ลูกติดเกมส์! คือคุณเอง!เป็นคนทำ!
Your child and games addiction.<
โดย อรัญญา ศรีชอบธรรม

 

 สวัสดีค่ะพี่น้องทุก ๆ ท่าน

เด็กติดเกมส์ กำลังเป็นปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวทุกระดับชนชั้น จากนั้นก็ลามไปเป็นปัญหาสร้างความรุนแรง ความเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็วของสังคม ซึ่งก่อให้เกิดคดีทางเพศ คดีอาญา คดีฉกชิง จี้ปล้น ตบตีฆ่าฟันกันอย่างสะใจ ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานมากขึ้นทุกวัน ทั้ง ๆที่เป็นคน ซึ่งยกย่องตัวเองว่าสูงส่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน แต่ทุกวันนี้กำลังน่าสงสัยและน่าจับตามองว่า ทำไมคนบางคนจึงมีพฤติกรรมโหดทารุณยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์นั้นจะทำร้ายสิ่งอื่นต่อเมื่อมันหิว หรือถูกทำร้ายก่อนอย่างเช่นสิงโตเมื่อท้องมันอิ่ม กวางตัวน้อย ๆ สามารถเดินผ่านหน้ามันไปได้อย่างสบาย ๆ แต่ถ้าท้องมันหิวนั่นแหละมันจึงจะเริ่มไล่ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร หรือเมื่อสัตว์ถูกทำร้ายอากัปกิริยาแรกคือมันจะหนี ด้วยเหตุนี้คนที่เดินตามพงหญ้ารก ๆ จึงต้องถือไม้ยาว ๆ หวดไปข้างหน้า และรอบ ๆ ตัว เพื่อให้งูเงี้ยวเขี้ยวขอที่ซุกซ่อนอยู่มองไม่เห็นหนีไป เพราะถ้าเผลอไปเหยียบมันจะถูกกัดได้ แต่ทุกวันนี้คนทำเรื่องร้ายแรงโหดร้ายมากขึ้น ๆ ไม่ใช่เพราะหิวหรือป้องกันตัว แต่ทำตามอารมณ์เพื่อสนองตอบกิเลสตัณหา ซึ่งเป็นบาปหนักอย่างไม่เกรงกลัวพระเจ้าลงโทษ สามารถทำเรื่องโหดร้ายนา ๆ วิธีการต่ำทรามยิ่งขึ้นจนนึกไม่ถึงว่าเป็นการกระทำของคน และน่าหดหู่ใจ น่าตกใจมากที่สถิติผู้ทำเรื่องร้ายแรงเหล่านี้ มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย และอายุน้อยลงทุกวัน ๆ จึงมีข่าวให้เห็นบ่อย ๆ เช่นเด็กชายอายุ 8 ขวบข่มขื่นเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ เด็กหญิงตบตีทำร้ายเพื่อนถึงขั้นวางแผนฆ่าเพื่อแย่งชิงผู้ชาย หรือเด็กวัย 10 กว่าปี วางแผนฆ่าคนเพื่อฉกชิงทรัพย์สินมีค่า เมื่อถูกตำรวจจับได้กลับไม่มีอาการสะทกสะท้านอะไรเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของคุณ คุณเศร้าใจไหมคะ?

เราต้องยอมรับว่าความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวงได้ถูกผลักดันให้ซึมเข้าไปในจิตใจ ของคนตั้งแต่เขายังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ มันเป็นเชื้อร้ายที่ฝังรกรากในจิตใจความคิดจิตวิญญาณของคน ๆ นั้น เพื่อรอเวลาอันเหมาะสมที่จะแตกระเบิดออกมาทำร้ายผู้คนในสังคม และเครื่องมือแพร่เชื้อร้ายนี้อีกชนิดหนึ่งคือเกมส์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเปิดบริการอยู่ดาษดื่น และที่มีใช้เองในบ้าน วันนี้ใน “บ้านดีมีสุข” ของเราจึงขอหยิบยกประเด็นเรื่อง “เด็กติดเกมส์” ขึ้นมาคุยกัน คุณเห็นด้วยใช่ไหมคะ?

