ผู้เชื่อเป็นคนขยัน
 
 
Believers are diligent.
 

 

 
 
ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์
 
  
   วันนี้เป็นวันแรงงาน 
            
       สมัยก่อนวันแรงงาน เป็นวันที่พรรคกรรมกรใช้ปลุกคนงานให้เรียกร้องค่าจ้างจากรัฐบาล แต่ผมมองดูวันแรงงานอีกภาพหนึ่ง ผมมองภาพว่าวันกรรมกรเป็นวันที่เราควรคิดถึง ความขยันขันแข็งในการทำงาน
           
       หลายคนเข้าใจผิดว่า คริสเตียนเป็นกลุ่มคนที่ขี้เกียจไม่กระตือรือร้นไม่ลงทุนลงแรง เฝ้ารอคอยพระเจ้าอย่างเดียว รอฝนตกจากฟ้า รอการช่วยเหลือจากพระเจ้า จึงนั่งงอมืองอเท้า ไม่ทำอะไร ซึ่งมิได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย เอาละ   มองภาพกันกว้าง ๆกันก่อนก็แล้วกัน   หลายประเทศที่มีความเชื่อพื้นฐานในพระเจ้าเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง เรื่องนี้ย่อมพิสูจน์ความจริงบางประการ   แน่นอน ความเจริญรุ่งเรือง แม้แต่ด้านวัตถุ เมื่อเจริญขึ้นก็ย่อมได้มาจาก การลงทุนลงแรงขยันขันแข็งสร้างชาติของตนในอดีต
 
 
ความจริงพระคัมภีร์สอนเรื่องความขยันขันแข็งในการทำงาน   ดูได้จากบุคคลต่างๆในพระคัมภีร์
 
       (1) พระเจ้าทรงสร้างโลก 6 วัน วันที่เจ็ดทรงหยุดพักการงานของพระองค์
           แค่เปิดหนังสือปฐมกาล บทที่ 1 ก็เห็นแบบอย่างของพระเจ้าแล้ว   พระองค์ทรงสร้างโลกเป็นขั้นเป็นตอน ตามลำดับความสำคัญ ทรงประเมินผลงานของพระองค์เป็นวันๆ ก่อนสร้างอันดับถัดไป ด้วยพระปัญญาอันล้ำเลิศของพระองค์   พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์   พระเจ้าทั้งสามพระองค์ร่วมกันสร้างโลกอย่างขยันขันแข็ง กระตือรือร้นและสนุกสนาน   เป็นแบบอย่างในการทำงานให้เราไม่ใช่หรือ พอถึงวันที่ 7 ก็ทรงพักสะบาโต นี่ก็เป็นแบบให้เราอีก มิฉะนั้นแล้วเรามีกำลังทำงานต่อไปให้แข็งแรงได้อย่างไร
                    
                              เป็นแบบอย่างสร้างโลก         หกวัน
                       สร้างพิภพครบครัน                       ทั่วถ้วน
                       ทรงร่วมแรงแข็งขยัน                     น่าสนุก
                       ทุกอย่างถูกสร้างล้วน                    ก่อตั้งดั่งประสงค์
 
          (2) การสร้างชาติของคนยิว ในพระคัมภีร์เดิม มาจากความขยันขันแข็ง
            
        ผมเคยเทศนาเรื่องนี้   ผมเคยไปเที่ยวประเทศอิสราเอล 7 วัน ต้องยอมรับว่า ปาเลสไตน์เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยในการทำกสิกรรมอย่างประเทศไทย ที่มีที่ราบ และน้ำอุดมสมบูรณ์   แต่แผ่นดินแห่งพระสัญญา มีภูเขา ทะเลทราย เสียส่วนมาก ทั้งพบการกันดารอาหารเป็นครั้งเป็นคราว คนยิวจึงต้องสร้างชาติโดยการเอาชนะอุปสรรคของธรรมชาติ เช่นเปลี่ยนทะเลทรายให้เป็นสวนส้ม   สร้างระบบกักเก็บน้ำที่ทำได้ยากกว่าบ้านเราเยอะ ความยากลำบากเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ช่วยปั้นให้พวกเขาขยันทั้งสิ้น
 
          (3) พระธรรมสุภาษิตสอนเรื่องความขยันเอาไว้มาก
              เช่น สอนให้เราเอาความขยันของมดเป็นตัวอย่าง   “มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง   และส่ำสมของกินในฤดูเกี่ยว   คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าใด เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ” (สุภาษิต 6:8-9)
 
