โรคร้ายรักษาโรคใจ

เล่าคำพยานชีวิตโดย
คุณอรัญญา ศรีชอบธรรม

ตั้งแต่ตัดสินใจ เชื่อพระเยซู ยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวในชีวิตของฉัน เมื่อปลายปี 2000 ถึงวันนี้ 12 ปีเต็มและความเชื่อของฉันไม่ได้มาจากการประกาศข่าวประเสริฐของใคร หรือฟังคำพยานของใคร หรือต้องการขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่ฉันไปโบสถ์เอง เพื่อตอบแทนพระคุณโบสถ์ ตามที่ฉันเคยเขียนคำพยานเรื่องนี้มาแล้ว

ฉันไม่เคยเชื่อ ไม่เคยยอมรับว่า พระเจ้าจะช่วยใครได้ ถ้าคนนั้นไม่ช่วยตัวเอง ฉันจึงท้าทายพระเจ้ามากมาย ในที่สุดฉันต้องยอมแพ้พระเจ้าโดยดุษฎี

นาทีที่ใจฉันเปิดต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต ฉันยืนยันเด็ดขาดกับใจของฉันว่า ฉันจะไม่มีวันออกจากทางของพระองค์ เพื่อกลับไปยังความเชื่อเดิม ๆ

ฉันจะไม่มีวันต่อว่าพระเจ้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

และไม่มีวันสงสัยในน้ำพระทัยของพระองค์เลย

เมื่อเชื่อพระเยซูใหม่ ๆ ฉันไม่เคยอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเลย เพราะก่อนรู้จักพระเยซู ฉันมีปัญหามีความทุกข์มากมายอยู่แล้ว และเมื่อเชื่อพระเยซู ฉันยังคงมีความทุกข์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะฉันคิดและยอมรับว่าปัญหาทุกอย่างเกิดจากตัวฉันเองเป็นผู้ก่อขึ้น ฉันจึงต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง จะไปรบกวนเรียกร้องจากพระเจ้านั้นไม่สมควรเลย

เพราะสิ่งที่ฉันหวังอย่างยิ่งจากพระเยซูคือชีวิตในโลกหน้า ไม่ใช่เพียงเพื่อความสุขสบายในโลกนี้ แต่ถ้าพระองค์ประทานให้ แต่ถ้าพระองค์ประทานให้ ถือว่าเป็นพระคุณเหลือล้นจนฉันได้รับการสอนว่า ฉันเข้าใจผิด พระเจ้ารักฉันเหมือนลูก และเป็นธรรมดาที่พ่อย่อมอยากรู้ความเป็นไปของลูกทุกอย่าง เพื่อชื่นชมเมื่อลูกทำดี และเพื่อช่วยเหลือปลอบประโลมเมื่อลูกมีปัญหาฉันจึงเริ่มอธิษฐานกับพระองค์ทุวัน

ถึงอย่างไรฉันก็อดภาคภูมิใจในตัวเองไม่ได้ และคิดเสมอว่าฉันเป็นคริสเตียนที่ดี มีความเชื่อมั่นคง เติบโตเร็ว เรียนรู้แล้ว พัฒนาชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ จนคนในครอบครัวเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน และตัวฉันจะเป็นคำพยานที่ดีที่สุดขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ถึงวันนี้ ขณะเขียนคำพยานฉันต้องร้องไห้ ขอโทษพระเจ้าสารภาพบาปกับพระองค์อีกครั้ง ความจริงฉันไม่อยากเขียนประเด็นนี้เลย เพราะเท่ากับเอาตัวเองออกมาประจาน ทุกคนที่อ่านเรื่องนี้จะคิดอย่างไร ฉันจะทนสายตาของพี่น้องได้หรือ แต่ฉันต้องเขียน เพราะในสมองฉันเต็มไปด้วยเนื้อความที่ผุดขึ้นตลอดเวลา ตอกย้ำตลอดเวลาว่า ความคิดภาคภูมิใจในตัวเองที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด ฉันหลงตัวเองมีความหยิ่งยะโสมากเหลือเกินในความเชื่อของตัวเอง

