หน้าหลัก
แนะนำเวปไซท์
ความรู้พระคัมภีร์
แนะนำคริสตจักร
ติดต่อเรา
พลังประจำสัปดาห์
ของฝากจากสูจิบัตร
ลับสมอง ประลองปัญญา
บ้านดีมีสุข
ข่าวประเสริฐ
เรื่องน่าประทับใจ
เพลงชีวิตคริสเตียน
มุมเยาวชน
บทกลอนสอนใจ
ข่าวสารน่ารู้
คำเทศนา
วันพิเศษเหตุการณ์สำคัญ
ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้
พันธกิจของเรา
เราจะช่วยคนในสังคมอย่างไร
อับราม ช่วย โลทอย่างไร
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2009
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
ปฐมกาล 14:1-24
ผมขอเล่าที่มาเรื่องเสียก่อน หลังจากอับรามกับนางซาราห์กลับมาจากอียิปต์พร้อมกับโลทหลานชาย ก็มีแพะแกะมากขึ้น คนใช้ทะเลาะกันจนอยู่กันไม่ได้ โลทก็แยกตัวไปอยู่ที่ราบลุ่มโศอาห์ มีหญ้าเขียวขจี แต่ใกล้เมืองโสโดม เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ชั่วช้ามาก มีความผิดทางเพศเกิดขึ้นมากมาย โลทอยู่ในความหมิ่นเหม่กับการทดลอง ในที่สุดโลทก็ย้ายเข้าไปอยู่ในโสโดม
ฝ่ายเมืองโสโดม ที่โลตพักอาศัยอยู่นั้น เป็นพันธมิตร คือผูกมิตรกัน 5 เมืองที่อยู่ใกล้กัน เหมือนกลุ่มอาเซียนเช่นนั้นแหละ คือเมืองโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ เศโบยิม กับเมืองโศอาห์ เรียกว่าเป็นเบญจพันธมิตรก็น่าจะถูก ปรากฏว่า 5 เมืองนี้พ่ายแพ้ 4 เมืองที่อยู่ทางเหนือ คือ เมืองชินาห์ เอลลาสาร์ เอลาม และโกยิม จตุรพันธมิตรแข็งแรงกว่า เพราะมีกษัตริย์ของเมืองเอลาม คือ เคโดร์ลาโอเมอร์ ที่รบเก่งและมีอิทธิพล เหนือ 4 เมืองนี้
จตุรพันธมิตรรบชนะและ เอาเบญจพันธมิตรเป็นเมืองขึ้นนาน 12 ปี พอปีที่ 13 ห้าเมืองที่ตกเป็นเมืองขึ้นทนไม่ไหวก็แข็งข้อขึ้นมา ฝ่ายจตุรมิตรที่อยู่ทางเหนือทราบเข้าก็ไม่ยอมปล่อยมือไป จึงกรีฑาทัพลงมาปราบ ทั้งสองอาณาจักรสู้รบกันดุเดือด ผลสุดท้าย เบญจพันธมิตรที่อยู่ทางใต้พ่ายแพ้ ถูกเบญจพันธมิตรกวาดต้อนผู้คนขึ้นไปทางทิศเหนือ ก็เป็นเรื่องของ 2 อาณาจักรรบกัน
ไม่เกี่ยวกับอับรามสักนิด เพราะอับรามพักอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ท่านพักอยู่ที่มัมเร ต้นก่อหลวง
แต่ที่เกี่ยวข้องกับท่านก็คือ
โลท หลานชายของท่านถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยด้วย
ปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง การคอรัปชั่น การคดโกง โรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ยากของผู้คนที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมวันนี้อาจมาจากเขารบกัน การคดโกงสารพัน แต่ลูกหลานเราติดร่างแหปัญหาไปด้วย
มีคนหนึ่งหนีมาได้ หลบจากสงครามออกมาบอกอับราม
ผมมีข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และขอนำบทกลอนมาบรรยายด้วย
หนุ่มหนึ่งปลีกหลีกลี้ สงคราม
มาแจ้งให้อับราม ทราบสิ้น
โลทและผู้ติดตาม ถูกจับไปนอ
ทรัพย์ซ่อนซุกทุกชิ้น ถูกปล้นขนเรียบ
1. มิใช่เพราะตัวเอง
(ปฐมกาล 14:13)
มีคนหนึ่งหนีมาจากที่รบนั้นบอกให้อับรามคนฮีบรูรู้ เพราะอับรามอาศัยอยู่ที่หมู่ต้นก่อหลวงของมัมเร คนอาโมไรต์ พี่น้องของเอชโคล์และอาเนอร์ คนเหล่านี้เป็นไมตรีกับอับราม
