สัปดาห์ที่ 12
24-31 มีค. 2009
ความเชื่อที่ปราศจากการสงสัย
( ยากอบ 1:5-8 )
“ จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย "


ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา ผู้นั้นจงอย่าคิดว่าจะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น

เงื่อนไขประกาศหนึ่งที่ทำให้คำอธิษฐานของเราได้รับคำตอบ คือ
ความเชื่ออันมั่นคง
ขณะที่เรามีความต้องการสิ่งใด เช่น เราต้องการความเข้าใจ ต้องการสติปัญญา
ยากอบเสนอแนะให้เราอธิษฐาน กราบทูลต่อพระเจ้า ท่านบอกเราต่อไปว่า พระเจ้าทรงพระกรุณา ไม่ตำหนิติเตียนในการทูลขอของเรา ดังนั้นเมื่อเราอธิษฐานเราควรมั่นใจ ยืนหยัด อธิษฐานต่อไปจนเราได้รับคำตอบ

แต่บ่อยครั้ง ในระหว่างที่เรากำลังรอคอยคำตอบอยู่ เรามักมีจิตใจวอกแวก หวั่นไหวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา เสน่ห์ของโลก ความต้องการของเนื้อหนัง และมารเองก็พยายามล่อลวงใจเรา ให้คิดอีกด้านหนึ่ง หากเราไม่ระมัดระวัง เบนสายตา และความคิดของเราไปสู่ ทางเลือกใหม่ ซึ่งมิใช่เป็นพระสัญญาของพระเจ้า เราก็จะเกิดความสงสัย และแทนที่เราจะมั่นคงในความเชื่อ เรากลับเกิดความหวาดกลัว กระวนกระวาย จิตใจก็หดหู่ ขัดแย้ง ละความไว้วางใจในพระเจ้าซึ่งเราควรจะมีอย่างมั่นคง สภาพจิตใจเช่นนี้ ยากอบบอกว่า จิตใจของเราเหมือนลูกคลื่นในทะเล ถูกลมพัดไปพัดมา วันหนึ่งเชื่อ อีกวันถดถอย คุ้มดีคุ้มร้าย ยากอบเรียกคนที่อยู่ในสภาพจิตใจเช่นนี้ว่าเป็นคนสองใจ ไม่มั่นคง เขาจะไม่ได้สิ่งใดจากพระเจ้า

เมื่อเราอธิษฐานทูลขอสิ่งใดจากพระเจ้า เราทราบว่าสิ่งที่เราทูลขอคือน้ำพระทัย มีพระสัญญาสนับสนุนเราอยู่ เราควรปักหลักยึดมั่นตามนั้น ไม่เบี่ยงเบนสายตาไปหาสิ่งอื่นใดอีก แล้วเราจะพบว่า พระเจ้าทรงเตรียมคำตอบไว้ให้เราอยู่แล้ว

Visitor 270

 อ่านบทความย้อนหลัง