เพราะช่วงต้น ๆ ของชีวิตคริสเตียน ฉันมักสงสัยคริสเตียนที่ละทิ้งพระเจ้ารวมทั้งพวกฝรั่งที่หนีมาบวชพระในเมืองไทย หรือฝรั่งบางคนที่ฉันรู้ว่าเขาไม่เชื่อพระเยซูทั้ง ๆ ที่เป็นคริสเตียนมาแต่กำเนิด หรือคริสเตียนไทยเองที่อยู่ ๆ ก็หันกลับไปยังความเชื่อเดิม ๆ หรือคริสเตียนที่พร่ำบ่นสงสัยพระเจ้า ต่อว่าน้อยอกน้อยใจ ที่พระเจ้าไม่ช่วยแก้ปัญหาสักที ฉันสงสัยว่าพวกเขาไม่เชื่อพระเจ้าจริง ๆ หวังเพียงอามิสสินจ้าง หรือเชื่อแต่ไม่เชื่อฟัง ไม่ตั้งใจจริงกับพระเจ้า จึงไม่ได้รับพระพร พระเจ้าไม่ฟังคำอธิษฐาน

ขณะเดียวกัน ตัวฉันเองก็ยังมีปัญหาเหมือนกัน ทำผิดพลาดเหมือนเดิม แต่ฉันกลับโทษมารว่าเป็นตัวขัดขวาง ตัวทำลายคอยล่อลวง เมื่อฉันอยากทำอะไรดี ๆ

จนวันหนึ่งพระเจ้าสอนฉัน เหมือนใช้พระแสงดาบของพระองค์แทงทะลุหัวใจฉัน พระเจ้าเปิดใจ เปิดความคิด เปิดตาฉัน ให้มองย้อนเข้ามาที่ตัวเองว่า เจ้าเป็นคนดีนักหรือทำอะไรผิดคิดผิดก็โทษแต่มาร จากวันนั้นเป็นต้นมาฉันจึงเข้าใจมากขึ้นว่าไม่ใช่ทุกปัญหา ไม่ใช่ทุกความทุกข์ยากเกิดจากมาร และการที่ฉันคิดอย่างนั้นแสดงว่าฉันเป็นคนดีเลิศเหลือเกิน ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะความผิดพลาดความทุกข์หลายเรื่อง เกิดจากใจของฉันเอง เกิดจากความคิดของฉัน คือมันเกิดจากกิเลสของฉันนั่นเอง

จากความเข้าใจที่พระเจ้าประทานให้ฉันจึงอธิษฐานขอสติปัญญาทุกวัน ขอให้รู้น้ำพระทัยของพระองค์ ว่าทรงประสงค์ให้ฉันทำอะไร และสำคัญที่สุดคือขอความเมตตาจากพระองค์ ขอให้ยึดมือของฉันไว้ ไม่ว่าฉันจะดิ้นรนสักเท่าไหร่ เพื่อให้หลุดจากอุ้งหัตถ์ของพระองค์ ขอพระองค์อย่าปล่อยมือฉัน และขอพระองค์เพิ่มพูนความเชื่อของฉันให้ถูกต้อง และมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา

ช่วงชีวิตคริสเตียนของฉัน เต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ ครอบครัว คนรอบข้าง สภาพภาวะจิตใจ ถือว่าหนักหนาสาหัสถึงขั้นวิกฤติหลายครั้ง แต่ทุกอย่างผ่านพ้นด้วยดี แบบใจหายใจคว่ำ จากมองดูเหมือนจะเลวร้ายกลับกลายเป็นดี เหมือนพลิกฝ่ามือ นั่นยิ่งทำให้ฉันวางใจและเชื่อในพระเจ้ามากยิ่งขึ้นว่าพระองค์จะดูแลปกป้องฉัน และครอบครัวทุกอย่าง พระสัญญาของพระองค์เป็นจริงในชีวิตฉันแน่นอน และเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยต่อว่าสงสัยพระเจ้าเลยจริง  ฉันเชื่อเต็มหัวใจว่า พระเจ้าจะไม่ให้สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ อยู่กับฉันนานเกินไป มันจะผ่านไปแล้วฉันกับครอบครัวจะดีสมบูรณ์สมกับที่เป็นลูกของพระเจ้า