เปรียบคนขยันกับความแข็งแกร่งของวัวผู้   ที่ลากคันไถ หมุนเลื่อนนวดข้าว “ที่ไหนไม่มีวัวผู้ ที่นั่นไม่มีข้าว   แต่พืชอุดมได้มาด้วยแรงวัว” (สุภาษิต 14:4) แซวคนที่งอมืองอเท้ากับชาวนาหลังยาวว่า “คนเกียจคร้านไม่ไถนาในหน้านา เขาจะแสวงหาเมื่อถึงฤดูเกี่ยว แต่ไม่พบอะไรเลย” (สุภาษิต 20: 4) และชี้ให้เห็นว่าปลายทางของ คนที่จะเอาแต่ความสบาย “หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างขโมย ความขัดสนอย่างคนถืออาวุธ
 (สุภาษิต 24:33-34) คนเกียจคร้านจะยากจน   ความมั่งคั่งของคนเราในวันนี้ มาแต่ความขยันขันแข็งทำงานอย่างไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย   การประกาศก็เช่นเดียวกัน   ไม่มีใครอาจสร้างคริสตจักรให้เพิ่มพูนบนความขี้เกียจ
 
 
           (4) พระเยซูคริสต์ทรงขยันทำพระราชกิจ
              พระธรรมมาระโก   เปรียบเทียบ พระเยซูกับ “วัว” หรือ “ผู้รับใช้”   ที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง และเสียสละกระทั่งพลีชีพเป็นเครื่องบูชา   มาระโกบทที่ 1 กล่าวถึง กิจวัตรของพระเยซูช่วงแรกในกาลิลี ว่าพระองค์ออกไปประกาศข่าวประเสริฐ ( 1:14-15) เรียกสาวก ( 1:16-17) สั่งสอนและช่วยคนถูกผีสิงในธรรมศาลา ( 1:21-28) เสด็จไปเยี่ยมและรักษาไข้แม่ยายของเปโตร ( 1:29-31) รักษาโรคคนเจ็บ และขับผีออกจากคนถูกผีสิงตั้งแต่เช้าจรดเย็น (1:32-34) พอวันรุ่งขึ้นก็ลุกมาเฝ้าเดี่ยวตั้งแต่เช้าตรู่ ( 1:35) หลังจากนั้นก็ชวนสาวกออกไปประกาศทรงตรัสว่า “ให้เราทั้งหลายไปในตำบลใกล้เคียง เพื่อเราจะได้ประกาศที่นั่นด้วย ที่เรามาก็เพื่อการนั้นเอง”( มาระโก 1:38) พระเยซุตรัสสอนเราว่า “แผ่นดินสวรรค์เก็เป็นสิ่งที่คนได้แสวงหาด้วยใจร้อนรน
ผู้ที่ใจร้อนรน ก็เป็นผู้ที่ชิงเอาได้” ( มัทธิว 11:12) ทรงสอนให้เรารับแบกแอก และเรียนจากพระองค์ ( มัทธิว 11:29) สอนให้เราเป็นคนต้นเรือนที่ขยัน ทำสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ ให้เกิดดอกออกผล มีกำไร ( มัทธิว 25:14:30) พระองค์ขีดเส้นกำหนดเวลา และพื้นที่การทำงานของพระองค์   ทรงตรัสว่า “ เราต้องทำพระราชกิจของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่   เมื่อถึงกลางคืนไม่มีผู้ใดทำงานได้” ( ยอห์น 9:4) นี่คือแบบอย่างสุดยอดที่เราต้องเลียบแบบ
 
           (5) เปาโลขยันรับใช้
                 ท่านเริ่มขยันเป็นพยานตั้งแต่วันแรกที่เชื่อ “ท่านมิได้รีรอ ท่านประกาศตามธรรมศาลา” ที่เมืองดามัสกัส (กิจการ 9:20) ไปศึกษาพระคัมภีร์ที่อารเบีย 3 ปี ( กาลาเทีย 1:17) ประกาศที่เยรูซาเล็ม ( 9:28) รับใช้ที่ เมืองอันทิโอก 1 ปีเต็มๆ (กิจการ 11:26) และเดินทางไปเป็นมิชชั่นนารีถึง 3 รอบ (กิจการ 14-20) ไปประชุมผูปกครองที่กรุงเยรูซาเล็ม ( กิจการ 15) เขียนจดหมายไปถึงคริสตจักรต่างๆ และผู้รับใช้เป็นส่วนตัว ไม่ต่ำกว่า 13 ฉบับ อันนี้ยังไม่นับ การปั้นสอนลูกทีม และช่วงปลายชีวิตที่ท่านเดินทางมาเยี่ยมคริสตจักรในแคว้นเอเชียอีก   ท่านกล่าวว่า “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย   ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า ให้ท่านฟัง   เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะไม่ เป็นภาระแก่ผู้ใดในพวกท่าน” ( 1 เธสะโลนิกา 1:9) “เพราะว่าตัวท่านเองก็รู้อยู่ว่า ท่านควรจะเอาอย่างเรา เรามิได้เกียจคร้านเลยเมื่อเราอยู่ในหมู่พวกท่าน” ( 2 เธสะโลนิกา 3:7)
 
