ความมั่งคั่ง ในทรรศนะพระคัมภีร์


2 โครินธ์ 8:7
เหตุฉะนั้นเมื่อท่านมีพร้อมบริบูรณ์ทุกสิ่ง คือความเชื่อ ฝีปาก ความรู้ ความกระตือรือร้น และความรักต่อเรา ท่านทั้งหลายก็จงประกอบการกุศลนี้อย่างบริบูรณ์เหมือนกันเถิด

วันอาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย ของเดือนกรกฎาคม “เดือนแห่งการสำแดงความเมตตา” วันนี้ผมอยากพูดเรื่อง “ความมั่งคั่ง” ตามความหมายของพระคัมภีร์

ปกติเวลาเราพูดเรื่องความมั่งคั่ง หรือความร่ำรวย เราก็มักหมายความเพียงอย่างเดียว นั่นคือ การมีเงินมากหรือมีทรัพย์มาก ซึ่งก็ถูก แต่ก็ถูกต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น ในพระคัมภีร์กล่าวถึงบุคคลที่มี ทรัพย์มากเช่นนี้หลายคนเช่น กษัตริย์ฟาโรห์ กษัตริย์ซาโลมอน กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระราชาเฮโรด เศรษฐีหนุ่มที่มาหาพระเยซู แต่เรามักไม่เอาบุคคลที่ผมเอ่ย มาเป็นแบบอย่าง ทำไม ก็เพราะบุคคลที่ผมเอ่ยมา เป็นคนร่ำรวยที่ไม่เชื่อหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตรงกันข้าม เรามักชื่นชอบกับคนมั่งมีที่เป็นผู้เชื่อ เช่น อับราฮาม โยบ ดาวิด นางมารีย์มารดาของมาระโก เป็นต้น

เป็นที่น่าสังเกตว่า บุคคลเหล่านี้เป็นเศรษฐี แต่หาได้ดำเนินชีวิตเพื่อเสาะหาความมั่งคั่งของโลกแต่อย่างใดไม่ เขาเสาะหาพระเจ้า หวังใจในพระเจ้านั้น แล้วพระเจ้าทรงอวยพระพรให้เขามีทรัพย์มากขึ้นเป็นผลพลอยได้ พี่น้องในคริสตจักรที่มั่งคั่งทรัพย์ก็เดินเส้นทางนี้มิใช่หรือ ตรงนี้สำคัญและมีความแตกต่างกันมาก

  • อับราฮาม มิได้เป็นแบบเรื่องความมั่งคั่ง แต่เป็นบิดาแห่งความเชื่อ
  • โยบ มิได้เป็นแบบเรื่องความมั่งคั่ง แต่รับการยกย่องเรื่องความอดทน
  • ดาวิด ก็เช่นกัน เป็นแบบเรื่องความรักพระเจ้า
  • มารีย์ แม่ของมาระโก เราชมเธอว่าเป็นได้เปิดบ้านประชุมอธิษฐานและ ต้อนรับผู้รับใช้
    เปาโล เขียนจดหมายถึงคริสตจักรโครินธ์และกล่าวว่าพวกเขามีบริบูรณ์ คือความมั่งคั่งร่ำรวยความเชื่อ มั่งคั่งฝีปาก ความรู้ ความกระตือรือร้น ความรัก และทรัพย์ท่านจึงเชิญชวนให้พวกเขาทำการกุศล เมื่อเราให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง พระองค์ก็เพิ่มเติมสิ่งสารพัดให้เราด้วย (มัทธิว 6:33) ผลที่ตามมาจึงมิใช่ร่ำรวยแต่เงินทองเท่านั้น แต่มั่งมีสิ่งดีอื่นๆด้วย เช่น


    มั่งคั่งความเชื่อ คือเชื่อพระเจ้ามากขึ้น วางใจพระองค์ทวีขึ้น สงบลง เวลาที่ เศรษฐกิจตกต่ำพายุชีวิตกระหน่ำเข้ามา ก็ไม่สั่นคลอน ตรงกันข้ามกลับ หนักแน่นในพระองค์มากยิ่งขึ้น สิ่งที่หลุดออกมาจากปากก็คือ “ความ ศรัทธาในพระองค์” ส่วนความกระวนกระวายก็มลายหายไปจากจิตใจของเขา

