ลุกโชติช่วงในใจข้าฯ


คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2009
ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์

มัทธิว 3:11
เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลาย รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ

วันเพนเตคศเต กิจการ 2:1-4

เมื่อวันเทศกาลเพ็นเทคอส มาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ในทันใดนั้นมีเสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุกล้าสั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฏแก่เขากระจายอยู่บนเขาสิ้นทุกคน เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่นๆตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด

ทำไม พระคัมภีร์จึงแทนภาพพระวิญญาณด้วยไฟ?
ทำไมยอห์น ผู้ให้บัพติสมาจึงกล่าวว่า พระเยซูจะให้ท่านรับบัพติสมาด้วพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ ทำไมวันเพนเตคศเต จึงมีสัญลักษณ์ของไฟปรากฏกระจายบนพวกเขาสิ้นทุกคน ไฟ อันหมายถึงพระวิญญาณ ที่มาอยู่ที่คริสเตียนแต่ละคน แปลความว่าอย่างไร


1.ชำระ ( มัทธิว 3:10,12)
ยอห์นกล่าวถึงไฟ ที่เผาแกลบ หลังการนวดข้าวเสร็จ กล่าวถึงไฟที่เผาต้นไม้ที่ไม่เกิดผล เมื่อเราประกอบด้วยพระวิญญาณ พระวิญญาณจะเผาผลาญกิจการของเนื้อหนัง แต่ก่อนเราเร่าร้อนด้วยกามราคะ ( 1 โครินธ์ 7:9) พระวิญญาณยังช่วยให้เราเอาชนะการยั่วยวนให้ทำบาปได้ง่ายขึ้น

2.ความร้อนรน, สว่างไสว
พระวิญญาณหมายถึงความร้อนรน หมายถึงการสำแดงชีวิตที่รุ่งโรจน์ สว่างไสว ในพระธรรม เอเสเคียล 1:4,13 ผมได้บรรยายเรื่องพระลักษณะของพระเยซู 4 ประการไว้ในค่าย รู้จักพระคริสต์ สร้างศิษย์พระองค์ จากพระธรรม เอเสเคียล คือพระองค์เป็นทั้งผู้นำ ผู้รับใช้ สามัญชนและเป็นพระเจ้า พระลักษณะทั้ง 4 ของพระองค์เอเสเคียลบรรยายว่า มีความสว่างอยู่รอบ และมีไฟลุกวาบออกมาอยู่เสมอ ท่ามกลางไฟนั้นดูประหนึ่งทองสัมฤทธิ์ที่แวบวาบ “ความสว่างสุกใส” และ”ไฟ” น่าจะแปลว่า ความผ่องใส และความร้อนรน ท่านรู้จักพระเยซู จะเห็นว่าพระองค์กระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา และสำแดงชีวิตของพระองค์เสมอตลอดเวลา

3. ลุกลามออกไป
เมื่อพูดถึงไฟ เราก็เห็นได้ชัดเจนว่า มันไม่หยุดนิ่ง เหมือนถ่านในเตา ติดจากก้อนหนึ่งไปสู่อีกก้อนหนึ่ง พระธรรมลูกา 12:49 พระเยซูตรัสว่า “เรามาเพื่อจะให้ไฟบังเกิดขึ้นที่แผ่นดินโลก เราอยากให้ไฟนั้นติดขึ้นแล้ว” ณ วันนี้ไฟที่พระเยซูคริสต์จุดให้ติดขึ้นมันลามไปทั่วโลกทีเดียว ลามเข้าไปในบ้าน ในโรงเรียน สำนักงาน พระราชวัง ฯลฯ

ไฟที่ติดขึ้นแล้วลุกโชติช่วงต่อไปได้อย่างไร?

