ฤทธิ์พระโลหิต

เรื่องเล่าโดย   Charles G. Finney

ครั้งหนึ่ง  ผมจัดประชุมฟื้นฟูที่เมืองดีทรอย  คืนวันหนึ่งตอนที่ผมกำลังเดินไปโบสถ์  มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถามผมว่า

     “คุณคือ มิสเตอร์ฟินนี ใช่ไหม?”   

     “ใช่ ครับ

      “ไม่ทราบว่าคุณจะช่วยผมสักอย่างได้ไหมพอคุณเทศนาเสร็จแล้ว  คืนนี้ คุณไปที่บ้านกับผมได้ไหม  ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องจิตใจ?”

        “ยินดีครับ  คุณรอผมอยู่ก็แล้วกัน”  พอฟินนีเดินเข้าไปในโบสถ์  มีบางคนเข้าหา  ถามท่านว่า

         “อาจารย์ฟินนีครับ  ชายคนที่มาพบ เมื่อสักครู่นี้  เขาต้องการ อะไร?”

        “เขาอยากให้ผมไปที่บ้านกับเขา

        “อย่าไปเชียวนะ

        “เสียใจนะ  ผมรับปากเขาไปแล้ว  ว่าผมจะไปกับเขา”   

         พอประชุมเลิก  ฟินนีเดินไปกับชายคนนั้น  ประมาณ 3 บล้อก  ข้ามถนนเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบๆ  มาหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน เขาเปิดประตูแล้วบอก

         “เชิญเข้ามาฟินนี เดินเข้าไปในห้อง  ชายคนนี้ล้อคประตูบ้าน  เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ชักปืนสั้นออกมา  ถือไว้ในมือ 

         “ผมไม่ทำอันตรายอะไรคุณ”  เขาพูด 

        “ผมอยากจะถามคำถามคุณบางข้อแค่นั้น คุณหมายความอย่างที่คุณพูด  เมื่อคืนนี้จริงๆหรือ?”

         “ผมพูดว่าอะไรนะผมลืมไปแล้ว

           “คุณพูดว่าพระโลหิตของพระเยซู ชำระบาปทั้งหมดของเราได้

          ฟินนีตอบ

         “ใช่  พระเจ้าตรัสเช่นนั้น

         ชายคนนั้นพูดว่า

         “คุณฟินนี  คุณเห็นปืนสั้นกระบอกนี้ไหม  มันเป็นของผม ปืนกระบอกนี้ยิงคนตายมาแล้ว 4 คน  สองคนผมเป็นคนฆ่าเขาเอง  ส่วนอีกสองคน ฆ่าโดย บาร์เทนเดอร์  ตอนมีการวิวาทกันในร้านขายเหล้า  คนอย่างผมนี่ยังมีหวังรอดได้ไหม?” 

           ฟินนีตอบ

          “พระโลหิตของพระเยซูชำระเราจากความบาปทุกอย่าง

            ชายคนนั้นพูด

           “คุณฟินนี  ยังมีอีกคำถามหนึ่ง  ข้างหลังที่กันนี้  มีร้านขายเหล้า  ผมเองเป็นเจ้าของ  ของทุกอย่างอยู่ที่นั่น เราขายเหล้าทุกชนิด กับทุกคนที่เข้ามาซื้อ บ่อยครั้ง  ผมริบเงินจนเกลี้ยงกระเป๋าผู้ชายที่มาซื้อเหล้า  ปล่อยให้เขากลับไปหาภรรยา และลูกๆของเขาหิวโหย  บ่อยครั้งมีพวกแม่บ้านอุ้มลูกมาที่นี่ มาหาผม อ้อนวอนไม่ให้ขายเหล้าให้พวกสามีของเขา  ผมตะเพิดพวกแม่บ้านพวกนั้นไปหมด  แล้วผมก็ขายเหล้า ยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ให้บรรดาสามีของเขา  ยังมีหวังสำหรับคนอย่างผมไหม?”

