อย่ายอมเป็นคนไม่มีเงิน

สวัสดีค่ะพี่น้องทุกท่าน

งิน....เงิน...เงิน มีใครไม่ชอบเงิน(หมายถึงเงินที่สามารถใช้ซื้อของ ซื้อบริการและใช้หนี้ ได้ตามกฎหมายนะค่ะ) ยกมือขึ้น ไม่มีเลย!! ไม่แปลกใจใช่ไหมค่ะ ฉันยังชอบเงินเลย แล้วคุณล่ะ! รู้นะก็ชอบเหมือนกันไม่ต้องเขินค่ะ ไม่มีใครว่า ไม่มีใครตำหนิ เพียงแต่ว่าคุณชอบเงินอย่างไร?

อบอยากมีเงิน เพื่อใช้มันสนองกิเลส ปรนเปรอความอยากในทุกอารมณ์ของคุณ ทุ่มเททำงานงกๆ เพื่อจะได้เงินมากๆ หรือชอบเงินเพราะรู้สึกมีเงินเยอะๆ ทำให้มีอำนาจมาก ผู้คนยกย่องนับถือ หรือมีเงินเยอะๆ ทำอะไรดูดีถูกต้องไปหมด แม้จะขัดศีลธรรมหรือกฎหมายบ้างไม่เป็นไร เพราะมีพวกลิ่วล้อประจบสอพลอคอยแก้ต่างให้ หรือคุณชอบเงินเพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือจรรโลงความถูกต้องของชีวิตและเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในความเป็นอยู่ หรือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายวิถีธรรมตามคำสอนของพระเจ้าพระเยซูคริสต์
 

ต้องถามตัวคุณเองว่า คุณชอบเงินแนวไหน มองให้ลึกลงไปในใจของคุณด้วยความสัตย์ซื่อ ไม่แก้ตัว ไม่เข้าข้างตัวเอง คำตอบจะผุดขึ้นมาเอง แล้วคุณจะตระหนักรู้ว่าคุณชอบเงิน เพื่อให้เงินเป็นพระเจ้าของคุณ หรือคุณชอบเงิน เพื่อให้มันเป็นข้ารับใช้นำไปสู่ความดีงามของชีวิต
ถ้าเงินคือพระเจ้าของคุณ ฉันไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณจริง ๆ ขอเชิญคุณตะเกียกตะกายก้มหน้าก้มตารับใช้มันต่อไป ขอโทษนะคะที่พูดตรงไปตรงมาชัดเจน ไม่ต้องเสียเวลาตีความให้เนิ่นช้า
แต่ถ้าเงินคือข้ารับใช้ของคุณ วันนี้คุณคิดว่า คุณมีเงินมากพอแล้วหรือยัง?
วันนี้ ณ สถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยครอบงำโลก คุณคิดว่ายังมีเงินเพียงพออยู่หรือไม่?
ในภาวะข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุมอย่างนี้ คุณคิดว่า คุณจนลงหรือไม่?
เดี๋ยวนี้ ขณะนี้คุณคิดอย่างไร กับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ ลดลงจนน่าใจหาย ตกใจ หดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือฮึดสู้ แม้กระเป๋าสตางค์จะว่างเปล่าไร้ร่องรอยธนบัตร แต่ยังมีกระเป๋าอยู่ เพื่อรอบรรจุธนบัตรใบใหม่ที่จะมีในอนาคตอันใกล้ และไม่นานเกินรอ
ถ้าคุณกำลังเผชิญภูเขาทางการเงินทับถมจนแทบไม่มีแรงกระดิกกระเดี้ยอารมณ์ ความคิด และไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไรก็ตาม ฉันผู้เคยผ่านประสบการณ์ไม่มีเงินสักบาทเดียวมาแล้ว ขออนุญาตให้กำลังใจคุณ และขออนุญาตแนะนำคุณอย่างคนกันเองใน “บ้านดีมีสุข” ของพวกเรานะคะว่า
 

