ในวิกฤติเศรษฐกิจ_เราจะอยู่เพื่อใคร


ในยุควิกฤติเศรษฐกิจ เราจะใช้ชีวิตเพื่อใคร?
ในยุคพระคัมภีร์ใหม่ ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจนั้นถือว่าย่ำแย่
ประชาชนบ้านนอกอาศัยผลจากการเพาะปลูกในที่ดินน้อยๆที่ตนมี เพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว รายได้ส่วนหนึ่งต้องจ่ายภาษี คนที่อยู่ใกล้ทะเลสาบกาลิลีทำอาชีพประมง (ลูกา 5:2-11) เมื่อการเมืองเปลี่ยน ที่ดินของพวกเขาก็ตกไปอยู่ในมือของนายทุน พวกเขายังทำไร่ไถนาได้ ภายใต้นายทุนใหญ่ คือเฮโรด (มาระโก 3:6) หรือโรมัน ชาวสวนทำงานให้กับเจ้าของ fดังคำอุปมาของพระเยซู( มาระโก 12:2) ชาวเมืองทำงานเป็นคนงานรับ จ้าง ( มัทธิว 20:1 ) แล้วการขบถต่อนายทุนก็เกิดขึ้นเนืองๆ(มาระโก 12:2-9) (Victor Mathew,1988)

สองเดือนที่แล้วผมขึ้นไปขอนแก่น คุยกับชาวบ้านที่นั่น เขาเล่าว่าอดีตพวกเขามีที่ดินทำกิน แต่วันนี้ตัวเขา เช่นเดียวกับชาว บ้านในหมู่บ้าน ขายที่ดินหมดสิ้นแล้ว ผู้ชายชาวบ้านที่นั่นจำนวนมาก มีอาชีพมารับจ้างตัดอ้อยที่กาญจนบุรี กินค่าแรง แถมเอาเงินเขามาใช้ก่อน แล้วค่อยตามทำงานใช้หนี้เสียด้วย เมืองไทยวันนี้จึงไม่ต่างจากปาเลสไตน์ยุคนั้น ปัญหาเกิดเหมือนงูกินหาง จากปัญหาเศรษฐกิจก็เข้าไปกระทบปัญหา
คนในเมืองมีการผลิตเสื้อผ้าส่งมาขายในกรุง (มัทธิว 11:8) ผ้าที่ทอแล้วก็มีการฟอกและย้อมให้สวยงาม (มาระโก 9:3) ร้านค้าที่เยรูซาเล็มมีหม้อ ภาชนะโลหะ และมีดขายทั่วไป สินค้าพวกหนังสัตว์ก็มีตั้งแต่ เข็มขัดจนถึงเต็นท์ ( กิจการ 18:3 ) ชาวบ้านนำข้าว หรือเมล็ดพืชพันธุ์ มะเดื่อ มะกอก จากบ้านของตนมาขายในเมือง น้ำมันหอม และเครื่องเทศ เป็นสินค้านำเข้า ( มาระโก 14:3-5,16:1) ดูๆแล้วก็ไม่ต่างจากเมืองไทยนัก ที่หนักหน่วงสำหรับพวกเขา คือเป็นครั้งพวกเขาพบภัยแล้ง และการกันดารอาหาร เวลาเกิดมาครั้งหนึ่งก็ทุกข์กันไปทั่วแผ่นดิน( ปฐมกาล 12:10,41:57;กิจการ 11:28 )

ที่ผมอยากพูดถึงในที่นี้ ก็คือพี่น้องในสมัยนั้น ไม่ได้ลดละเรื่องการประกาศพระกิตติคุณ ตรงกันข้าม พระกิตติคุณกลับเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้เชื่อการจัดกระจายออกไปเพราะการถูกข่มเหง ประกาศพระวจนะ( กิจการ 8:4 ) จากเยรูซาเล็มถึงสะมาเรีย และไกลออกไปถึงอันทิโอก และต่างประเทศ( กิจการ 11:20) จนคริสตจักรเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก
(กิจการ 21:20)

ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ในความยากลำบาก พวกเขาก็มีใจช่วยเหลือกัน (2 โครินธ์ 8:2-4) เปาโลสอนพี่น้องว่าในคริสตจักร ก็เหมือนร่างกายคนเรา “ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย” (1 โครินธ์ 12:26 ) ผู้ปกครองที่เยรูซาเล็มกำชับเปาโลว่าไปที่ไหนก็ตามอย่าลืมนึกถึงคนจน ( กาลาเทีย 2:10) การสงเคราะห์แม่หม้ายไร้ที่พึ่ง เป็นภาระใจของคริสตจักร ( 1 ทิโมธี 5:16 ) เปาโลสอนพี่น้องว่า “อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ... ข้าพเจ้าเองได้พยายามทำทุกสิ่ง เพื่อให้เป็นที่พอใจคนทั้งปวง มิได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่เห็นแก่ประโยชน์ของคนทั้งหลาย เพื่อให้เขารอดได้” ( 1 โครินธ์ 10:24,33)

ครับ ในยุควิกฤติเศรษฐกิจโลก ประเทศต่างๆเริ่มนโยบายปิดประ เทศ ปิดบ้าน ปิดชีวิต เพื่อเอาตัวรอด พระคัมภีร์กลับสอนเราตรงกันข้าม เพราะยามนี้นั่นเอง เราสมควรรักกันให้มาก มอบสิ่งที่มีให้แก่กันช่วยเหลือ คนทีขัดสน แน่นอนเราต้องขยันทำงาน ขยันประกาศ ขยันรับใช้ ทั้งไม่ลืมชายตาช่วยเหลือกันและกันด้วย เอาสาวกรุ่นแรกเป็นแบบอย่าง แล้วพระพรจะวกกลับมาหาท่านด้วย

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

Visitor 172

 อ่านบทความย้อนหลัง