พูดกันอย่างตรงไปตรงมา และเปิดใจยอมรับอความจริงกันแล้ว เด็กติดเกมส์ เกิดจากการกระทำอย่างไม่รู้ตัวของพ่อ-แม่เอง ไม่ใช่ใครที่ไหน ลองทบทวนดูซิคะว่า คุณทำอะไรไว้กับลูกบ้างเมื่อเขายังเล็ก ๆ
 

 
ตามใจสารพัดเรื่อง เมื่อลูกร้องต้องการอะไร หรืออยากทำอะไรให้ทุกอย่างด้วยความรักลูกจนลืมนึกถึงเหตุถึงผลควรหรือไม่ควร ไม่กล้าขัดใจ กลัวลูกโกรธ กลัวลูกร้องไห้ลูกยังเล็กอยู่ เอาเถอะไม่เป็นไรโตขึ้นค่อยว่ากันใหม่ แต่จนแล้วจนรอดลูกไม่เคยโตสักที พ่อแม่ไม่เคยสอนไม่เคยบอกเหตุผลไม่เคยพูดคำว่าไม่ได้ ไม่ถูก ไม่ดี เด็กจึงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำ ตัวเองคิดหรือตัวเองต้องการผิดหรือถูกคิดได้อย่างเดียวคือทำได้ ต้องได้ แล้วใครคือผู้ยัดเยียดยาพิษนี้เข้าไปในใจของลูก คือคุณเองที่เป็นพ่อแม่
ทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง พ่อแม่มุ่งมั่นมัวแต่ทำงานหาเงิน เพราะหลงคิดว่าเงินจะบันดาลให้ได้ทุกอย่างตามใจปรารถนา จึงให้เวลากับงานมากกว่าลูก พาลูกไปไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีอยู่มากมายถูกแพงตามราคาต้องการ แม้บางสถานที่จะดูดีมาก แต่จริง ๆ แล้วไร้ซึ่งความอบอุ่นจากใจที่แท้จริง หรือบางครอบครัวจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ดูแลลูกที่บ้านเลย โดยมีปู่ย่าตายายคอยเป็นหูเป็นตา ดูแลกันไปตามเรื่องตามราว ปรากฎว่าลูกติดพี่เลี้ยง เลียนแบบพฤติกรรมพี่เลี้ยง และอาจรักพี่เลี้ยงมากกว่าพ่อแม่ก็มี ถ้าพี่เลี้ยงดีก็รอดตัวไป ถ้าไปเจอพี่เลี้ยงตัวแสบ เด็กจะถูกทำลายความคิดตั้งแต่เล็ก ๆ จากพี่เลี้ยงที่จ้างมา แล้วใครเป็นผู้ทำร้ายลูกของคุณ คือ คุณเองผู้เป็นพ่อแม่ ที่ให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าลูกตัวน้อย ๆ