ย่ายอมเป็นคนไม่มีเงิน แม้ไม่มีสักเหรียญเดียว หรือแบงก์สักใบในอุ้งมือ (แม้แต่กระเป๋าสตางค์ก็ไม่มีแล้ว) ฉันไม่ได้แนะนำให้คุณโกหกตัวเอง หรือไม่ยอมรับความจริงนะคะ แต่อยากจะเตือนสติให้คุณยอมรับรู้ถึงเหตุที่เกิดขึ้น แต่อย่ายอมรับให้มันเข้ามาฝังรกรากในชีวิตของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณพ่ายแพ้ในเกมชีวิตที่คุณเป็นผู้เล่นเอง เขียนบทเอง คุณจะเป็นผู้พ่ายแพ้ หรือผู้ชนะ คือตัวคุณเอง เป็นผู้กำหนด

ฉันคิดเสมอว่า เงินเป็นของนอกกาย มันจากไปไม่นานเดี๋ยวมันก็กลับมา
ฉันจึงไม่เคยเป็นคนไม่มีเงิน แม้ในขณะที่ฉันมีเพียงเศษสตางค์ค่ารถเมล์ไปกลับ เพื่อไปเยี่ยมแม่ซึ่งป่วยหนักอยู่ ฉันไม่เคยโศกสลด หดหู่ใจ หรือถามตัวเองว่าทำไมไม่มีเงิน ฉันไม่เคยคิดจริงๆ ว่าฉันเป็นคนไม่มีเงิน ฉันจึงไม่เคยตกเป็นเหยื่อของเงิน มันไม่สามารถก่อความทุกข์ให้ฉันได้ ชั่วชีวิตของฉันไม่เคยทุกข์ยากลำบากใจเพราะไม่มีเงินเลย แม้อดีตที่ผ่านมา บางวันล้วงกระเป๋าที่ไรเจอแต่กำมือ ฉันก็ไม่ทุรนทุราย สถานการณ์ที่ฉันเผชิญมาอาจหนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่าคุณในเวลานี้ด้วยซ้ำไป แต่ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเงิน คิดอย่างเดียวว่า ฉันจะก้าวข้ามหุบเหวนรกนี้ไปได้อย่างไร ฉันมองตรงไปข้างหน้าอันไกลโพ้นแต่สดใสเขียวขจี ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนทำให้ฉันมีพลังวิ่งกระโดดข้ามหุบเหวมรณะที่ขวางทางชีวิตอยู่พ้นไปได้อย่างสวยงาม พี่น้องคะถ้าคุณคริสเตียน คุณรู้ไหมใช่ไหมค่ะว่า กำลังของฉันมาจากพระเยซูคริสต์ เมื่อฉันยอมรับเชื่อพระเยซูคริสต์ มอบถวายชีวิตของฉันให้พระองค์ครอบครอง พระองค์ทรงสถิตอยู่ในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันเข้มแข็งอดทนเผชิญกับความผันผวนของสังคมโลกได้อย่างมั่นคง ถ้าคุณสงสัยว่า พระเยซูคริสต์จะช่วยคุณได้จริงหรือโทรศัพท์คุยกับฉันซิค่ะที่คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ 02-331-2530 ต่อ 101 ฉันยินดีแบ่งปันประสบการณ์กับคุณและหนุนใจคุณสุดกำลังเลยค่ะ อย่ายอมเป็นคนไม่มีเงินนะคะ
นั่นหมายถึงว่า คุณต้องหยุดความคิดตัวเองอยู่กับปัจจุบัน มองไปรอบๆตัวเอง คุณมีอะไรมากน้อยแค่ไหน ตู้เย็นใบใหญ่บรรจุอะไรไว้บ้าง ถังข้าวสารยังมีข้าวสารพร้อมหุงกินไฟฟ้าส่องสว่างเหมือนวันวาน ยังมีน้ำไหลจากก๊อกประปา คุณมีลูก มีสามี(หรือภรรยา) มีบ้านหรืออาจจะมีรถด้วย คุณมีเพื่อน คุณมี...เห็นไหมคะว่า มากมายเยอะแยะจนคิดไม่ถึงที่เดียว อย่าเพียงแต่ยืนมองแล้วคิดๆอย่างเดียว หยิบกระดาษดินสอขึ้นมา เขียนลงไปเลยว่า ณ เวลานี้ คุณมีอะไรบ้าง เสื้อผ้าเต็มตู้ รองเท้ามีกี่คู่ โทรทัศน์ หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน โซฟาชุดรับแขกฯลฯ แล้วจะยอมรับว่าตัวเองไม่มีเงินได้อย่างไรคะ ทุกอย่างที่คุณมีอยู่เป็นเงินทั้งนั้น ไม่เชื่อเอาไปขายซิค่ะคุณก็มีเงินแล้ว