             ฟินนีตอบ 

            “พระเจ้าตรัสว่า  พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ชำระบาปได้ทุกอย่าง

            “คุณฟินนี  ยังมีอีกคำถามหนึ่ง  ด้านหลังฝากั้นนี้  มันเป็นบ่อนการพนัน  มันโกง เหมือนบาปและซาตาน  ไม่มีล้อ อุปกรณ์พนันชิ้นไหนในนั้น ที่ตรงสักอย่าง  ตั้งเอาไว้แบบขี้โกงทุกชิ้น  คนที่มาเข้ามาพนันเล่นจนเหลือเงิน  ไม่กี่บาท  แล้วผมก็ริบจากเขาจนเกลี้ยงกระเป๋า มีหลายคนออกจากบ่อนแห่งนี้ ฆ่าตัวตาย เวลาที่เขาหมดตัว  กองทุนอะไรของเขาหมดเกลี้ยง”            “ยังพอมีหวังสำหรับคนอย่างผมไหม

             ฟินนีตอบ

            “พระเจ้าตรัสว่า พระโลหิตของพระเยซูชำระเรา จากความบาปทั้งหมด

           “ยังมีอีกคำถามหนึ่ง  ตอบคำถามนี้เสร็จแล้ว  ผมจะให้คุณกลับไปได้  ตอนคุณเดินเข้ามาในซอยแคบๆ เมื่อสักครู่  ถ้าคุณเดินเลี้ยวไปทางขวามือ  คุณจะเห็นบ้านหลังสีน้ำตาล  มันเป็นบ้านของผม  ผมเป็นเจ้าของ  ภรรยาของผมพักอยู่ที่นั่น  ผมมีลูกเล็กๆคนหนึ่งอายุ 11 ขวบ  ชื่อ มากาเร็ต 

         13 ปีที่แล้ว  ผมไปทำธุรกิจที่นิวยอร์ค   ผมไปเจอผู้หญิงสวยคนหนึ่ง  ผมโกหกเธอ  บมหลอกเอว่าผมทำงานเป็น นายหน้าซื้อขายหุ้น  เธอจึงแต่งงานกับผม  ผมพาเธอมาที่นี่  พอเธอมาทราบว่าผมทำธุรกิจอะไร เธอผิดหวังมาก  ผมทำให้ชีวิตของเธอเหมือนตกนรกทั้งเป็น  ผมกลับมาบ้านเมาเหล้า  ทุบตีเธอ  ข่มเหงเธอ ขังเธอไว้ในห้อง  ทำร้ายเธอ อย่างโหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่า”   

         “เดือนที่แล้ว  ผมกลับมาบ้าน  เมา ไม่เป็นคนเลย  ภรรยาเข้ามาขวาง  ผมทุบตีเธอ  ลูกสาวจึงเข้ามาขวาง  ผมตบหน้าลูกสาวอย่างแรง  จนเธอหายหลังไปหาเตาไฟที่ไฟกำลังร้อนแดง   แขนเธอถูกไฟลวกตั้งแต่หัวไหล่จนถึงข้อมือ  แขนเธอคงจะไม่หาย กลับเหมือนเดิมอีก  

         คุณฟินนี  คนอย่างผมนี้ยังพอมีหวังจะรอดได้หรือ?”

         ฟินนีโอบไหล่ชายคนนี้   แล้วพูดว่า 

       “โอ  ลูกเอ๋ย  เรื่องที่คุณเล่ามา มันมืดดำอะไรเช่นนี้  แต่พระเจ้าตรัสว่า พระโลหิตของพระเยซู  ชำระเราจากความผิดบาปได้ทั้งหมด

         ชายคนนั้นตอบ 

        “ขอบคุณ   ขอบคุณมาก  อธิษฐานเผื่อผมด้วย  คืนพรุ่งนี้ผมจะไปโบสถ์

         ฟินนี  กลับไปทำงานของท่านต่อ  

         วันรุ่งขึ้น  ตอนเช้าประมาณ 9 โมง  ชายเจ้าของร้านเหล้าคนนี้ออกจากที่ทำงาน ปลดเน็คไทล์  ที่คอเสื้อ  หน้าใบหน้าของเขาเขรอะไปด้วยฝุ่น  เหงื่อไหลไคลย้อย  และเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา  ตัวเขาสั่น เดินโซเซเหมือนครั้งที่เขาเคยเมา 