อับรามมิได้เห็นแก่ตัว ถ้าคิดถึงความสบายของตัวเอง ท่านอยู่ที่มัมเรของท่าน ท่านสบายแล้ว วันนี้เราได้รับพระพรจากพระเจ้าเยอะ เราสุขสบายอย่าให้เราคิดถึงแต่ความสบายของตนเอง เวลาคนมาเล่าความให้อับราม อับรามมีสิทธิซ้ำเติมโลทก็ได้ อาจบอกว่า ก็เตือนแล้วไง ไม่ฟังก็เป็นอย่างนี้เอง สมน้ำหน้า แล้วก็ไม่แยแสกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างนี้ก็ได้ แต่อับรามไม่คิดเช่นนั้น ท่านไม่รีรอท่านเตรียมช่วยโลททันที
2. เพราะรักและห่วงใย
(ปฐมกาล 14:14)
เมื่ออับรามได้ยินว่าพวกข้าศึกจับญาติสนิทไปได้ จึงนำพลชำนาญศึกที่เกิดในบ้านของตนสามร้อยสิบแปดคนไล่ตามไปทันที่เมืองดาน
ครั้นอับรามรู้เรื่อง สงสาร
นึกถึงใจของหลาน โศกเศร้า
โถ ตั้งหลักปักฐาน แค่เริ่มต้นนอ
ด้วยวางใจพระเจ้า คิดสู้้จู่โจม
เราคิดถึงคนเหล่านั้นที่พบความทุกข์ เป็นเหยื่อของศัตรู เจ็บปวดหรือเปล่า การช่วยเหลือคนนี่ไม่มีการบังคับนะครับ มันมาจากใจ เมื่อชาวมาซิโดเนียช่วยถวายเพื่อช่วยการกันดารอาหารที่เยรูซาเล็ม เขาลำบากยากจนอย่างที่สุด แล้วล้นออกมาเป็นใจศรัทธาอย่างยิ่ง อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน คำว่าศรัทธาที่นี้ ในพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษ เขาใช้คำว่า Liberality ซึ่งแปลว่า มีใจกว้าง ใจอิสระที่จะแสดงความโอบอ้อมอารี วันนี้ ไม่มีใครบังคับท่าน อยู่ที่ใจท่านเอง
3. ทำดีที่สุด
( 14:14)
ท่านทำดีที่สุด สุดความสามารถุ อย่าลืมว่าท่านเป็นคนเลี้ยงแกะ ไม่ใช่ทหาร ท่านต้อง
เอาคนของท่านไปต่อสู้เพื่อจะเอาชนะ คนที่ถูกวาดต้อนไปโดยอาณาจักรอันแข็งแกร่ง ไม่ใช่เมืองใดเมืองหนึ่ง แต่ท่านไม่กลัว ท่านพึ่งพระเจ้า และท่านก็จัดคนชำนาญศึกที่สุดที่ท่านมี
318 คนไปสู้รบ
จัดพลสามร้อยสิบ แปดคน
ใจเหิมฮึกฝึกฝน แกร่งกล้า
ณรงค์ชาญแต่บ้านตน ในอดีต
ออกรบแถวแนวหน้า ติดต้อยตามไป
เราเอาที่เรามีดีที่สุดถวายให้พระเจ้า เหมือนเด็กคนนั้น ให้ขนมปัง 5 ก้อนปลา 2 ตัวกับพระเยซู เหมือนชาวมาซิโดเนีย เขาถวายสุดกำลัง เหมือนหญิงม่ายนถวายเงิน 2 เหรียญ และพระเยซูชมเชยว่า เขาให้มากที่สุดเพราะเขาเอาส่วนทีจำเป็นสำหรับความเป็นอยู่ของเขามาถวาย
4. อย่าดูถูกจำนวนเล็กน้อยที่มี
( 14:15-16)
อับรามจึงแยกพลของตนออกเป็นกองๆในกลางคืน ทั้งท่านและผู้รับใช้ของท่านก็เข้าตีพวกข้าศึก ไล่ไปถึงเมืองโฮบาห์เหนือเมืองดามัสกัส แล้วท่านนำข้าวของกลับคืนมาหมด และนำโลทญาติสนิทของท่านกลับ พร้อมกับข้าวของของเขากับผู้หญิงและประชาชนด้วย
ไล่บี้สี่กษัตริย์ขึ้น ทางเหนือ
ศัตรูสลายกลายเป็นเบือ พ่ายแพ้
ถึงโฮบาห์มิเหลือ ข้าศึก
นำผู้คนทรัพย์แล้ กลับสิ้นถิ่นฐาน
เรื่องนี้สำคัญมาก ท่านแยกคนของท่านออกเป็นกองๆ ในเวลากลางคืน เข้าตีข้าศึก เรื่องนี้มันเหลือเชื่อแท้ๆ คน 318 คน เอาชนะอาณาจักรได้ ไม้ซีกงัดไม้ซุงได้เสมอ ถ้าเรามีความเชื่อและอยากช่วยคน ทำไม 4 คนนั้นหามคนง่อยไปถึงพระเยซู ครั้นเขาเข้าไม่ได้ เขาก็รื้อดาดฟ้าหย่อนคนง่อยลงไป คิดจะช่วยคนอื่นเสียอย่าง พระเจ้าต้องให้เราทำได้ ผมชื่นใจกับพี่น้องที่ยินดีถวายความสามารถของตนเพื่อช่วยเป็นวิทยากรในตลาดวิชา อย่าคิดว่าความสามารถของท่านไม่สำคัญ
5. ความสำเร็จมาจากพระเยซู
(14:17-20)