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะมีเงินหรือทำอย่างไรถึงจะรวย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณจะบริหารจัดการทรัพยากรที่คุณมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ซึ่งผลที่จะตามมานั้น ฉันเชื่อเต็มล้นหัวใจเลยว่า ภูเขามหึมาที่ทับหัวอกคุณจะสลายตัวกลายเป็นปุยเมฆลอยสูงขึ้นไปเพื่อกลั่นตัวเป็นหยดน้ำโปรยปรายประพรมให้ความชุ่มฉ่ำกับชีวิตของคุณ ฉันเชื่อว่าคุณทำได้แล้วคุณล่ะค่ะ ณ ลมหายใจนี้ คุณเชื่อแล้วใช่ไหมคะว่า คุณเป็นคนมีเงิน และคุณกำลังจะใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป
คุณอาจจะคิดว่า “พูดน่ะง่าย” แต่ “ทำนี่ซิ” ฉันรับรองว่า ง่ายเหมือนกัน แต่ทำยาก แต่ทำได้ถ้าคุณมุ่งมั่นและมีความอดทนชัยชนะเป็นของคุณ 50% แล้ว
ถ้ารายได้ของคุณลดลงครึ่งหนึ่ง อย่าสิ้นหวังท้อแท้ใจ ลุกขึ้นยืดแข้งยืดขายอมรับความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น แม้รายได้จะลดลงแต่ยังมีรายได้อยู่ ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังมีรายได้ มองไปที่คนตกงานซึ่งหมายความว่าเขากำลังแย่เพราะไม่มีรายได้เป็นตัวเงิน หรือมองไปที่คนแบกถุงเก่าๆ คุ้ยเขี่ยหาเศษกระดาษ กระป๋อง ขวด กระทั่งเศษอาหารแล้วจะรู้สึกว่า “ตัวเราดีกว่าเขาร้อยเท่า” คิดได้อย่างนี้กำลังใจมาแล้วใช่ไหมคะ แท้ที่จริงแล้วชีวิตเราไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลย เรายังมีอะไรดีๆมากมาย เอาล่ะค่ะ เราจะมาร่วมมือกันจัดการกับเงินของเราให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้มากที่สุด แม้จะมีจำนวนลดลงกว่าก่อนก็ตาม
ขั้นแรก คำนวณรายจ่ายเป็นวัน เช่นถ้าคุณมีเงินเดือน 4,000 บาท เอา 31 หาร หารจะได้ประมาณ 128 บาท เหลือเศษนิดหน่อย ตกลงใจเลยว่าแต่ละวันจะใช้ไม่เกิน 128 บาทและใช้เพื่อสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่เท่านั้นจริงๆ ถ้าวันไหนมีเศษเงินเหลือ แม้เพียงเหรียญเดียว ต้องเก็บหยอดกระปุกไว้ เดือนที่มี 30 วันจะเหลือเงินอีก 1 วัน คือ 128 บาทเก็บไว้ หรือให้รางวัลกับครอบครัวด้วยการซื้อไก่หรือหมูเพี่มขึ้นบ้าง หลังจากที่กินแต่ผักมาเสียหลายวัน