1. เราต้องเชื่อและปรารถนา
การมีไฟติดลุกอยู่ในใจ เป็นคนเร่าร้อนฝ่ายวิญญาณเสมอเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องอยากได้ ต้องใฝ่ฝัน ไม่ใช่ ไม่สนใจใยดี พระเยซูตรัสใน มัทธิว 11:12 ว่า “และตั้งแต่สมัยยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถึงทุกวันนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน และผู้ที่ใจร้อนรนก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้” แผ่นดินสวรรค์ไม่ได้ลอยมาหาเรา โดยที่เรานั่งๆนอนๆ แต่เป็นของคนที่เอาชนะตนเอง ลุกขึ้นไปประชุมอธิษฐาน เข้าเซลล์ อธิษฐาน เรียนพระคัมภีร์ ใช้ของประทาน ประกาศ ต่างหาก
2. เราต้องมีน้ำมันเสมอไม่ขาด
ใน มัทธิว 25:3 พระเยซูเปรียบเทียบเราที่รอเจ้าบ่าว เหมือนเจ้าสาว เหมือนตะเกียง ตะเกียงติดลุกสว่างไสวอยู่ได้ จำเป็นต้องมีน้ำมันหล่อไส้ตะเกียง น้ำมันหมดตะเกียงก็ดับ พระคัมภีร์เปรียบเทียบพระวิญญาณกับน้ำมัน และความสัมพันธ์ที่เรามีอย่างต่อเนื่องกับพระองค์ หญิงพรหมจารีโง่เขลา 5 คนที่พลาดการเข้าไปในงานสมรส เป็นคนที่น้ำมันหมด ไม่เฝ้าระวังตน ส่วนคนอีก 5 คนที่มีปัญญาไม่ยอมให้น้ำมันหมด ผู้เชื่อต้องรักษาความสัมพันธ์สนิมสนมกับพระเยซูอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ไม่ใช่เฉพาะตอนมีค่าย ไม่ใช่เฉพาะวันอาทิตย์ เราต้องใกล้ชิดพระองค์ทุกวัน

3. เราต้องตกแต่งตะเกียง
ตอนเจ้าบ่าวมา มีการร้องบอกว่า “เจ้าบ่าวมาแล้ว” แล้วหญิงพรหมจาีรีย์ ฉลาด 5 คน ก็ลุก ขึ้นตกแต่งตะเกียง( มัทธิว 25:7) “ตกแต่งตะเกียง”แปลว่าอะไร คนที่รู้จักตะเกียงน้ำมันจะรู้ดี ว่า จุดตะเกียงให้มีเปลวไฟสว่างอยู่เสมอจะต้องทำอย่างไร ต้องเอาไส้ที่เผาไหม้ไปแล้ว ออก มันเป็นขี้ไปแล้ว นี่มีความหมาย 2 อย่าง อย่างหนึ่งก็คือการเอานิสัยที่ไม่ดีของตนออก และอีกประการหนึ่งก็คือให้มีความสัมพันธ์ใหม่ๆเสมอในชีวิตคริสเตียน ความตื่นเต้น ความชื่น ชอบ ประสบการณ์ใหม่ๆ กับพระเยซูจึงจะทำให้ไฟติด

4. เราต้องส่องสว่าง
เมื่อพระเยซูทรงเปรียบเทียบว่า เราเป็นความสว่าง เป็นตะเกียง พระองค์ตรัสว่าตะเกียงต้องตั้งไว้บนเชิงตะเกียง ให้สว่างไสวไปทั้งเรือน อย่าเอาถังครอบไว้ ผมเคยเทศน์เรื่องนี้ เราเร่าร้อน ตื่นเต้นกับพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่ต้องแบ่งปัน คนที่ไม่คิดแบ่งปัน เก็บความสว่างไว้คนเดียว นอกจากคนอื่นไม่ได้รับประโยชน์แล้ว ตะเกียงของเขาเองก็จะดับด้วย คนที่ไม่ยอมประกาศเป็นพยาน รับใช้ ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองได้รับให้คนอื่น ความร้อนรนก็จะหดหายไป เราต้องไม่ยอมนะครับ เราต้องแบ่งปัน ช่วยคนอื่นแล้วไฟของพระเจ้าก็จะลุกโชติช่วงยิ่งขึ้น ( มัทธิว 5:14-16 )

ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ

Click เพื่อฟังคำเทศนาที่นี่
Visitor 140

 อ่านบทความย้อนหลัง