การรู้จักให้.......................โดย  อรัญญา  ศรีชอบธรรม

 

คุณเคยรู้สึกว่าตัวเอง “ไม่มีความสุข” ใช่ไหม

                และหลายคนที่คุณรู้จัก หรือคนรอบข้างคุณ ดูเหมือน ไม่มีความสุข เหมือนคุณใช่ไหม

                คุณคงสงสัยและอยากค้นหาคำตอบว่า ทำไม ใจของคุณจึงกระหายหาความสุขที่คงทนอยู่กับชีวิตของตัวเองยากเหลือเกิน ต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุข มาปรนเปรอชีวิตจิตใจตลอดเวลาจนเหน็ดเหนื่อยแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

                ถ้าคุณอยากรู้จริงๆว่า ทำไมจึงจะหายเหนื่อยและเป็นสุขเหมือนใครบางคนที่คุณแอบมองดูเข้าอยู่ด้วยความสงสัย

                คุณต้องหยุดความคิดทุกอย่างแล้วมองดูความคิดตลอดจนการใช้ชีวิตของตัวเอง

                คุณจะพบความจริงว่า สาเหตุเกิดจากการไม่รู้จักพอ อยากได้อยากมีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่เคยคิดที่จะเป็นผู้ให้บ้างเลย หรือให้เหมือนกันบางครั้งเพราะหวังผลตอบแทนอะไรบางอย่างกลับมา หรือให้บ้างเหมือนกันแต่ให้สิ่งที่คุณไม่ต้องการแล้วไร้ค่า เลยให้เพื่อหวังบุญคุณกลับมา หรือให้บางโอกาสเพื่อหวังสวรรค์เป็นเป้าหมาย เป็นการให้เพื่อหวังจะได้...สารพัดอย่างสุดแต่คุณจะคิดหวัง

                คุณไม่เคยให้เพื่อจะให้เลย ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีว่า การให้คือ ความดีและเป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องทำทุกคน และคนในสังคมจำนวนไม่น้อยต่างคิดเหมือนคุณ สภาวะของสังคมทุกวันนี้ จึงเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต่างมุ่งกอบโกย อยากได้อยากเอาอยากรับอย่างเดียวไม่รู้จบสิ้น ความสุขใจจึงเหือดหายไปจากชีวิต

                ขณะเดียวกัน ลองกวาดสายตาไปรอบๆ มองดูเพื่อนบางคน หรือคนบางคนในสังคมหน้าตาอิ่มเอิบ ยิ้มแย้ม อารมณ์ดี จิตใจอ่อนโยน พูดจารื่นหู มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คิดพูดทำอะไรเพื่อคนอื่นๆ อยู่เสมอจึงเป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จัก ได้พูดคุยด้วย เพราะอยู่ใกล้ๆ แล้วมีแต่ความสุขใจ

                เขาเป็นคนประเภทใด มีความคิดอย่างไร เชื่อว่าคุณรู้ว่า เขามีความคิดของการเป็นผู้ให้ ไม่อยากได้โน่นได้นี่ตลอดเวลา ไม่คิดถึงแต่เรื่องและความต้องการของตัวเองจนไม่สนใจเรื่องของใครๆเลย ความคิดที่มีแต่จะให้อยู่เสมอ เขาจึงมีความสุขในทุกสภาวะของสภาพแวดล้อม

                ถ้าคุณอยากมีความสุข คุณต้องฝึกการเป็นผู้ให้ทุกขณะจิต โดยเริ่มจากการปลดความคิด ให้เพื่อจะได้รับออกไปจากใจของคุณอย่างเด็ดขาด แม้แต่ความคิดให้เพื่อความสุขใจก็ต้องสลัดทิ้งไป เพราะนั่นคือการติดสินบน ไม่ใช่การให้จากใจอันบริสุทธิ์

                ถ้าคุณฝึก การรู้จักให้จากใจอันบริสุทธิ์ได้ คุณจะค้นพบกฎของการสะท้อนกลับว่ามีพลังมหาศาลเหนือความคาดคิดของคุณไม่มีใครนำคุณไปพบได้ คุณต้องค้นพบด้วยตัวคุณเอง