ขั้นที่สอง ตัดสิ่งฟุ่มเฟือยทุกอย่างในชีวิต ตลอดจนในครอบครัวทิ้งไป เลิกให้เงินลูกเล่นเกมส์หรือซื้อขนมถุงๆ กิน เลิกซื้อน้ำอัดลมทุกชนิด ถ้าต้องกดน้ำดื่มจากตู้บริการข้างบ้านละก้อ หยุดได้เลย ต้มน้ำกินเองประหยัดเงินได้เยอะทีเดียว กาแฟ ปาท่องโก๋ ขนมปัง เลิกเลยคิดเสียว่า ไม่กินไม่ตาย กินข้าวดีกว่าอิ่มนานด้วย เลิกซื้อกับข้าวถุง ทำกินเองดีกว่า เงินคุณจะเหลือทันตาเห็น เพราะกับข้าวถุงละ 30 บาท ต้นทุนประมาณ 10 บาท เท่านั้น สมมติว่าคุณซื้อ 2 ถุง 60 บาท ทำเองคุณจะใช้ทุน 20 บาท คุณมีเงินเหลือ 40 บาท การทำกับข้าวกินเอง นอกจากประหยัดยังสะอาดปลอดภัยดีต่อสุขภาพของทุกคนอีกด้วย
เมื่องบประมาณจำกัด เราจะกินผักกินไข่มากขึ้น เนื้อหมูเนื้อไก่กินน้อยลง ฉันเคยซื้อปลาทูเข่งละ 10 บาทมีปลาทูตัวเล็กๆ 3 ตัว ซื้อครั้งละ 3 เข่ง แม่ค้าถาม “แมวที่บ้านหลายตัวเหรอ” ฉันบอกว่า “เอาไปให้คนกิน” แม่ค้าทำหน้างงๆ ฉันเลยรู้ว่าปลาทูอย่างนั้นเขาเรียก ปลาเลี้ยงแมว แต่ฉันกับทุกคนในบ้านกินกันอย่างเอร็ดอร่อยไม่ต่างไปจากปลาตัวใหญ่เลย เนื้อสัตว์พืชผักผลไม้อะไรที่ราคาสูงๆอย่าไปมองมันให้เกิดกิเลส กินของถูกๆ มีฝีมือในการทำอาหาร ผักถูกผักแพงทำแล้วอร่อยเหมือนกัน ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องทำอาหาร ปรึกษาได้ค่ะ ฉันยินดีรับใช้
นอกจากอาหารแล้วของใช้ไม่จำเป็น เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม, เจลดับกลิ่นห้องน้ำ, หรืออะไรก็ตามที่ไม่มีไม่ทำความเสียหายให้กับชีวิต เลิกเถอะ แล้วเงินคุณจะเหลือ ลองสำรวจรอบๆตัวซิคะว่าอะไรฟุ่มเฟือยสนองกิเลสแล้วคุณจะรู้ว่า ทำไมเราช่างฟุ่มเฟือยเสียจริงๆ ยังไม่สายค่ะเริ่มจัดการ การใช้เงินของคุณวันนี้เลยนะค่ะ
ขั้นที่สาม คุณประหยัดคนเดียวไม่พอค่ะ บอกความจริงกับสมาชิกในบ้านทุกคนว่า สถานะการเงินวันนี้เป็นอย่างไร? ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า จำไว้ว่าคุณต้องเด็ดขาด เมื่อลูกขอเงินเพิ่มเพื่อเล่นเกมส์เที่ยวไปกับเพื่อนไม่ให้แต่อย่าด่าลูก อธิบายให้เขาฟัง ถ้าเขาต้องการจริงๆ สอนให้เขาเก็บออมจากค่าขนมของเขาเอง เป็นการฝึกวินัยทางการเงินให้ลูก ซึ่งจะมีผลในอนาคตเมื่อเขาทำงานมีเงินเป็นของตัวเอง เขาจะรู้จักใช้เงินอย่างมีเหตุผล
ขั้นที่สี่ อย่า้ยืมเงินนอกระบบ หรือยืมเงินจากที่หนึ่งมาจับจ่ายใช้สอย แล้วยืมอีกที่หนึ่งไปใช้คืนเจ้าหนี้ หมุนวนเป็นงูกินหาง เพราะหลายคนที่ทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้สถานะทางการเงินของตนดีขึ้นเลย กลับย่ำแย่ลงไปอีกมีเจ้าหนี้เพิ่มขึ้น นรกเป็นอย่างไรก็รู้กันตอนนี้แหละ
 