          ให้เรากลับไปดูร้านเหล้าของเขา  เขาใช้เก้าอี้ตัวหนึ่ง ฟาดลงไปที่กระจก  เตาไฟ โต๊ะ  และเก้าอี้ตัวอื่นๆ  เขาทุบฝากั้นออก ขวดเหล้าทุกขวด ถังไม้บรรจุเหล้าทั้งหมด  เขาทุบกระจกเงาในบาร์ แตกละเอียด  เป็นเศษผง  เหล้า วิสกี้ ไวน์ เบียร์  นองพื้นคลุกเคล้าด้วยฝุ่นผงที่กระจุยกระจาย   ในบ่อนพนัน เขาพังโต๊ะพนัน ทั้งลูกเต๋า ไพ่ เอามันเข้าไปเผาในเตาไฟ  เผามันทั้งหมด 

           เสร็จแล้วเขาก็เดินข้ามถนนกลับบ้าน  ขึ้นไปบนชั้นที่สอง  นั่งลงในห้องของเขา  ภรรยาเรียกลูก 

           “แมกกี้  ช่วยขึ้นไปบนบ้าน บอกพ่อว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว ให้พ่อมากินได้” 

            ลูกสาวเดินช้าๆขึ้นไปที่ชั้นสอง  กล้ากลัวๆ ยืนอยู่ที่หน้าห้อง และบอกพ่อว่า

           “คุณพ่อค่ะ   คุณบอกให้ไปทานอาหารเช้า คุณแม่ทำเสร็จแล้ว” 

           “แมกกี้  ลูกรัก  วันนี้ พ่อไม่กินอาหารเช้า”       

            ลูกสาวไม่ได้เดิน แต่เธอวิ่งลงมาชั้นล่าง ร้องบอกแม่ว่า 

           “คุณแม่  พ่อเรียกลูกว่า ลูกรัก  และพ่อไม่..

           “แมกกี้  ลูกไม่เข้าใจ  ลูกกลับขึ้นไปชั้นบน และบอกให้พ่อลงมาทานอาหารเช้า” 

          แมกกี้วิ่งกลับขึ้นไปชั้นบน  ขณะที่คุณแม่เดินตามไปด้วย  พอได้ยินเสียงลูกสาวเดินมา  ชายคนนี้ลุกขึ้น  ย่อตัวคุกเข่าลงและบอกว่า          

          “แมกกี้  มานี่       

          เธอทั้งขี้ขลาด กลัว ตัวสั่น  ค่อยๆเดินเข้าไปหาพ่อ  เขาอุ้มเธอขึ้น กอด ใช้ใบ หน้าแนบหน้าลูกสาว แล้วร้องไห้  ภรรยา ของเธอยืนอยู่ที่ประตู  ไม่เข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น  สักครู่เขามอง เห็นภรรยา  จึงพูดว่า

         “เธอ  เข้ามาใกล้ๆ”  เขาใช้แขนอันล่ำสันอีกข้างหนึ่งของเขากอดภรรยาที่รัก  ซึ่งเขาเคยทำร้ายเธออย่างรุนแรง  ใบหน้าของเขาแนบระหว่างภรรยาและลูก  แล้วเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น  จนกระทั่งทั้งสามคนร่ำไห้ 

              สักครู่ใหญ่   พอเขาเริ่มคุมอารมณ์ได้  จึงเงยหน้าขึ้น มองดูภรรยา และลูกสาว  พูดว่า

           “เธอและลูก ไม่ต้องกลัวผมอีกแล้ว วันนี้ พระเจ้าได้ประทานสามีคนใหม่ พ่อคนใหม่ให้พวกเธอ

            คืนวันนั้น  ชายคนนี้  ภรรยาของเขา  และลูกสาวของเขา เดินออกไปข้างหน้าที่ประชุม  มอบหัวใจให้พระเยซู

 

 


 





Visitor 86

 อ่านบทความย้อนหลัง