ผู้เป็น

คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2009

โดย ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

มาระโก 16:14-20
ภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่สาวกสิบเอ็ดคนนั้นเอง เมื่อเขานั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงติเตียนเขาเพราะเขาสงสัยและใจดื้อดึง ด้วยเหตุที่เขามิได้เชื่อคนซึ่งได้เห็นพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น คือเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา และเขาจะวางมือบนคนไข้คนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค” ครั้นพระเยซูเจ้าตรัสสั่งเขาแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ให้ขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า พวกสาวกเหล่านั้นจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งทุกตำบล และพระเป็นเจ้าทรงร่วมงานกับเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของเขา โดยหมายสำคัญที่ประกอบนั้น

วันนี้เป็นวันอีสเตอร์ คือวันที่พระเยซูทรงฟื้นพระชนม์ขึ้นมาจากความตาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เป็นวันศุกร์ประเสริฐ คือวันที่พระเยซูทรงวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน ทุกคนคิดว่าสิ้นหวังแล้ว แต่พอเช้าวันอาทิตย์วันนี้ พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจากความตาย เป็นวันแห่งชัยชนะ เป็นวันแห่งความปิติยินดี
พระองค์ทรงปรากฏกับพวกสาวกหลายครั้ง ตั้งแต่เช้ามืดทรงปรากฏกับพวกผู้หญิง มารีย์มักดาลา ตอนบ่ายทรงเสด็จดำเนินไปกับสาวก 2 คนไปยังเอ็มมาอูส คืนวันอาทิตย์อีสเตอร์ทรงปรากฏกับสาวก 10 คน ไม่มีโธมัส แต่วันอาทิตย์หลังวันอาทิตย์อีสเตอร์ทรงปรากฏแก่พวกสาวกอีกครั้ง คราวนี้พบกับสาวก 11 คน ผมเข้าใจว่า มาระโก 16:14 การพบกับพวกสาวกในครั้งนี้
ทำไมเราจึงเชื่อว่าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่
(1) คำพยาน อันดับแรกพวกเขาได้ฟังคำพยานของพวกผู้หญิง พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาว่าพวกเขามีใจดื้อกระด้าง ไม่เชื่อ ทุกวันนี้เราสามารถมั่นใจในการทรงพระชนม์อยู่ของพระเยซู
เพราะคำพยาน ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้อง ควรทำให้เรามีความเชื่อในพระเยซู
(2) เห็นการทรงสำแดง พระเยซูทรงปรากฏกับพวกสาวก หลายครั้งในช่วงเวลา 40 วัน ทำให้พวกเขามีความมั่นใจทวีขึ้น หลายคนท่ามกลางพี่น้องอาจเคยเห็นพระเยซู ด้วยตาฝ่ายเนื้อหนัง หรือตาฝ่ายวิญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า
(3) ได้สนทนากับพระองค์และสัมผัสพระองค์ พวกสาวกไม่เพียงแต่เห็นพระองค์ พวกเขาพูดคุยกับพระองค์ โธมัสได้สัมผัสพระหัตถ์และสีข้างของพระองค์ ทุกวันนี้ เรามีความมั่นใจว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เพราะพระองค์ทรงสัมผัสหัวใจ และเมื่อเราได้อธิษฐานสนทนากับพระองค์
พระองค์ไม่เพียงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวกเท่านั้น แต่พระองค์ทรงมอบหมายพระมหาบัญชาให้ด้วย พระเยซูทรงสั่งให้พวกเขาออกไปประกาศข่าวประเสริฐ พระองค์ตรัสว่าคนที่เชื่อก็จะได้รับความรอด อันหมายถึงพระเจ้าทรงอภัยโทษความผิดบาปของเขา

ที่ใดที่มีความเชื่อ หมายสำคัญต่อไปนี้ก็จะเกิดขึ้น
(1) เมื่อเขาขับผี ผีก็จะออก ตัวอย่างเช่น เปาโล เคยขับผีหมอดูออกจากทาสสาว ช่วยทำให้เธอเป็นอิสระ แต่ก็ทำให้นายของเขาหมดทางหากิน และโกรธแค้น (กิจการ 16:16-18) เราเคยขับผีออกหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น พี่น้องที่มาจากเพชรเกษมซอย 112
วันนี้เธอมีอิสระ และกลับไปอยู่ที่กาญจนบุรี
(2) เขาจะพูดภาษาแปลกๆ เรื่องนี้ปรากฏตั้งแต่พระธรรมกิจการ 12:1-4 ในวันเพนเตคศเต

และทุกวันนี้พี่น้องจำนวนมากก็ไดรับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และพูดภาษาแปลกๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด
(3) เขาจะจับงูได้ ถ้าเขากินยาพิษก็จะไม่เป็นอันตรายสิ่งใด เปาโลเคยถูกงูพิษกัดที่เกาะมอลตา หลังจากเรือแตก แต่พระเจ้าทรงให้ท่านปลอดภัย จนทำให้ชาวเกาะมาเชื่อถือในพระเยซู ( กิจการ 27:3 )

อาจารย์ดาวิดเคยถูกงูพิษกัด เมื่อตอนที่ท่านเดินข้ามห้วยไปรับพี่น้องที่บ้านแก่งดินสอ ที่กบินทร์บุรี เข้าใจว่าเป็นงูเห่าด้วย แต่พระเจ้าทรงโปรดให้ท่านปลอดภัย ดร.โช ยองกี เคยเล่าให้ฟังว่าลูกของท่านปลอดภัยจากอาหารที่โรงเรียนเป็นพิษ ในขณะที่นักเรียนต้องพากันเข้าโรงพยาบาลยกชั้น พระเยซูทรงพระชนม์อยู่จริงๆ
(4) เมื่อเขาวางมือ คนป่วยจะหายโรค
เปาโลวางมือบนคนไข้คนป่วยเยอะ และพระเจ้าทรงช่วยให้คนหายโรค เช่น เปาโลวางมือ รักษาผู้ป่วยที่เอเฟซัส ตาม กิจการ 19:11

ทุกวันนี้ เรามีข้อพิสูจน์ว่าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่ ดูได้จากหมายสำคัญที่พรองค์ทรง
สนับสาวกของพระองค์
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Visitor 47

 อ่านบทความย้อนหลัง