พระพรในยามวิกฤติ

8 เมษยายน 2009

อจ.ดาวิด แก้วปราการ


สวัสดีครับพี่น้องที่รักในพระคริสต์

หายจากกันไปนานหลายเดือน เพราะติดภาระกิจหลายอย่าง อีกทั้งติดขัดกับอุปกรณ์คือ คอมพิวเตอร์ไม่เต็มใจให้ทำงานได้เลย ต้องแก้ไขส่งศูนย์ตรวจเช็ดหลายรอบ เวลาไปรับเครื่องที่ศูนย์ ดูเหมือนว่าใช้งานได้และมีประสิทธิภาพ พอนำมาถึงบ้านลงมือทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ยอมให้ใช้งาน ต้องส่งเช็ดที่สูนย์หลายรอบ

ปี 2009 เป็นปีแห่งวิกฤตหลายอย่าง เป็นปีที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง หรือที่หลายคนเรียกว่า "เศรษฐกิจย่ำแย่ " กิจการ โรงงาน ห้างร้าน บริษัทต่างๆ กำลังจะปิดตัวลง หรือปรับปรุงพัฒนาเพื่อให้อยู่ได้ คนที่ทำงานมีจำนวนมากมายต้องตกงาน และต้องพบกับความยากลำบาก ความสับสน กังวลใจ ผู้คนมากมายต้องการเพื่อน ต้องการกำลังใจ ต้องการหาคำตอบ ต้องการทราบว่า ต่อไปนี้จะอยู่อย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไร

ในพระธรรมมัทธิวบทที่ 14 ข้อ 13 ถึง 21 เป็นพระวจนะที่น่าสนใจและให้ข้อคิด เมือพระเยซูคริสต์เจ้าได้สั่งสอน รักษาโรค ให้กำลังใจผู้คนมากมาย จนถึงเวลาเย็นมากแล้ว กลุ่มสาวกของพระเยซูได้พูดกับพระองค์ว่า ขอให้กลุ่มชนมากมายเหล่านี้กลับไปบ้าน เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหาร พระเยซูคริสต์ได้พูดกับสาวกของพระองค์ว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี้ พวกท่านจงเลี้ยงเชาเถิด คำพูดของพระเยซูสร้างความสับสน ความกังวลใจให้กับเหล่าสาวกมาก เพราะว่าในสภาพความเป็นจริง สภาพที่เขาอยู่แห้งแล้ง ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั้งอาหาร เงินทองที่มีก็ไม่พอที่จะซื้ออาหารมาเลี้ยงได้ สภาพเช่นนี้คือสภาพแห่งวิกฤต แต่อย่างไรก็ตาม พระเยซูยังพูดต่อไปว่า จงเลี้ยงดูเขาเถิด

ในสภาพความเป็นจริงของเราเช่นกัน เราอาจจะพบสภาพแห่งวิกฤต มีปัญหาเข้ามา มีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา กระทบกับจิตใจของเรา สิ่งสำคัญเราต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องแห่งความจริง เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้ เป็นเรื่องที่เราต้องผ่านพ้นไปให้ได้ สาวกของพระเยซูเช่นกัน กำลังเผชิญกับความจริงที่เกิดขึ้น สถานที่ที่เขาอยู่เป็นพื้นที่แห้งแล้งกันดารอาหาร แม้ว่าจะมีเงินทองแต่ก็ไม่พอในการใช้จ่ายที่จะไปซื้ออาหารมาเลี้ยงผู้คนมากมาย คำพูดของพระเยซูที่ให้เลี้ยงดูก็ก้องอยู่ภายในจิตใจ แต่สุดท้ายพระเยซูคริสต์เจ้าได้เลี้ยงอาหารผู้คนมากมาย จากขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว และยังเหลืออีก 12 กระบุงเต็ม

เมือนำพระวจนะตอนนี้มาประยุกต์กับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ผมเชื่อมั่นว่าไม่แตกต่างกันเลย เพราะสภาพที่เกิดขึ้นคือสภาพวิกฤตทางเศรษฐกิจ สภาพทางการเงิน สภาพที่ไม่มีอะไรที่พร้อมในบางสิ่งบางอย่างสำหรับเรา คำพูดของพระเยซูที่พูดกับสาวก พวกท่านจงเลี้ยงดูเขาเถิด เป็นคำพูดที่บ่งบอกมาถึงเราทั้งหลายด้วยว่า เราต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และเราต้องก้าวต่อไปด้วยความเชื่อ เริ่มต้นจากสิ่งที่เรามี ทำในสิ่งที่เรามี หากเป็นผู้รับใช้ ต้องรับใช้ในสิ่งที่เรามี ไม่ใช่ต้องการความพร้อมก่อนจึงจะรับใช้ หรือถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือไม่มีการสนับสนุน ก็ไม่รับใช้ วิกฤคที่เกิดขึ้นย่อมจะมีคำตอบหรือทางออกอยู่ในตัวเอง

พี่น้องที่รัก สาวกก็พบกับวิกฤตเช่นกัน สถานที่กันดาร เงินมีไม่เพียงพอ เมือขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวคือคำตอบ ทำให้เราต้องคิดเช่นกัน เป็นไปได้ไหมที่พระเจ้าให้วิกฤตเกิดขึ้นกับเรา เพื่อให้เราเข้าใจพระเจ้ามากขึ้น พึ่งพระเจ้ามากขึ้น พระองค์ต้องการให้เรายอมรับความจริงในสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น และเริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นความจริงด้วยความเชื่อ หรือจะพูดอีกประการหนึ่งว่า เริ่มต้นจากความพอเพียงที่เราเป็นอยู่ หากเราไม่ท้อใจ มีชีวิตสัตย์ซื่อกับพระองค์ แน่นอนวันหนึ่งจะเป็นพระพรสำหรับเรา ปัญหาวิกฤตต่างๆก็จะผ่านพ้นไป และเป็นไปได้ที่เราจะพบกับพระพร 12 กระบุงเต็มด้วย

ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราทั้งหลายที่จะก้าวต่อไปด้วยความเชื่อ วางใจในพระองค์ เมือเกิดวิกฤตใดๆ อย่ากลัว อย่าสับสน ยอมรับความจริง ก้าวต่อไป แล้วเราจะพบคำตอบ เหมือนกับขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวที่เป็นคำตอบและอาจจะมีประสบการณืเช่นเดียวกับ 12 กระบุงเค็ม


ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร

อ. ดาวิด แก้วประการ
Visitor 161

 อ่านบทความย้อนหลัง