ตัดความรำคาญโดยผลักลูกไปให้ที.วี.เกมส์ พ่อแม่จำนวนมาก ทนรำคาญไม่ค่อยได้ เพราะเด็กเล็ก ๆ มักจู้จี้จุกจิก ถามโน่นถามนี่ ชวนเล่นชวนคุย เซ้าซี้พ่อแม่เปิด ที.วี. ให้ลูกดูการ์ตูน วัน ๆ เด็กก็เพลินอยู่หน้าจอกับตัวการ์ตูน สมาธิในสมองค่อย ๆ หดหายไปเรื่อย ๆ เพราะภาพจากจอที.วี.ฉับไวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้เด็กหลายคนกลายเป็นสมาธิสั้นไปอย่างน่าสงสาร พอโตอีกนิดนิดหยิบจับอะไรได้ พ่อแม่ยัดเครื่องบังคับไว้ในมือลูก ให้ลูกกดปุ่มเล่นเกมส์ตามสบาย จะได้ไม่มากวนใจ เด็กก็เพลิดเพลินอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ไม่เข้าใจอะไรมากนัก คิดอะไรไม่ได้มาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยเป็น นอกจากเบิ่งตาจ้องจอสี่เหลี่ยม มือถือตัวควบคุมนิ้วกดปุ่มให้ภาพตัดไปตัดมา อารมณ์ความรู้สึกรวมถึงจิตใจความคิด ค่อย ๆ ถูกเนื้อหาในเกมส์ฝังเข้าไปทุกวี่ทุกวัน และอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ เนื้อหาในเกมส์ส่วนมาก ล้วนรุนแรง โหดร้าย สะใจ ไร้ศีลธรรมมากขึ้นตามอายุที่โตขึ้น เชื้อโรคร้ายถูกบ่มเพาะในจิตใจของเด็กจนกลายเป็นมะเร็งร้ายในชีวิตเด็ก จนยากจะเยียวยาทั้งหมดนี้ ใครเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น คือ คุณเองผู้เป็นพ่อแม่ นี่เป็นความจริงแค่ 3 เรื่องเท่านั้น ยังมีความจริงอีกหลายเรื่องที่พ่อแม่เองเป็นคนทำกับลูก เป็นผู้ฝังปัญหาให้เกิดกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่คุณเรียกว่าลูก แต่คุณทำร้ายเขาอย่างไม่รู้ตัวตั้งแต่เขายังเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา อย่าโกรธที่ฉันพูดความจริง ถ้าคุณยอมรับหนทางแก้ไขทอดยาวมาหาคุณแล้ว เพียงแต่คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า คือคุณเองที่ทำให้ลูกติดเกมส์ หรือยังอยากโยนบาปให้แพะก็สุดแล้วแต่คุณ
ฉันเคยเห็นมาแล้วที่พ่อแม่ไม่เคยสอนลูกเลย ตั้งแต่เขายังเด็ก ๆ ทำอะไรถูกทุกอย่าง ดีทุกเรื่อง ใครอย่ามาบังอาจแตะลูกฉันเป็นเกิดเรื่อง พอลูกโตขึ้นไอ้สิ่งที่เขาอยากได้อยากทำชักนอกลู่นอกทางมากขึ้น ก่อปัญหาเนื่อง ๆ พ่อแม่ก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกเพราะไม่เคยสอน ที่สุดก่อปัญหาทุกข์ใจทั้งพ่อแม่ลูก บางครอบครัวเหมือนถลำตกเหวฉุดไม่ขึ้น แล้วเกี่ยวอะไรกับเด็กติดเกมส์ เกี่ยวแน่นอน เพราะเกมส์เป็นสิ่งเสพติดระบาดทั่วบ้านทั่วเมืองทุกซอกซอย ทุกระดับชนชั้นทุกวัยทุกเพศ และที่ร้ายที่สุดคือมันเข้าถึงผู้คนได้ง่ายที่สุด เรียกว่าดีลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้านทีเดียว เมื่อพ่อแม่ตามใจลูกจนเกินเหตุ แน่นอนชนิดแช่แป้งไว้ได้เลยว่า คุณเองนั่นแหละที่ทำให้ลูกรู้จักเกมส์ รู้จักเล่นเกมส์ และที่สุดก็กลายเป็นเด็กติดเกมส์

ที่น่าสงสารมาก ๆ ๆ คือพ่อแม่บางคนแสดงความภาคภูมิใจเหลือเกิน ที่ลูกฉันเล่นเกมส์เป็นตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ทั้งที่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ลูกฉันฉลาดมากเก่งจริง ๆ พ่อแม่มักพาลูกวัยเตาะแตะไปนั่งเล่นตามตู้เกมส์ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือรับลูกจากโรงเรียนอนุบาล ก็พามานั่งเล่นเกมส์ก่อนกลับบ้าน กว่าจะรู้ตัวว่าทำผิดลูกติดเกมส์อย่างหนักแล้ว หรือพ่อแม่ที่ให้เวลาอยู่กับลูกน้อยเกินไป ทำให้เด็กว้าเหว่ หงอยเหงาและเป็นธรรมชาติของเด็กที่ต้องพึ่งพิงผู้ใหญ่ ต้องการคนเอาใจใส่ เมื่อไม่มีใครสนองความต้องการนี้ เขาจึงต้องแสวงหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อเกมส์เป็นสิ่งที่แสวงหาได้ง่าย เด็กจึงติดเกมส์เพื่อสนองอารมณ์ที่ขาดหายไป ถ้าลูกติดเกมส์แล้ว สมาชิกใน “บ้านดีมีสุข” ของเราจะช่วยกันแก้ไขค่ะ เพราะไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับทุกปัญหา ถ้าตั้งใจจะแก้ไขเริ่มกันเลยค่ะ พาลูกไปเที่ยวสวนสาธารณะ ทุกวันหยุด (ยกเว้นวันอาทิตย์นะคะ เพราะสมาชิก “บ้านดีมีสุข” ไปโบสถ์ค่ะ) พาลูกไปเที่ยวสวนสาธารณะ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ ชายทะเล หอศิลป ฯลฯ สถานที่พักผ่อนใกล้บ้านหรือ ไกลบ้านตามแต่โอกาส ยกเว้นอย่างเดียวคือพาไปเดินในห้างสรรพสินค้า เพราะในห้างมีร้านเกมส์ล่อตาล่อใจมากมาย ถ้าพาไปสวนสาธารณะใกล้บ้าน ควรชักชวนให้ลูกรู้จักเด็กคนอื่น ๆ ด้วย ทำให้ลูกมีเพื่อนเล่น พ่อแม่ช่วยสร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน นัดมาเจอกันมาเล่นกันอีก การให้โอกาสลูกได้วิ่งเล่นมีเพื่อนใหม่ ๆ จะช่วยให้เขาลืมนึกถึงเกมส์ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และจะช่วยให้เขาเริ่มห่างเกมส์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ หรือพ่อแม่พี่น้องอย่างสนุกสนานจริง ๆ บ่อย ๆ และเมื่ออยู่นอกบ้าน ลูกรบเร้ากลับบ้านเล่นเกมส์ อย่าดุด่าเขาควรชี้ชวนให้ลูกได้เห็นได้สัมผัสสิ่งดี ๆ พร้อมสร้างบรรยากาศให้เกิดความเพลิดเพลินโดยไม่พูดถึงเกมส์เลยแม้แต่คำเดียว
 