เมื่ออับรามกลับจากการรบชนะกษัตริย์เคโดร์ลาโอเมอร์ และกษัตริย์ทั้งหลายที่ร่วมกำลังกันนั้น แล้ว กษัตริย์เมืองโสโดมก็ออกมารับอับราม ณ ที่ราบชาเวห์ (คือที่ราบของกษัตริย์) เมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์เมืองซาเลม และปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้ แล้วอวยพรท่าน ขอพระเจ้าผู้สูงสุดผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน จงโปรดให้อับรามได้รับพระพรเถิด
สาธุการแด่พระเจ้าผู้สูงสุด ผู้ทรงมอบศัตรูทั้งหลายไว้ในเงื้อมมือของท่าน อับรามก็ยกหนึ่งในสิบจากข้าวของนั้นถวาย แก่กษัตริย์เมลคีเซเคด
พระสถิตด้วยแน่แล้ว ยอมรับ
ศัตรูมหึมาคณานับ เช่นนี้
ยังล่าถอยย่อยยับ หมดรูป
คนหยิบมือยื้อขยี้ พวกนั้นขวัญเสีย
เมื่ออับรามกลับมา ท่านพบ
เมลคีเซเดค
ปุโรหิตและกษัตริย์ เมืองชาเล็ม อันเป็นภาพเล็งถึงพระเยซู ดู ฮีบรู 6:20
ความสำเร็จไม่ใช่ของเรา มันเป็นความสำเร็จเพราะพระเจ้าต่างหาก วันนี้พระเจ้าเมตตาช่วยเรา เราประสบความสำเร็จใดๆก็เพราะพระเจ้า เมลคีเซเดคอวยพรอับราม แปลว่าพระเยซูทรงอวยพรเรา มอบขนมปังและน้ำองุ่นให้แปลว่าพระองค์ทรงไถ่โทษเรา เหมือนเวลาที่เรารับศีลมหาสนิทใช่ไหม เรื่องนี้อับราฮามตระหนักเป็นอย่างดี พระคัมภีร์บอกว่า อับรามจึงถวายสิบลดให้ เมลคีเซเดค เหมือนเราถวายสิบลดให้พระเยซู อับรามตระหนักว่าที่รบชนะนั้นเพราะพระเยซู สิบลดเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าทรัพย์ทั้งหมดของเราเป็นของพระองค์ ธุรกิจของเราเป็นของพระองค์ ท่านเป็นเจ้าของหรือพระเจ้าเป็นเจ้าของ
หนึ่งในสิบจากข้าว สิ่งของ
ทั้งแก้วแหวนเงินทอง ริบได้
อับรามถวายเฉลิมฉลอง ชัยชนะ
เป็นสิบลดแด่ไท้ พระผู้สู้แทน
6. เห็นแก่คน ไม่ใช่ของ
(14:21-24)
ฝ่ายกษัตริย์เมืองโสโดมตรัสแก่อับรามว่า
ขอคืนคนให้แก่เรา แต่ข้าวของนั้นท่านจงเอาไปเถิด
อับรามกล่าวแก่กษัตริย์เมืองโสโดมว่า ข้าพเจ้ายกมือสาบานตัวต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้สูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน ว่า แม้เส้นด้ายหรือสายรัดรองเท้า หรือสิ่งใดๆที่เป็นของของท่าน ข้าพเจ้าก็จะไม่รับเพื่อมิให้ท่านพูดได้ว่า 'เราได้บำรุงอับรามให้มั่งมี' ข้าพเจ้าจะไม่รับอะไรเลย เว้นแต่เสบียงอาหารที่คนของข้าพเจ้าได้รับประทานเท่านั้น กับส่วนของคนที่ไปกับข้าพเจ้า คืออาเนอร์ เอชโคล์ และมัมเร ให้เขารับส่วนของเขาไปเถิด
ทุกคนยกย่อง อับรามให้เป็นพระเอก เพราะช่วยพวกเขา เจ้าเมืองโสโดมขอให้อับรามคืนคนให้เขา โดยให้อับรามเอาข้าวของทั้งหมดไปได้ แต่
อับรามไม่ต้องการแม้แต่น้อย
เวลาช่วยคนอื่นอย่าหวังสิ่งใดจากเขา ดูเกหะซีเป็นตัวอย่าง เอลีชารักษาโรคเรื้อนของนาอามาน นาอามานอยากตอบแทนท่านด้วยทรัพย์สิ่งของแต่ เอลีชาไม่รับ เกหะซีคนใช้ของเอลีชาตามไปเอามา พระคัมภีร์บอกว่าเขาเป็นโรคเรื้อน เพราะเขาเห็นแก่สิ่งของ เราช่วยคนไม่ใช่ของ
อับรามเป็นแบบให้ เราเรียน
หลานลูกถูกเบียดเบียน ทุกร้อน
แม้ลำบากพากเพียร มิขยาด
พร้อมสู้รับขับต้อน มากน้อยตามมี
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Follow @bfcbkk
Tweet to @bfcbkk
Visitor 227
อ่านบทความย้อนหลัง