    มั่งคั่งฝีปาก พระเจ้าสอนให้เราเป็นพยาน คือถ่ายทอดประสบการณ์ ที่เรา ได้รับให้แก่คนอื่น ยิ่งถ่ายทอด หนุนใจคนอื่น พระเจ้าก็ยิ่งประทาน ประสบการณ์ใหม่ๆให้เราอีก เป็น คริสเตียนนานวันก็ยิ่งรวยประสบการณ์ แล้วก็รวยฝีปากไปด้วย ผมเห็นคริสเตียนจำนวนมากพูดเก่งขึ้นเยอะ

    มั่งคั่งความรู้ ในอดีต เราอาจมีความรู้ ด้านวิชาการมากมาย แต่ไม่รู้จัก พระคัมภีร์ ความเข้าใจ เรื่องการดำเนินชีวิต จึงเป็นความเข้าใจที่ผิดๆ ถูกๆ แต่พอเรามาเชื่อพระเจ้า ถ้าเราเชื่อฟัง เราจะศึกษาพระคัมภีร์ เรียนรู้ศีลธรรม รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เข้าใจพระเจ้า เข้าใจตนเองและ การดำเนินชีวิต คนเราไม่รู้อะไรจริงหากไม่ได้ปฏิบัติตาม คนที่รู้แล้วใช้ ความรู้ จึงเกิดผล ตอกย้ำความศรัทธา และนี่คือเศรษฐีความรู้

    มั่งคั่งความกระตือรือร้น คนเราเวลาแก่ตัวลง ชราขึ้น อะไรๆก็ช้าลงไปหมด กำลังก็ถดถอยลงไป แต่คนที่เดินกับพระเจ้ากลับตรงกันข้าม เขายิ่ง ทวีความกระฉับกระเฉง เหมือนเปาโลกล่าวว่า จิตใจภายในของท่าน ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน ( 2 โครินธ์ 4:16) อจ.ดร.โรเบิร์ท ชูเลอร์ กล่าวว่า “ท่านยังไม่แก่หรอก หากท่านยังไม่เสียสายตา” พระคัมภีร์ กล่าวว่า เมื่อพระวิญญาณเจิมผู้เชื่อ คนหนุ่มจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝัน เห็น คนที่แลเห็นความเป็นไปได้ เห็นอนาคตอย่างนี้ ต้องกระฉับกระเฉง แล้วคนชราที่เป็นผู้เชื่อจะเฉื่อยชาได้อย่างไร เขาคือ เศรษฐีพละกำลัง

    มั่งคั่งความรัก
    นี่คือสิ่งที่เศรษฐีของโลกขาด ทำไมผมพูดอย่างนี้ เพราะเงินซื้อสิ่งของได้ ซื้อบริการได้ จ้างคนมาทำโน่นทำนี่ให้เราได้ แต่เงินซื้อความรักแท้ และความจริงใจไม่ได้ เศรษฐีอาจจ่ายทุกอย่างเพื่อได้ความสุขสบาย แต่เศรษฐีก็จนรักและจนมิตรแท้ ไมเคิล แจคสัน เพิ่งจากไป 2 วันนี้เอง คนใกล้ชิดเล่าว่า ชีวิตส่วนตัวเขาเป็นคนที่ว้าเหว่ที่สุดคนหนึ่ง คนไทยเราว่า “เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก” พระเจ้าสอนให้เรารักคนอื่นโดยไม่หวังการตอบแทน ให้รักคนอย่างไร้มารยา ให้กล้าเตือนคนผิดอย่างจริงใจ คนที่รักและหวังดีกับคนอื่นเสมอเช่นนี้ เบื้องต้นอาจไร้มิตร แต่ในระยะยาว เขาจะได้มิตรแท้ และร่ำรวยความรัก อย่างแน่นอน

    ขอพระเจ้าทรงโปรดให้เราเป็นมหาเศรษฐีในสิ่งเหล่านี้เทอญ

  • Visitor 427

     อ่านบทความย้อนหลัง