 
เวลาอยู่บ้าน พ่อแม่ต้องชวนลูกคุยเล่น ชวนลูกทำกิจกรรมสารพัดที่มีเยอะแยะในบ้าน เช่นตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ หาตัวแมลงที่เกาะตามกิ่งไม้ใบหญ้า หรือคุณพ่อชวนลูกล้างรถ คุณแม่ชวนลูกทำอาหาร ซักผ้าตากผ้า ออกกำลังกายโยกย้ายส่ายสะโพก สนุกสนานกันทั้งครอบครัว เป็นต้น
ชวนลูกอ่านหนังสือ ซื้อหนังสือดีๆ มีสาระ หนังสือนิทาน ตัวต่อรูปภาพต่างๆ ตามวัยของลูก อ่านหนังสือกับลูก อ่านให้ลูกฟัง เล่านิทานให้ลูกฟัง หรือให้ลูกเล่าเรื่องที่อ่านให้ฟังบ้าง ชวนกันทำกิจกรรมขีดๆ เขียนๆ วาดภาพ ระบายสี เป็นต้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ว่ามานี้ พ่อแม่ทำได้แน่นอนและต้องทำตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ จะทำให้เขาไม่สนใจเกมส์ แต่ถ้าลูกโตจนหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาร่วมกิจกรรมด้วย คุณต้องไม่ดุด่าว่าเขา และห้ามประณามว่าเกมส์มันไม่ดี เพราะธรรมชาติของลูกมักเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ว่าเกมส์ไม่ดี แต่เล่นเกมส์กับเพื่อน ๆ สนุกสะใจดี เขาย่อมไม่เชื่อและต่อต้านพ่อแม่แน่นอน ถ้ารุกเร้าเขามาก ๆ เขาจะยิ่งหนีไปเล่นเกมส์มากขึ้น เพื่อประชดประชันที่สุดจะยิ่งติดเกมส์หนักขึ้น
วิธีที่ดีที่สุด คือ พ่อ-แม่ต้องร่วมมือกันจริง ๆ และใจเย็น ๆ อย่าหวังผลฉับพลันว่าจะดึงลูกออกจากเกมส์ให้ได้ชั่ววันสองวัน หรืออาทิตย์สองอาทิตย์ เพราะคุณเองที่ยื่นส่งเขาให้กับเกมส์มาหลายปีจนติดหนับ จะขอคืนกลับมาต้องยากแน่นอน คุณจึงต้องอดทนใจเย็น ค่อย ๆ ดึงเขาออกมาด้วยวิธีที่นุ่มนวลไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ผลสำเร็จย่อมเป็นของคุณได้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่รับรองไม่สายเกินรอ