ขั้นที่ห้า ถ้าลูกกำลังเรียนระดับ ม.ปลายถึงอุดมศึกษา ยื่นขอยืมเงินเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลได้เลย เป็นหนี้รัฐบาลดีกว่าเป็นหนี้เอกชนนะคะ ลูกฉันก็ยืมเงินเรียนเหมือนกันตอนนี้เรียนจบทำงานหลายปีแล้ว ในระดับมหาวิทยาลัยมีทุนมากมาย ทั้งจากมูลนิธิ สโมสรฯ บริษัทต่างๆ ที่ให้ทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรีโดยไม่มีเงื่อนไข หรือมีเงื่อนไขบางประการ สนับสนุนให้ลูกค้นหาดู อาจยื่นขอโดยไม่ต้องสอบหรือต้องสอบ ให้ลูกติดตามขอรายละเอียดด้วยตนเองและดูว่ามีทุนเรียนดีหรือไม่ เพราะสมัยฉันเป็นนักเรียน นักศึกษาฉันมักได้ทุนเรียนดีเป็นประจำ ทำให้ประหยัดเงินพ่อแม่ได้มาก นอกจากนี้ยังมีทุนจากรัฐบาลต่างประเทศบางประเทศ ให้ลูกติดตามค้นหาดูนะค่ะ
ขั้นที่หก สำคัญมากค่ะ คุณเคยให้ออกไปทุกวันไหมคะ ฉันหมายถึงการแบ่งปันให้ผู้อื่น หรือถวายให้พระเจ้า ลองนึกดูซิคะ ฉันไม่ได้หมายถึง ปริมาณจำนวนเงินนะคะ เพราะแม้เพียงเหรียญเดียวที่คุณให้ด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย ก็มีพลังมหาศาลมากกว่าเงินแสนเงินล้านที่คนให้ให้เพราะอยากได้หน้าอยากได้สิ่งตอบแทนกลับมา ฉันเคยอยู่ในสภาวะที่เหรียญเดียวยังหายากมาแล้ว แต่ฉันใช้วิธีให้ออกไปทุกวันด้วยการโปรยข้าวให้นกกินทุกวัน ลองนึกดูซิคะว่า คุณละเลยการให้หรือเปล่า เพราะการให้ทำให้เรามีจริงๆ ค่ะ
ไม่มีใครเกิดมาเพื่อจะเป็นผู้รับเพียงฝ่ายเดียวต้องเป็นผู้ให้ด้วย ถ้าเราคิดโวยวายเอาแต่ต้องได้ต้องได้ ตลอดเวลาโดยไม่รู้จักให้ เราจะขาดแคลน แต่ถ้าเรารู้จักให้ให้ทุกวัน พระเจ้าจะอวยพรให้เรามีความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์และเราจะมีให้มากขึ้นทุกวันๆ
จากหลักการสั้นๆ เพียง 6 ประการฉันเชื่อว่าคุณทำได้แน่นอนและบ้านคุณจะไม่ขาดแคลนสิ่งดีอันใดเลย สมาชิกในบ้านของพวกเราทุกคนจะเปรมปรีดิ์สมกับเป็น “บ้านดีมีสุข”
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรค่ะ

ข้อคิดจากพระคริสตธรรมคัมภีร์
- แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ (มธ6:33)
- และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้ (มธ10:42)
- ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มีแม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา (มธ25:29)



Visitor 777

 อ่านบทความย้อนหลัง