พระองค์คือ ความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์

คำพยานของคุณ อรัญญา ศรีชอบธรรม


มัทธิว 6:33 “แต่ท่านทั้งหลาย จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้”

ก่อนจะมาเชื่อพระเยซูคริสต์ ฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน เพราะถูกสอนและเห็นตัวอย่างจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ว่าการให้ออกไปเป็นบุญกุศล ทำให้ไม่อดอยากยากไร้ ฉันคิดเสมอว่า เงินเป็นของนอกกาย มันไปแล้วเดี๋ยวมันก็กลับมา เมื่อโตขึ้นทำงานมีครอบครัวต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านฉันรับงานมาทำที่บ้าน เงินส่วนนี้ถือเป็นรายได้ส่วนตัวของฉัน ฉันมีสิทธิจะใช้อย่างไรก็ได้ ฉันจึงทำบุญทำทานทุกวัน วันไหนไม่ได้ทำรู้สึก ไม่มีความสุขเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง จากงานพิเศษส่วน ตัวนี้ฉันจีงมีเงินทำบุญสม่ำเสมอ และให้เงินแม่ทุกเดือนมากบ้างน้อยบ้างตามรายได้ที่มี พร้อมทั้ง ซื้อขนูก ขนมนมกล่อง ผลไม้นอกแพงๆ ที่คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อไปฝาก ไปเยี่ยมแม่แทบทุกอาทิตย์ ฉันไม่แตะต้องเงินของครอบครัวซึ่งเป็นเงินส่วนที่สามีให้ไว้ใช้จ่ายภายในบ้าน ด้วยเงินส่วนตัวนี้เองทำให้สามารถช่วยเหลือพี่ๆ น้องที่มีปัญหามาตลอด จนฉันอดคิดไม่ได้ว่า

ฉันเกิดมาเพื่อคนอื่น ทำงานเก็บเงินก็เพื่อคนอื่น เพราะพอเก็บเงินได้ก้อนโตพี่น้องก็มีปัญหา ตัวเองไม่ค่อยได้ใช้เลย วัน ๆ เป็นยายเพิ้งอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ไม่เป็นไรวันนี้เงินออกไปเดี๋ยวก็กลับมา คิดอย่างนี้ฉันจึงไม่มีความทุกข์เรื่องเงิน

ต่อมาฉันป่วยอยู่โรงพยาบาลร่วมเดือน หาสาเหตุไม่ได้เช็คร่างกายทุกอย่าง เอกซเรย์คอมฯที่หัว เจาะไขสันหลัง เช็คเส้นประสาทที่หัว ตรวจเลือด ตรวจหลายอย่างมาก เพื่อหาสาเหตุว่าทำไมฉันจึงปวดหัว เวลาปวดต้องฉีดมอร์ฟีนให้หลับ ฉันถูกฉีดมอร์ฟินจนหมอต้องสั่งหยุด มิฉะนั้นฉันจะต้องติดยา เปลี่ยนมากินยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมง ผลจากการตรวจร่างกายปรากฏว่า พยาธิสภาพของร่างกายฉันดีมากทุกอย่าง หมอจึงลงความเห็นว่าฉันป่วยทางจิต ฉันต้องกินยาจนเบลอจำความอะไรไม่ได้ ร่างกายย่ำแย่เหมือนจะเป็นอัมพฤกษ์ ลิ้นคับปากพูดอ้อแอ้ที่สุดฉันตัดสินใจเลิกกินยาทุกอย่าง ใช้ศาสนารักษาตัวช่วงเวลานั้นฉันต้องต่อสู้กับอำนาจมืดที่บีบบังคับให้ฉันเป็นพวกมัน แต่ฉันปฏิเสธทุกรูปแบบ จากคนที่แข็งแรงทำงานคล่องแคล่วกลายเป็นคนอ่อนแอเหมือนกำลังจะตายทุกวัน ฉันจึงต้องเลิกทำงานไม่มีรายได้ส่วนตัว และได้บอกญาติพี่น้องว่าต่อไปนี้ ใครเดือดร้อนเรื่องเงินอย่ามาหาฉัน
ต่กับแม่ฉันต้องไปเยี่ยมท่านซื้อของไปฝากให้เงินท่าน ปัญหาคือฉันจะได้เงินจากที่ไหน ฉันจึงคิดว่าตัวเองทำงานรับใช้ทุกคนในครอบครัว ขอเศษสตางค์ที่เหลือจากการจ่ายตลาดเป็นส่วนของฉัน และได้ซื้อกระปุกหมูตัวเล็ก ๆ มาตัวหนึ่งไว้หยอดเศษสตางค์ (ทุกวันนี้ฉันยังหยอดกระปุกเหมือนเดิม)เก็บไว้ พอได้จำนวนหนึ่งก็เอาไปให้แม่ บอกท่านตามตรงว่าให้มากไม่ได้แล้ว ท่านไม่ว่าอะไรความจริงท่านไม่เคยเรียกร้องอะไรจากฉันเลย ไม่เคยแม้แต่จะขอเงินฉันด้วยซ้ำไป เป็นฉันเองที่รู้สึกว่าต้องไปเยี่ยมแม่ ซื้อของไปฝากเอาเงินไปให้ ไม่ทำไม่ได้ไม่มีความสุข เวลาอยู่กับแม่ (พ่อฉันเสียชีวิตไปนานแล้ว) แม้มีเวลาเพียงน้อยนิดฉันมีความสุขมาก เมื่อท่านเสียชีวิตแรก ๆ ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง ทุกอาทิตย์ไม่รู้จะไปหาใครเหมือนอยู่คนเดียวบนโลกนี้เหงามากทั้ง ๆ ที่มีสามี-ลูกอยู่ด้วย นานเป็นปีกว่าความรู้สึกนี้จะหายไป