ลองเล่นเกมส์กับลูก เพื่อรู้ว่าลูกเล่นเกมส์ชนิดไหนบ้าง เมื่อเขาเล่นเกมส์ดีๆ สร้างสรรค์ให้ถามเขาถึงประโยชน์ที่ได้รับซักถามแสดงความเห็นร่วมมือกับเขาอย่างจริงใจ แต่ถ้าลูกเล่นเกมส์รุนแรงโหดร้าย ฆ่าๆ ยิงๆ จนเลือดท่วมจอ หรือเกมส์ที่สอนให้เป็นฆาตกรเป็นโจรจี้ปล้นฆ่าข่มขืน พ่อแม่ต้องอย่าโวยวายแสดงท่าทีตื่นตกใจดุด่าลูก แต่ใช้วิธีการชักชวนให้เขาแสดงความเห็นดีหรือไม่ดี ควรดูหรือไม่ มีประโยชน์หรือโทษอย่างไรจากการเล่นเกมส์ประเภทนี้ พ่อแม่ต้องไม่แสดงอาการต่อต้านอย่างรุนแรง เพราะเด็กมักมีข้ออ้างว่า เล่นสนุกๆ ไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดเลียนแบบ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะเขากำลังดูดซับนิสัยโจร นิสัยฆาตกรโดยไม่รู้ตัว ถ้าพ่อแม่ดุว่าเขารุนแรงต่อไปเขาจะไม่ยอมให้พ่อแม่มาดูเขาเล่นเกมส์ หรือมาร่วมเล่นเกมส์กับเขาและอาจจะหนีไปเล่นเกมส์ให้ห่างสายตาพ่อแม่ เช่นไปเล่นบ้านเพื่อนไปเล่นตามร้าน ซึ่งจะสร้างปัญหาหนักหรือร้ายแรงมากขึ้น
พ่อแม่จึงต้องมีเทคนิคในการอธิบาย ชี้ผลเสียที่เกิดขึ้นให้ลูกฟัง โดยไม่ทำให้เขารู้สึกขุ่นมัว และศิลปในการพูดต้องเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะเกมส์ที่ลูกเล่นด้วย ฟังดูเหมือนจะยากมาก แต่ทำได้ค่ะ ค่อยๆ คิดว่าจะพูดอย่างไรดี ด้วยความรักที่มีต่อลูก ฉันเชื่อว่าที่สุดคุณจะรู้ว่า ควรพูดกับลูกอย่างไรดี หรือถ้ายังไม่แน่ใจลองปรึกษาพี่น้องที่คุณไว้เนื้อเชื่อใจว่าจะได้รับคำแนะนำดี ๆ หลายๆคนก็ดี เพราะคำตอบสุดท้ายคุณจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า ควรใช้วิธีไหนจึงเหมาะสมกับลูกของคุณ เนื่องจากเด็กแต่ละคนย่อมได้รับการเลี้ยงดูต่างกัน วิธีที่ใช้ได้ดีกับเด็กคนนี้ อาจใช้ไม่ได้กับเด็กคนนั้น คุณจึงเป็นผู้รู้คำตอบสุดท้ายจริงๆ
 

 
ฉันเคยเขียนเรื่อง “ช่วยด้วย! ผมไม่อยากติดเกมส์” ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กที่อยากเลิกเล่นเกมส์ด้วยตัวเอง คุณลองเปิดย้อนหลังไปอ่านดู และนำวิธีการเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในการช่วยให้ลูกของคุณ ไม่ติดเกมส์ได้
อย่าท้อใจ อย่างหมดหวังนะค่ะ มุ่งมั่นช่วยลูกของคุณให้หลุดพ้นจากการครอบงำของเกมส์ต่อไป ชัยชนะเป็นของคุณแน่นอน ถึงวันนั้นเมื่อลูกของคุณโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะคิดถึงสิ่งที่พ่อแม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเหลือเขา เขาจะขอบคุณและรักคุณที่สุดในโลก
ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ


ข้อคิดจากพระคัมภีร์

-ที่ไหนที่ไม่มีการนำ ประชาชนก็ล้มลง แต่ในที่ซึ่งมีที่ปรึกษามากย่อมมีความปลอดภัย (สภษ11:14)
-อย่ายับยั้งการตีสอนเสียจากเด็ก ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เขาจะไม่ตาย ถ้าเจ้าตีเขาด้วยไม้เรียว เจ้าจะช่วยชีวิตของเขาให้รอดจากแดนผู้ตาย (สภษ.23:13-14) -จงตีสอนบุตรชายของตนเมื่อยังมีความหวัง อย่าจงใจให้เขาถึงพินาศไป (สภษ.119:18) 
 
  




 




 




 

 

 

 

 



Visitor 123

 อ่านบทความย้อนหลัง