จงให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่
คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2009

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์


ลูกา 12:35
“ท่านทั้งหลายจงคาดเอวของท่านไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่ พวกท่านเองจงเหมือนคนที่คอยรับนายของตนเมื่อนายจะกลับมาจากงานสมรส”

วันก่อนผมพูดเรื่องเราเป็นความสว่างของโลก เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ แต่ตั้งไว้บนเชิงตะกียง ให้คนได้เห็นความสว่าง พระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้เรา เราต้องไม่เก็บเอาไว้ส่องตนเอง แต่เราต้องช่วยเหลือคนอื่น นำความส่วางไปให้เขา คนที่ไม่ช่วยคนอื่น ตัวเราเองก็จะดับด้วย

วันนี้ผมอยากพูด เรื่อง “ตะเกียงที่จุดอยู่”
คำอุปมาในลูกา 12:35-40 เรื่องบ่าวถือตะเกียงรอรับนาย และมัทธิว 25:1-13 เรื่องหญิงพรหมจารย์ 10 คนถือตะเกียงรอรับเจ้าบ่าว พูดเรื่องเดียวกัน คือ”การเตรียมตัวให้พร้อม” รับการเสด็จกลับมาของพระเยซู
มี 2 สิ่งที่อาจเกิดขึ้น หากเราไม่พร้อมเราอาจพลาดแผ่นดินของพระองค์
(1)ความตาย (2) การเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู
พระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกที พระองค์จะเสด็จมาในท้องฟ้า รับผู้เชื่อให้ไปอยู่กับพระองค์
(1 เธสะโลนิกา 5:17) วันนั้น ชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่งจะทรงละคนหนึ่ง หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่งและละคนหนึ่ง ( มัทธิว 24:40-41) พระองค์ตรัสเช่นนี้แปลว่าอะไร ก็แปลว่าเมื่อวันนั้นมาถึง บางคนเตรียมตัวพร้อม บางคนไม่พร้อม
เราไม่ทราบวันเวลาที่แน่นอน แต่เราสามารถทราบว่ามันใกล้แค่ไหน เพราะพระองค์ได้ให้เราดูหมายสำคัญหลายอย่าง ที่บ่งบอกว่าวันนั้นใกล้เข้ามา ผมขอยกเรื่อง ม้า 4 ตัวที่บันทึกไว้ในพระธรรมวิวรณ์ 6:1-8
(1) ม้าขาว ผู้อยู่บนหลังม้าสวมมงกุฎ ถือธนู มีความหมายถึงคำสอนเทียมเท็จ ที่กระจายอยู่ทั่วโลก วันนี้มีคำสอนเท็จที่เลียบเคียงคำสอนของพระคัมภีร์มากมายเหลือเกิน
(2) ม้าสีแดงสด ผู้อยู่บนหลังม้าถือดาบเล่มใหญ่ มีความหมายถึงสงคราม โลกเราพบสงครามโลกถึง 2 ครั้ง ณ วันนี้สงครามและข่าวสงคราม ชัดเจนต่อหน้าต่อตาคนทั้งโลก
เราเห็นได้จาก ข่าวผ่านดาวเทียม สหรัฐกำลังหนักใจเรื่องการที่อิหร่านมีขีปนาวุธ ระเบิด ปรมาณูด้วย
(3) ม้าดำ ผู้ขี่บนหลังม้าถือตราชู มีความหมายถึงเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง คนตกงาน ราคาน้ำมันสูง วันนี้ เราสัมผัสวิกฤติเศรษฐกิจโลกกันถ้วนหน้า
(4) ม้าสีกะเลียว ผู้อยู่บนหลังม้ามีชื่อว่า “มัจจุราช” หรือ “ความตาย” มีความหมายถึงโรค ระบาด เราคงเห็นภาพไม่ชัด ถ้าเรามิได้เกิดในยุคนี้ ที่มีทั้งมะเร็ง โรคเอดส์ โรคซาร์ ไข้หวัดนก และไข้หวัดใหญ่ 2009 ครั้งแรกมันเกิดที่แมกซิโก วันนี้มันมาอยู่ในใจกลางประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว และมันก็คร่าชีวิตคนไทยไปเป็นจำนวนมาก