ม้ไม่มีงานทำฉันยังทำบูญให้ทานเหมือนเดิม โดยลดปริมาณลง วันไหนมีน้อยก็ให้ขอทาน 1 บาทและโปรยข้าวสารให้นกกินทุกวัน คิดว่าทำบุญทำทานกับคนไม่ได้ก็ให้สัตว์ ต่อมาฉันเลิกให้เงินขอทานเด็ดขาด เพราะปัจจุบันขอทานเป็นอาชีพของคนมักง่าย ขี้เกียจ ไม่ใช่ขอทานเพราะความยากจนอย่างสมัยก่อน พวกเราจึงไม่ควรสนับสนุนอาชีพนี้ อย่าให้เงินขอทานนะคะ

ต่อมาเข้ายุคฟองสบู่แตก วิกฤติต้มยำกุ้งกระหน่ำผู้คน ครอบครัวฉันถูกกระทบเต็ม ๆ ฉันไม่มีงานทำ เงินที่พ่อบ้านให้แต่ละวันไม่เพียงพออยู่แล้ว ฉันต้องทำตัวเองให้โกรธกับกุ้ง – ปลา เลิกซื้อกินเพราะราคาสูง อาศัยว่าฉันมีความสามารถในการบริหารจัดการเรื่องอาหาร และเรื่องเงิน ครอบครัวฉันจึงไม่ลำบากเรื่องอาหารการกินเลย ขณะที่ปัญหารุมเร้าทั้งสภาพร่างกายและการเงิน พระคุณของพระเจ้าก็มาถึงฉัน พระองค์นำฉันมาโบสถ์ (โอกาสหน้าจะขอเขียนคำพยานทำไมถึงเข้าโบสถ์ค่ะ) อาทิตย์แรกที่เข้าไปมีเลี้ยงอาหารกลางวัน ฉันได้กินด้วยรู้สึกตื่นเต้นมาก และคิดว่าได้กินข้าวโบสถ์ ฉันต้องตอบแทนพระคุณโบสถ์ (เวลายังไม่รู้เรื่องพระเจ้า) ด้วยการทำขนมมาถวายในวันอาทิตย์บ้าง

