งานของเรา คือการฟังเจ้าของแผน
ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์
โมเสส มีอายุ 120 ปี ว่ากันว่าชีวิตของท่านถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ๆ 40 แรกท่านสะสมวิทยาการความรู้มากมาย ทั้งด้านภาษา การพูด และกิจการต่างๆ แต่พอช่วง 40 ปีที่ 2 เป็นช่วงที่ทำให้ท่านรู้จักพระเจ้ามากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ในงานของพระองค์ต่อไป ในช่วง 40 ปี่ที่ผ่านมา พระเจ้าได้ทรงนำคริสตจักรผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ทั้งงานอภิบาลศิษย์ การประกาศ และพันธกิจ ผมสังเกตว่า งานชิ้นใดๆก็ตามที่เกิดผลดี ล้วนแต่เริ่มมาจากพระองค์ทั้งสิ้น พระองค์เปิดเผย สำแดง แล้วเราก็เดินตาม ผมเคยพูดว่า งานใหญ่หลายชิ้นเริ่มขึ้นที่ประชุมอธิษฐาน มากกว่าประชุมสัมมนา ไม่น่าแปลกใจ หลังจากเปาโลเป็นมิชชั่นนารี เดินทางถึง 3 ครั้ง ในช่วงต่อมาท่านไปติดคุกอยู่ที่กรุงโรม ท่านเขียนจดหมายฝากถึง คริสตจักรฟิลิปปี ท่านบอกว่า ทุกอย่างที่มีมาท่านถือว่าไร้ประโยชน์ เพื่อจะได้รู้จักพระเยซูคริสต์ “ข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น” (ฟิลิปปี 3:10)

 

เชื่อว่าพระเจ้าเตรียมชีวิตของเรา ให้ผ่านอะไรๆหลายอย่าง เพื่อเราจะแข็งแกร่งขึ้น ทรงสอนบทเรียนให้เรารู้ว่า การฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และเดินตาม คือ วิถีทางเดินแห่งอนาคต จำได้ไหม ครั้งหนึ่งมีคนมาถามพระเยซูว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้ “พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางในในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา” (ยอห์น 6:28-29) ถ้าผมจะแปล ก็หมายความว่า เจ้าของแผน ตัวจริงก็คือพระเยซู แผนของเราเองเทียบไม่ได้กับแผนของพระองค์ พระองค์คือเจ้าของโครงการ พระบิดาคือเจ้าของนา พระองค์ทรงประสงค์จะทำโครงการของพระองค์ให้เกิดผล ขอให้เราเชเชื่อ และขันอาสาเข้ามารับมอบโครงการเหล่านั้นจากพระองค์ แล้วงานยิ่งใหญ่ของพระเจ้าก็จะเกิดขึ้น โมเสสถ่อมใจเข้ามารับมอบแผนการของพระองค์ แล้วงานยิ่งใหญ่เกินปัญญามนุษย์ก็เกิดขึ้น เช่นเดียวกัน ผมเชื่อว่าพระเจ้ากำลังเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในอดีตดักหน้าเราอยู่
ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่ร่วมนิมิต ร่วมรับใช้กับผมตลอดมาอย่างยิ่ง พี่น้องหลายคนออกแรง สละเวลา กำลัง ทุนทรัพย์ ไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย โดยสามัญผมไม่ค่อยชมใคร ทั้งๆที่ผมควรใช้คำชมมากกว่านี้ แต่พี่น้องก็รับใช้โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำชมเชยของผม เพราะพี่น้องรักพระเจ้า และรู้ดีว่าท่านทำถวายพระเจ้า ท่านจึงมีความสุข ทีมงานในโบสถ์ และพันธกิจก็มีเงินช่วยเหลือน้อย ท่านไม่ได้รับใช้เพราะเงิน แต่เพราะความรักที่ท่านมีต่อพระเยซูต่างหาก อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ



Visitor 194

 อ่านบทความย้อนหลัง