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงยังคิดภาคภูมิใจในตัวเอง และอดคิดตัดสินคนอื่น ๆ ที่มีปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ผ่านพ้นสักทีว่า ความเชื่อของเขาบกพร่อง หรือทำอะไรผิดกับพระเจ้า ฉันอดคิดสงสัยอย่างนี้ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ถูกตีสอน เจ็บตัวหลายครั้งเคยป่วยเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะความคิดทะนงตน หยิ่งยะโสว่าตัวเองดี จนสำนึกได้ สารภาพบาปกับพระเจ้า จนเรียกว่าเข็ดหลาบในระดับหนึ่ง

หลายครั้งที่เจ็บตัว ฉันไม่อธิษฐานขอพระเจ้ารักษา เพื่อความเจ็บปวดนั้นจะได้เตือนใจฉัน พระเจ้าย้ำเตือนให้ฉันถ่อมใจ ขับไล่ความหยิ่งยะโสว่าตัวเองเป็นคนดีเหลือเกิน ออกไปจากความคิด จากจิตใจ ให้เห็นว่าคือพระคุณของพระเจ้ามที่หล่อเลี้ยงชีวิตฉันอยู่ แม้ฉันถูกพระเจ้าตีสอนหลายครั้งก็จริง แต่การตีสอนนั้น เป็นเพียงไม้เรียวอันเล็ก ๆ ความหลาบจำของฉันหลุดออกไปจากจิตใจความคิดของฉันบ่อย ๆ

ครั้งนี้พระองค์จึงจัดการเด็ดขาดกับความหยิ่งยะโส ที่มันแอบซ่อนตัวอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยว่ามันยังอยู่ เพราะทุกครั้งที่ปัญหาเกิดขึ้นนั้น อยู่นอกร่างกาย นอกจิตใจของฉัน เป็นการง่ายที่ฉันจะเห็นพระคุณของพระเจ้าในทุกกรณี เรื่องครอบครัว เรื่องเงินทอง เรื่องอะไรต่อมิอะไรรอบ ๆ ตัว ล้วนเป็นเมือนลมพัดผ่าน สามารถสบัดหลุดได้ง่าย ทำใจยอมรับได้ง่าย เพราะสามารถอธิษฐานขอการทรงนำไปสู่ความช่วยเหลือจากใครบางคนได้ ฉันสามารถเป็นพยานขอบคุณพระเจ้าอย่างหนักแน่นมั่นคงมากมายหลายเรื่อง

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับร่างกายซึ่งผูกโยงไปถึงจิตใจความคิดของตัวฉันเอง ขณะที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวจริง ๆ และนี่คือการทดสอบความเชื่อที่หนักอึ้ง พระองค์สร้างฉันขึ้นมาก และเวลานี้พระองค์กำลังจะทำลายฉันหรือ ความเชื่อของฉันเต็มขนาดอย่างที่ฉันเข้าใจตัวเองจริง ๆหรือ

ในเมื่อฉันอธิษฐานขอพระเจ้าชำระร่างกายให้ปราศจากโรคร้าย ขอทรงรักษาสุขภาพของฉันให้แข็งแรง สามารถรับใช้พระเจ้าได้จนนาทีสุดท้าย และจากไปอย่างสงบไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ซึ่งฉันเชื่อหมดหัวใจว่า จะต้องเป็นอย่างนี้จริง ๆ

แล้วเกิดอะไรขึ้น จากที่ฉันสุขภาพแข็งแรง เพียงไปตรวจสุขภาพตามปกติ ฉันกลับกลายเป็นคนไข้โรคร้ายมะเร็งไทรอยด์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว ร่างกายทรุดโทรม ณ.วันนี้ (2 เมษายน 2012) และดูเหมือนว่าหัวใจของฉันกำลังจะมีปัญหา เกิดอะไรขึ้น พระเจ้าไม่ฟังคำอธิษฐานของฉันเลยหรือ

ฉันเริ่มไม่แน่ใจในพระสัญญาของพระองค์ คำถามเกิดขึ้นมากมาย ฉันผิดหวังพระเจ้าที่สุด พระองค์ไม่รักฉันจริง ฉันต่อว่าพระองค์ ทำไม...ทำไม...ฉันเฝ้าถามตัวเอง ถามพระเจ้า คิดไปถึงครอบครัวสามี (ซึ่งยังไม่เชื่อ) ลูกทั้ง 3 คน จะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาฉันยืนยันถึงความรักของพระเจ้า ชี้ให้ทุกคนเห็นถึงพระคุณของพระเจ้า ที่ท่วมท้นอยู่ในครอบครัว นับตั้งแต่ฉันเปิดใจเชื่อพระเยซู

แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ฉันคลางแคลงใจพระเจ้า ชั่วขณะที่เจ็บปวดสุดขีด หน้ากากจอมปลอมของฉันถูกพระองค์กระชากออกมา พระองค์ล้วงเอาความหยิ่งยะโสก้นบึ้งหัวใจของฉันออกมาประจานให้ฉันได้เห็น ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วฉันเป็นคนอย่างไร ฉันไม่ต่างจากคริสเตียนคนอื่น ๆ ที่ฉันเคยตัดสินหรือคิดติติงพวกเขาเลย ฉันไม่มีสิทธิคิดตัดสินคนอื่นจากพฤติกรรมภายนอก ยิ่งต้องไม่วินิจฉัยใครเด็ดขาด เพราะผู้รู้ความจริงอันถ่องแท้คือองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว

หน้าที่ของฉันคือคิดในทางที่ดี ใช้คำพูดให้เกิดผลดี เพราะคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนอื่น อาจเป็นเหตุให้เขาออกไปจากทางของพระเจ้านั้นเป็นบาปหนักสาหัสที่สุด

สำนึกได้อย่างนี้ ฉันรู้สึกอับอายเหลือเกิน อับอายพระเจ้าจนไม่อยากสู้หน้า อับอายคริสเตียนทั้งที่ฉันรู้จักและไม่รู้จัก ที่ฉันเคยคิดตัดสินพวกเขาในทางที่ไม่ถูกต้อง ฉันจะสู้หน้าใครต่อใครได้อย่างไร ฉันรู้สึกไม่อยากไปโบสถ์ ไม่อยากคิดถึงพระเจ้าอีก

ฉันสารภาพบาปกับพระเจ้า ขอโทษพระองค์ ขอโทษพี่น้องทุกคนที่ฉันเคยคิดตัดสินพวกเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ความจริง หรือเบื้องหลังของเหตุการณ์ ฉันดูหมิ่นความเชื่อของพวกเขา ซึ่งเป็นบาปหนาจริง

ขณะฉันว้าวุ่นใจ พระคุณของพระเจ้าหลั่งลงมาในจิตใจของฉัน อุ้งหัตถ์ของพระองค์ยึดฉันไว้แน่น ทรงเมตตาประทานสติปัญญา ไม่ปล่อยให้ฉันคิดอะไรผิด ๆ หนีพระองค์ไป พระองค์ชี้ให้เห็นถึงพระคุณมากมาย ขณะที่ฉันเผชิญโรคร้าย และกำลังใจที่สำคัญที่สุดคือทุกคนในครอบครัวฉันต่างขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าทรงให้เจอโรคนี้เร็ว ก่อนที่มันจะเป็นมากจนรักษายาก แม้ร่างกายฉันจะทรุดโทรมต้องใช้เวลาฟักฟื้นนานกว่าคนอื่น อาจจะหลายเดือน หรือถึงปี แต่ที่สุดแล้วฉันจะกลับมาแข็งแรงฉันไม่เหมือนเดิม ทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด ทำอะไร ๆ ได้เหมือนเดิม ตามที่ฉันอยากทำ ทุกคนปลอบโยนฉันตลอดเวลา

ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระองค์ พระองค์ยังประทานสติปัญญาให้ฉันเข้าใจซาบซึ้งถึงความล้ำลึกในข้อพระคัมภีร์มากมาย เช่นเรื่องของโยบ 1 คร.4:57,1 คร.8:9-12,มธ.7:1-5,มธ.12:36,คส.4:6,เรื่องหนามในอกของ อ.เปาโล 2 คร.12:8-9,ฮบ.12:1,ยก.1:12,ยด.20-23,ยน.9:3-4,1 คร.8:6,คำคร่ำครวญของอิสยาห์ คำตัดพ้อของกศัตริย์ดาวิด ฯลฯ ฉันอาจเข้าใจความหมายในพระคัมภีร์ก็จริง แต่บางเรื่องฉันไม่ซาบซึ้ง จนเรื่องร้ายนี้เกิดกับฉัน ทำให้ฉันสามารถเข้าถึงความล้ำลึกของพระคัมภีร์ บางช่วงบางตอนได้อีกระดับหนึ่ง และคือพระเจ้าเองที่ทรงจูงฉันเข้าไป ขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ

จากความเจ็บปวดทั้งกายและจิตใจนี่เอง ทำให้ฉันได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในความเชื่อพระเยซู ความรอดนั้นเป็นสุดยอดของความเชื่อที่จะปรากฎให้เห็นในโลกหน้า แต่ความงดงามที่แสนอัศจรรย์สามารถปรากฎให้เห็นได้ในชีวิตคริสเตียน บนโลกใบนี้ เช่น

ในยามที่ฉันเจ็บป่วยแสนสาหัส แต่ฉันยังทนได้จิตใจสงบมีสันติสุข สามารถหนุนใจผู้ป่วยคนอื่น ๆ ได้ ปลอบประโลมเขาด้วยความรักความเห็นใจจริง ๆ

ในยามที่ฉันขาดแคลน ฉันไม่เคยอดอยากไม่รุ่มร้อนกระหายหา และสามารถเป็นคำพยาน เป็นกำลังใจให้ผู้ที่เผชิญปัญหาเหมือนฉันได้

ในยามที่ฉันมีปัญหาสารพัดเรื่องภายในครอบครัว ฉันมีความคิดทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีความอดทน มีความหวัง จนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ร่วมหาทางออกให้กับผู้ที่กำลังทุกข์ใจ เหมือนฉันได้

ในยามที่ฉันมีปัญหาจากสถานะการรอบตัว คนรอบข้าง ฉันสามารถเผชิญปัญหาเหล่านั้นด้วยใจสงบ อดทน และทำในสิ่งที่ดี จนเป็นที่แปลกใจของพวกเขา

จากตัวอย่างชีวิตของฉันบางเสี้ยว ทุกครั้งที่มองย้อนเข้าไป ฉันขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ นี่คือความยิ่งใหญ่ ความงดงามที่แสนอัศจรรย์ ทำให้ฉันตระหนักได้ว่า พระเยซูมิใช่เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ ไม่โทษใคร ๆ ทั้งไม่โทษมารซาตานด้วย ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาในชีวิตของฉัน เพราะชีวิตฉันเป็นของพระเจ้า พระองค์ประสงค์อย่างไร ฉันเต็มใจยอมรับสิ่งนั้น รวมทั้งโรคร้ายที่พระองค์ทรงใช้มันรักษาโรคใจของฉัน

ฉันรู้ว่านาทีที่ฉันยอมรับพระเยซู พระองค์ทรงสถิตในตัวฉัน และนาทีนั้นเองฉันได้กลายเป็นเครื่องมือที่พระองค์จะทรงใช้เมื่อถึงเวลาโดยพระองค์พัฒนาชีวิต จิตใจ ความคิด

การกระทำของฉันให้ดี และถูกต้องมากขึ้นเป็นลำดับ แม้กระบวนการนั้น ฉันอาจต้องแลกกับอะไรบางอย่าง อาจต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ แต่พระองค์ทรงดูแลรักษา ให้ความแข็งแกร่ง เพิ่มความรู้สึกอดทนให้ฉัน ให้มีความรัก ความเข้าใจผู้คน มากขึ้น ๆ และทั้งหมดที่ฉันมี ฉันเป็น ก็เพื่อที่ว่าฉันจะเป็นเครื่องมือที่พระองค์ทรงใช้ให้เกิดผลดีกับทุกคนที่ฉันรู้จัก ที่ฉันมีปฎิสัมพันธ์ด้วย

และเพื่อพวกเขาจะได้เห็นถึงพระคุณ ความรัก ความยิ่งใหญ่ขององค์พระเยซูคริสต์ และเพื่อชีวิตของฉันจะป็นคำพยานที่พระเจ้าพอพระทัย ขอบคุณพระเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุก ๆ ท่าน

อรัญญา ศรีชอบธรรม






Visitor 229

 อ่านบทความย้อนหลัง