างอาทิตย์เหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่าง ทำให้ฉันต้องตื่นตี 4 ลุกขึ้นมาทำขนมถวายโบสถ์ ทั้งๆที่ไม่มีวางแผนไว้เลย เป็นอย่างนี้บ่อยๆ เงินมาจากไหน จากการอดออมวันละนิดวันน้อย พอได้จำนวนหนึ่งก็ซื้อแป้ง, น้ำตาล, นมเนย, วัตถุดิบมาเก็บไว้ถึงเวลาก็ทำไปถวาย ในบ้านฉันไม่ขัดสนเลย กลับมีขนมนมเนยกินเพิ่มขึ้นด้วย จากทำขนมถวาย ฉันเริ่มถวายอาหารกลางวันบ้างในบางอาทิตย์ (สมาชิกประมาณ 35 คน) จะมีอาหารคาว-หวานบางครั้งมีผลไม้ด้วย ฉันทำเองทุกอย่าง/ยกเว้นผลไม้ค่ะ) จนวันหนึ่งสามีฉันเอ่ยปากเรื่องนี้ ฉันจึงถามเขาว่าในบ้านเราขัดสนหรือไม่ อาหารการกินขาดแคลนหรือไม่ เขาตอบไม่และยอมรับว่าอุดมสมบูรณ์จริงๆ เมื่อเทียบกับบางบ้านที่เริ่มประหยัด รัดเข็มขัดมากขึ้นด้วยเงินเท่าเดิมจนทุกวันนี้ บ้านฉันนอกจากจะไม่ขาดแคลน ยังมีของกินไปฝากใครต่อใครสม่ำเสมอ ซึ่งเขาประจักษ์ด้วยใจของเขาเอง จากวันนั้นเขาไม่เคยถามอีกเลย


ก่อนรับเชื่อฉันไม่เคยถวายเงิน ถวายแต่อาหาร หลังจากรับเชื่อแล้วฉันเริ่มถวายเงินทุกอาทิตย์ แม้เพียงเหรียญเดียวฉันก็ถวาย เมื่อพระเจ้านำฉันมาคริสตจักรสามัคคีธรรม ฉันถวายเงินทุกอาทิตย์แต่ไม่ใช่สิบลด เพราะตัวเองไม่มีรายได้ ไม่รู้จะคิดสิบลดได้อย่างไร? เงินที่บริหารจัดการอยู่เป็นของครอบครัว ฉันไม่มีสิทธินำมาใช้ส่วนตัวตามอำเภอใจ แต่ฉันถวายเงินจากเศษสตางค์ที่เคยคิดขอไว้และหยอดกระปุกเก็บไว้นั่นเอง ต่อมาเมื่อฉันเรียนรู้จากพระเจ้ามากขึ้น ที่สุดฉันคิดตั้งตัวเลขเงินเดือนของตัวเองขึ้นมา จากงานรับใช้ในบ้านเป็นตัวเลขลบ แล้วคิดว่าฉันควรมีสิบลดจากจำนวนนี้โดยเฉลี่ยถวายทุกอาทิตย์ ด้วยพระคุณของพระเจ้าปรากฏว่าฉันถวายเกินสิบลดแทบจะทุกเดือน นอกจากนี้ยังมีเงินพอซื้อของมาทำขนมถวายโบสถ์ สำหรับช่วงกาแฟในการนมัสการรอบเช้าบ้าง หรือทำขนมมาถวายสหกรณ์ เพื่อขายเป็นรายได้เข้าโบสถ์โดยถวายเงินให้โบสถ์ทั้งหมด จากการถวายดังกล่าวครอบครัวฉันและตัวฉันเองไม่ขาดแคลนอะไรเลย บางครั้งยังมีเงินเก็บเล็กๆ น้อยแบ่งปันช่วยผู้ขัดสนด้วยและเริ่มมีเงินพอแบ่งปันให้ญาติพี่น้องของฉันเองบ้าง หลังจากที่ไม่เคยให้มานานมาก

ากสิบลดของเงินเดือนที่ตั้งไว้ ฉันเปลี่ยนมาเป็นสิบลดของรายรับที่ได้มาสำหรับใช้ในบ้านทุกวัน แม้ฉันจะไม่มีสิทธินำมาใช้ส่วนตัว แต่ฉันเป็นตัวแทนของครอบครัว และครอบครัวฉันต้องถวายสิบลด เพราะฉันเชื่อว่าเมื่อพวกเราทุกคนพึ่งพระเจ้าแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เชื่อพระเยซู แต่ฉันเชื่อ ฉะนั้นพระพรของพระเจ้าจะไหลผ่านชีวิตฉันไปยังคนในครอบครัวด้วย ฉันเก็บเงินสิบลดไว้ทุกวัน และนำไปถวายในวันอาทิตย์ เงินสิบลดของรายรับนั้นมากกว่า เงินสิบลดของเงินเดือนที่ฉันตั้งไว้เกือบ 5 เท่า ด้วยพระคุณพระเจ้าฉันถวายได้ ยังมีเงินทำขนมได้เหมือนเดิม ครอบครัวฉันไม่ขาดแคลนอะไรเลย เศษสตางค์หยอดกระปุกยังมีเหมือนเคย

