พระคำพระเจ้าให้สันติสุขในชีวิต

คุณกรรณิกา มณีศิลาวงศ์ (จอย)......................................................................................





ดิฉันเกิดในครอบครัวคริสเตียน�จึงรู้เรื่องพระเจ้า�รู้จักพระองค์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ได้เข้าชั้นเรียนรวีวารศึกษา�เมื่ออายุ�3 ขวบ�บ้านเกิดดิฉันอยู่บนดอยทางตะวันออกฉียงเหนือ อ.แม่สอด�ดิฉันเป็นชาวกระเหรี่ยงลูกครึ่ง ไทย-จีน-เยอรมัน�และเข้ามากรุงเทพฯ�เพื่อเรียนหนังสือในปี พ.ศ. 2526 ที่ ร.ร.สาธิตประสานมิตร�โดยพักอยู่บ้านญาติ ซึ่งอยู่ซอยเดียวกับคริสตจักรสามัคคีธรรม�ดิฉันจึงเข้ามาเป็นสมาชิกที่นี่

�������������� แต่เวลานั้น ความเชื่อของดิฉัน�ไม่มั่นคง�คลอนแคลน�ไม่เคยคิดเอาจริงเรื่องการดำเนินชีวิตอย่างคริสเตียนเลย�ทั้งไม่เคยมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าด้วย�ดิฉันหลงไปตามกระแสโลก�เอาแต่ใจตัวเอง�ทำตามอารมณ์มากกว่าความถูกต้อง�มุ่งแต่จะหาเงิน ยอมรับว่าในเวลานั้น�เงินสำคัญมากสำหรับดิฉัน�และดิฉันก็สามารถหาเงินมาได้เป็นกอบเป็นกำ�เรียกว่าเป็นเศรษฐี 100 ล้านทีเดียว ความเป็นอยู่ฟุ้งเฟ้อที่สุด
�����
���������� และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น�ทรัพย์สินเงินทองสูญสลายหมด�ชีวิตครอบครัวเกิดปัญหามากมายถึงขั้นแตกแยก�ดิฉันเหลือแต่ตัว
กับความทรงจำที่แสนเจ็บปวด�อ้างว้าง�ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตของตัวเองต่อไป
���
�����เมื่อความทุกข์โหมกระหน่ำชีวิตจนหมดหนทาง�ดิฉันจึงคิดถึงพระเจ้า
����
���������� � ขอบคุณพระเจ้า พระองค์กระตุ้นเตือนดิฉันว่าพระองค์อยู่กับดิฉันตลอดเวลา�เพียงแต่ตาดิฉันมืดบอด มองไม่ เห็นพระองค์�หูก็ดับไม่ได้ยินเสียงพร่ำเรียกของพระองค์เลยและดิฉันเชื่อว่าเป็นเพราะพระคุณพระเจ้า�ที่ขับไล่ความมืดบอดทางจิตวิญญาณออกไป�ทำให้ดิฉันหวนคิดถึงพระองค์ได้�เกิดมีกำลังใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด�ดิฉันจึงกลับเข้ามาโบสถ์อีกครั้งในปี ค.ศ. 2003
��
������������� พระเจ้าอวยพรมากมาย�พอชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง�ดิฉันก็เตลิดไปอีก�ไหลลื่น< ไปตามค่านิยมของโลกของสังคม ค่อย ๆ ห่างโบสถ์�ไม่อ่านพระคัมภีร์ วัน ๆ คิดแต่จะทำธุรกิจหาเงินให้ได้มากที่สุด�แล้วก็ไปไม่รอด�ทั้งปัญหา ทั้งความทุกข์ท่วมท้น�จนชีวิตต้องล่มสลายอีกครั้ง�ดิฉันจึงได้คิดกลับเข้าโบสถ์�มาหาพระเจ้าจริงจังในปี ค.ศ. 2009
��
������������� บทเรียนชีวิตครั้งนี้�ทำให้ดิฉันได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้า�อย่างท่วมท้น�เกิดความรู้สึกอย่างรับใช้พระองค์�จึงสมัครเข้าเรียนที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้คริสตจักรสามัคคีธรรม�โดยตั้งเป้าหมายจะทำงานรับใช้พระเจ้า�ด้านการประกาศ�นำความจริงเรื่องพระเจ้า�พระเยซูคริสต์ออกไปเผยแพร่ให้ผู้คนได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น�ได้รับรู้ถึงหนทางสู่ชีวิตนิรันดร์ และทำงานด้านให้กำลังใจ�หนุนใจผู้ประสบปัญหาชีวิต�ให้ยืนหยัดต่อสู้ความทุกข์ยาก�โดยยึดมั่นในพระคำของพระเจ้า�ซึ่งสามารถนำไปสู่ชัยชนะของชีวิตได้

�������

�����
จากเศรษฐีเงินล้าน�เวลานี้ดิฉันมาอาศัยอยู่ที่โบสถ์�ใช้ชีวิตสมถะ�แม้ภายนอกจะดูขาดแคลน�แต่ภายในจิตใจมั่นคงด้วยความสุขสงบ�และมีสันติสุขอยู่ลึก ๆ พระเจ้าทำให้ดิฉันสำนึกว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด�เงินอาจให้ความสะดวกสบาย�แต่ไม่ได้ให้สันติสุข�และความสุขที่เกิดจากเงินก็ไม่ยั่งยืนถาวร�แต่สันติสุขจากพระเจ้าต่างหาก�ที่คงทนเป็นนิตย์เป็นพลัง

ให้ดิฉันทนอยู่ได้ในทุกสถานะภาพของชีวิต


������������ พระเจ้าคือคำตอบของชีวิตดิฉัน
����
��������
��� ดิฉันยินดีหนุนใจ�และให้คำปรึกษากับทุก ๆ ท่าน ที่มีปัญหา�เชิญติดต่อมาได้ที่คริสตจักรสามัคคีธรรม ดิฉันพร้อมรับใช้ทุกท่าน�ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
ฮีบรู 13:5
�����
���������
� ท่านจงอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่�เพราะว่าพระองค์ได้ตรัวว่า�เราจะไม่ละท่าน�หรือทอดทิ้งท่านเลย
1 ทิโมธี 6:6-7

“จริงอยู่เราได้รับประโยชน์มากมายจากทางของพระเจ้าทั้งความสุขใจ�เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด�เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น”
9-10
“ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวย ก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่าวแร้ว และในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิด�� และเป็นภัยแก่ตัวซึ่งทำให้คนเราถึงความพินาศเสื่อมสูญไปด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวลและเพราะความโลภนี่แหละจึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ�และตรอมตรมด้วยความทุกข์”











Visitor 115

 อ่านบทความย้อนหลัง