ผมไม่ทราบว่าลักษณะดังกล่าวจะเป็นเหมือนระรอกคลื่นของม้าสี่ตัวนี้แค่ไหน แต่ที่แน่นอนมันเป็นเครื่องบ่งชี้อีกด้านหนึ่งว่าบุตรมนุษย์ใกล้เสด็จมา ซึ่งเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ในมัทธิว 25 คำอุปมาเรื่องหญิงพรหมจารีย์ 10 คน หมายถึงผู้เชื่อ เขาเป็นหญิงพรหมจารี เขารอรับเจ้าบ่าว เขามีตะเกียงน้ำมัน จึงหมายถึงคริสเตียน ผู้รู้จักความจริง ผู้มีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่พระเยซูตรัสว่าเป็นคนฉลาด 5 คน และเป็นคนโง่ 5 คน

พอเจ้าบ่าวมากลางดึก ต่างคนต่างลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน 5 มีน้ำมันสำรองใส่กาไว้ อีก 5 คนที่เป็นคนโง่ มิได้มีสำรองน้ำมัน เขาจะพึ่งพาอาศัยน้ำมันสำรองของคนอื่นก็ไม่ได้ ความพร้อม ความรอด ความสัมพันธ์กับพระวิญญาณ เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล พ่อทำแทนลูกไม่ได้ สามีทำแทนภรรยาก็ไม่ได้ มันเป็นเรื่องตัวใครตัวมัน
คนที่เตรียมตัวพร้อมก็ถูกรับไป แต่คนที่ไม่พร้อมก็จะถูกละทิ้งไว้ ลองคิดซิว่ามันน่ากลัวแค่ไหน

ขอพูดเรื่องตะเกียงสักหน่อย

ไฟของตะเกียงจะต้องจุดอยู่
(ตะเกียงต้องมีน้ำมัน) คือเราต้องมีความสัมพันธ์กับพระวิญญาณวันนี้ ในพระธรรมเลวีนิติ 6:8-13 กล่าวถึงแท่นเผาบูชาที่คนเลวีจะต้องรักษาให้จุดอยู่อย่างต่อเนื่องสรุปได้ 3 ประการด้วยกัน
1.ต้องเผาอยู่ตลอดคืน
2. ต้องตักมูลเถ้าออก
3. ต้องใส่ฟืนทุกเช้าแท่นบูชาจะต้องติดไฟอยู่เรื่อยไป

และวิธีที่ไฟจะลุกอยู่ได้เช่นนี้ แปลว่า เขาจะต้องป้อนฟืนใหม่ๆให้เสมอ (12) เขาจะต้องโกยขี้เถ้าออกไป

ไฟที่เคยติด วันนี้มันก็เป็นขี้เถ้าไปแล้ว ไม่อาจมาทดแทนไฟที่กำลังลุกอยู่ในวันนี้ ประสบการณ์ต่างๆในอดีต แม้เป็นประสบการณ์ที่ดี แต่มันก็ได้เผาไหม้เป็นขี้เถ้าไปแล้ว หลายคนมีคำพยามเดิมๆ แต่ถ้าหากท่านต้องการให้ชีวิตของท่านติดไฟอยู่ ท่านต้องมีประสบการณ์ใหม่ๆกับพระเจ้า ประสบการณ์ใหม่เกิดจากไม้ฟืนแห่งปัญหา หรือสิ่งที่พระเจ้านำผ่านเข้ามาสู่ชีวิตของเรา เราพบปัญหาหากเราพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันก็จะกลายเป็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงขึ้น

Visitor 883

 อ่านบทความย้อนหลัง