มื่อโบสถ์มีนิมิตสร้างอาคารหลังใหม่ ฉันตั้งเป้าถวายเงินก้อนใหญ่มาก (สำหรับฉันซึ่งไม่มีรายได้และยังไม่มีตัวเงินให้จับต้องได้) เพราะฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้แน่นอน(จากหนังสือพระธรรมมัทธิว19:26 เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า ทุกคนที่มีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้เขาอีก แต่ผู้ที่ไม่มีแม้ว่าซึ่งเขามีอยู่นั้น จะต้องเอาไปจากเขา
พระเจ้าสอนฉันมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับการถวาย และการตั้งเป้าถวายสิ่งใดก็ตาม ฉันตั้งเป้าสูงสุดเอื้อมทุกครั้ง ถ้าพระเจ้าเป็นจริง และยิ่งใหญ่ทำสิ่งเหลือเชื่อให้เกิดในชีวิตของผู้รับใช้มากมายหลายท่าน ที่ฉันได้อ่านคำพยานเรื่องราวต่างๆ ของท่านจากหนังสือมากมายหลายเล่ม และพระเจ้าของท่านเหล่านั้นเป็นพระเจ้าองค์เดียวกันกับที่ฉันแสวงหาอยู่ในเวลานี้ พระองค์จะสำแดงความยิ่งใหญ่และเป็นจริงในชีวิตฉันด้วยแน่นอน ดังนั้นอะไรก็ตามที่เป็นงานของพระเจ้า ฉันจึงคิดใหญ่โตมโหฬารทุกเรื่อง และของานรับใช้เพิ่มขึ้นสุดแต่พระองค์จะให้ทำอะไร ขอฤทธิ์เดชของพระองค์ปรากฏในชีวิตฉัน ขอเพิ่มพูนความเชื่อของฉัน ขอสติปัญญาเพิ่มขึ้น และขอทำความรู้จักพระองค์มากขึ้นทุกวันๆ พระองค์สอนให้ฉันมุ่งมุ่นอยู่กับพระองค์ไม่ใช่กิจกรรมที่พระองค์ให้ทำ แล้วพระองค์จะใช้ฉันเองด้วยวิธีการของพระองค์ ฉันเพียงหลับตากางแขนออก ไม่วอกแวกกับสถานการณ์แวดล้อม ดั่งจิตตรงไปที่พระองค์แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้ฉันบินไดดังนกอินทรี ข้ามพ้นนาๆ ปัญหา เข้าสู่ความสุขสงบและความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์ของพระองค์ ดังพระสัญญาในหนังสือพระธรรมอิสยาห์ 40:28-31
ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือ พระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง แม้คนหนุ่มๆจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ยและพระสัญญาจากหนังสือพระธรรมลูกา21:3-4 ซึ่งเป็นเรื่องเงินถวายของหญิงม่าย

ระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่คนทั้งปวงนี้ เพราะว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวาย แต่ผู้หญิงคนนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาเงินที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตของตนมาใส่จนหมด และจากพระสัญญาในหนังสือพระธรรมมัทธิว 10:42 และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้

ฉันเขียนคำพยานนี้ เพื่อหนุนใจพี่น้อง ถ้าท่านเต็มใจถวาย ด้วยความสัตย์ซื่อ ด้วยความจริงใจ โดยไม่ได้ตั้งความหวังว่า “ถวายแล้วพระเจ้าต้องอวยพรฉัน” เมื่อถวายสิ่งใดก็ถวายสุดกำลัง พร้อมตั้งเป้าสูงสุดที่จะไขว้คว้าด้วยกำลังของตนเอง และมุ่งมั่นไปให้ถึงด้วยการพึ่งพิงพระเจ้าอย่างแท้จริง พี่น้องจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์จะทรงดูแลปกป้องท่านอวยพรท่าน พระสัญญามากมายหลายร้อยข้อในหนังสือพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ จะเป็นจริงในชีวิตของพี่น้อง เพียงแต่ว่า วันนี้ท่านเต็มใจถวายหมดหัวใจหรือยัง?

ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร

Visitor 95

 อ่านบทความย้อนหลัง