุดเลย” นี่เรียกว่าติดสินบนระดับชาติทีเดียว ทำไมต้องทำอย่างนี้??
นี่เป็นเรื่องจริง กระทั่งในระดับอนุบาล พ่อแม่ก็คุยทับกันแล้วว่า ลูกใครจะเข้าโรงเรียนสาธิตที่ไหนได้ เสียไปกี่แสน คุยกันไปภาคภูมิใจกันไป หาได้สำนึกไม่ว่า กำลังเริ่มเพาะเชื้อไว้รัสความชั่วร้ายให้ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในจิตใจของลูก

อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เด็กต้องขยันเรียน รถ วัตถุสิ่งของ หน้าตา ความโก้ของพ่อแม่ หรือ ความจริง ที่เด็กทุกคนต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ เพื่อประกอบอาชีพ ทำตัวให้มีคุณค่าตอ่สังคม และตัวเอง ในวันข้างหน้า
ฉันคิดว่า คุณต้องรู้ค่ะ ปัญหาอยู่ที่ว่า คุณรู้เพื่อตัวเอง หรือรู้เพื่อคนอื่น และคุณต้องการให้ลูกคุณรู้ความจริงที่เป็นจริง หรือรู้ความจริงเพื่อตัวเอง แล้วออกไปเป็นพลเมืองคอร์รัปชั่น กอบโกยทุกย่างเข้ากระเป๋าของตัวเอง ถ้ากฎหมายเปิดช่อง หรือไม่มีช่องก็ขวนขวาย เจาะทะลวงให้เกิดช่องทางโกงจนได้ ในอนาคตข้างหน้าโน้น

เรื่องนี้ยังมีประเด็นน่าพูดถึงอีก ขอต่อคราวหน้าค่ะ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเสนอมาเลย เพื่อครอบครัวพวกเราจะได้ช่วยกันสร้าง “พลเมืองสัตย์ซื่อ” ไงคะ
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรคุ่
ข้อคิดจากพระคัมภีร์

จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว
(มัทธิว 5:37)
จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะไม่พรากจากทางนั้น
(สุภาษิต22:6)

Visitor 69

 อ่านบทความย้อนหลัง