 

การให้แบ่งเป็น 2 ประเภท

1.             ให้จากสิ่งที่เป็นตัวของคุณ คือ ความคิด จิตใจ ชีวิตและร่างกายของคุณเอง โดยมีความคิดเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีใจปรารถนาดีอยากช่วยเหลือผู้มีปัญหา ยินดีด้วยความจริงใจเมื่อเขามีสิ่งดีๆ อธิษฐานเผื่อใครต่อใครเป็นประจำทั้งรู้จักและไม่รู้จัก เช่น อยู่บนรถเมล์ใจก็อธิษฐานขอให้ทุกคนถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย เห็นคนขายของใจก็คิดขอให้เขาขายหมดเร็วๆ จะได้กลับบ้านพักผ่อนฯลฯ เป็นต้น หรือใช้ร่างกายของคุณเป็นผู้ให้ ด้วยการยิ้มแย้ม ทักทายผู้คนให้คำพูดที่เป็นพรเป็นกำลังใจ พูดแต่สิ่งดีๆ กับใครๆ เสมอ

คุณเคยขอบคุณ พนักงานกทม.ที่กวาดถนนหน้าบ้านคุณหรือไม่  คุณเคยทักทายอวยพรคนคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักหรือไม่ฯลฯ ลองทำดูแล้วคุณจะเห็นความอัศจรรย์บางอย่าง

การให้ลักษณะนี้คุณไม่ต้องจ่ายเพิ่มแม้แต่บาทเดียว

2.              ให้จากสิ่งที่คุณมี  หมายถึง  คุณต้องมีต้นทุนในการให้ ตามกำลังศรัทธา แต่ขอให้มาจากใจอันบริสุทธิ์โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น เพราะเพียงน้ำเย็นๆ แก้วเดียว ที่คุณยื่นให้พนักงานกทม.ที่กำลังกวาดขยะหน้าบ้าน ก็ถือว่าเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

คุณเคยซื้อขนมถุงเล็กๆ ไปฝาก รปภ.หน้าตึกที่คุณทำงานหรือไม่

เคยให้ขนมกับเพื่อนของลูก เวลาที่คุณไปรับลูกจากโรงเรียนหรือไม่

ถ้าคุณขายอาหารเคยตั้งวันแห่งการให้ โดยเพิ่มปริมาณอาหารมากขึ้น เช่นเพิ่มลูกชิ้นอีก 2 ลูก เพิ่มเส้นมะละกออีกหยิบมือในจานส้มตำในวันแห่งการให้ที่คุณรู้อยู่คนเดียวหรือไม่

                                คุณบริจาคให้องค์กรการกุศล เช่น สภากาชาด ฯลฯ เป็นประจำหรือไม่ เป็นต้น

       เห็นไหมว่า การรู้จักให้ นั้นทำไม่ยาก ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องรอให้รวยจึงจะให้ได้ คุณสามารถให้ได้ทุกวัน ขอเพียงมีความมุ่งมั่น จิตใจเข้มแข็ง อดทน ฝึกเพื่อเป็นผู้ให้ โดยคิดว่า ฉันจะให้ออกไปทุกวันในสิ่งที่เป็นตัวฉันและสิ่งที่ฉันมี

       รับรองว่าไม่นานเกินรอ คุณจะกลายเป็นคนที่มีความสุขทุกสภาวะแวดล้อม และคุณได้กลายเป็นอีกชีวิตหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความสงบสุขให้กับสังคม

       อย่าลังเลที่จะฝึกการรู้จักให้ เริ่มเดี๋ยวนี้เลย

 

ข้อคิดจากพระคริสตธรรมคัมภีร์

·       การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ (กิจการ 20:35)

·       อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร (กาลาเทีย 6:6)

·       อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น (1โครินทธ์10:24)

·       เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป (ยากอบ4:17)

 

 




 





Visitor 2077

 อ่านบทความย้อนหลัง