            ทำไมบุคคลในพระคัมภีร์ขยัน
             ผมไม่มีเนื้อที่พอกล่าวถึงเรื่องความขยันของอีกหลายๆบุคคลในพระคัมภีร์   แต่เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า เขาไม่ได้งอมืองอเท้าอย่างหลายคนเข้าใจว่าผู้เชื่อนั่งรอนอนรอพระเจ้า   ตรงกันข้าม เขากระตือรือร้น เขาขยันขันแข็ง ขมักเขม้น เขาทำได้อย่างไร เขาขยันเพราะอะไร   คำตอบก็คือ
      
         (1) เขาตระหนักถึงภาระกิจที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้
  
เขารู้เป้าหมาย หรือมองเห็นธงที่ปักอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างชัดเจน เขารู้ด้วยว่าเขามีเวลาอันจำกัด งานนั้นเป็นงานเกินกำลังมนุษย์ เป็นงานทีท้าท้ายความเชื่อ   เขาจึ่งมุ่งมันกระทำให้สำเร็จโดยอาศัยพระเจ้าเป็นผู้หนุนกำลังของเขา    การพระองค์สร้างโลก พระเจ้าทรงมีพระดำริว่าจะสร้างโลกและจักรวาลอันงดงามนี้อย่างไร ( ฮีบรู 11:3) ก่อนเข้าไปยังคานาอัน คนยิวรู้ว่าตนจะไปสร้างประเทศอย่างไรในปาเลสไตน์ (โยชูวา 1:3-4) เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก พระองค์ทรงทราบว่าพระบิดามอบหมายให้พระองค์ทำอะไรในกาลิลี (ยอห์น 4:34) ส่วนเปาโลก็ทราบว่า พันธกิจของท่านคืออะไร ( ฟิลิปปี 3:14) และคนต้นเรือนก็รู้ว่า จะนำทรัพย์ที่นายมอบหมายให้ มาทำกำไรขึ้นมาสักแค่ไหน อย่างไร ( มัทธิว 25:15) ถ้าเราไม่ทราบว่า พระเจ้าให้เราทำอะไร เราจะเอาเรี่ยวแรงมาแต่ไหนทำงาน
        
   (2) เขาเอาชนะเนื้อหนังของตัวเอง
              
คนเรามีเนื้อหนังที่ดึงให้ เราขี้เกียจ เราอยากเอกเขนก สบาย พอเราปล่อยตัวปล่อยใจ เราก็ยิ่งพ่ายแพ้กันไปใหญ่ เปาโลเปรียบชีวิตเราเหมือนนักกีฬาวิ่งมาราธอน ที่ลงสนามเพื่อเอารางวัล “แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ” ( 1 โครินธ์ 9:27) ไม่มีใครทำอะไรให้สำเร็จได้ โดยการปล่อยตัวไปตามเนื้อหนังของตนเอง ออสวอลด์ แซนเดอร์ กล่าวว่า “ผู้นำคือคนที่ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น” ผมถามน้องคนหนึ่งที่วิ่งฮาล์ฟมาราธอน (ระยะทาง 21 กม.) ว่าเขาปวดขาและเท้าไหม? เขาบอกว่า ใครบ้างไม่ปวด ผมจึงถามเขาว่า แล้วเขาทำอย่างไร เขาบอกผมว่า นักวิ่งทุกคนต้องฝืน และเอาชนะความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อทั้งนั้น   พระเยซูสอนเราว่า “ผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้คนนั้นเอาชนะตนเอง แบกกางเขนของตน และตามเรามา” นี่คือชีวิตคริสเตียนครับ
 
            (3) พึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์     
                พระเจ้าทรงประทานผู้ช่วยให้เรา    เปาโลกล่าวว่า “จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ และอย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง” (กาลาเทีย 5:16) ข้อหนึ่งในผลของพระวิญญาณ คือการรู้จักบังคับตน อีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4:13) เวลาเราแบกแอก แอกของเราจึงพอเหมาะ และภาระของเราจึงเบา เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเรายังไงล่ะ ( มัทธิว 11:30) เปาโล กล่าวว่า “อย่าอ่อนระอา   (พระคัมภีร์ฉบับเก่า   แปลว่า   อย่าเกียจคร้าน) จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ” (โรม 12:11) แสดงว่าคนที่มีพระวิญญาณ ไม่ขี้เกียจ
 
            (4) เริ่มโดยการแบ่งงานออกเป็นชิ้น ๆ และลงมือทำในเวลาจำกัด เอ็ดเวิร์ด เดย์ตัน   กล่าวว่า วิธีปีนภูเขาสูง   ให้เราแบ่งเส้นทางออกเป็น เนินเขาย่อยๆ และปีนมันทีละลูก การขีดเส้นเวลาให้กับงานย่อยๆ ขนาดพอมือของเรา ทำให้เรากระตือรือร้น   ขยันขันแข็ง   และมีวินัยบังคับตนเองกระทำให้สำเร็จ
             ให้เราตั้งเป้าย่อยๆ ให้คนเอง เช่น การนำคนใหม่ โทรศัพท์ หรือเขียนอีเมล์ หนุนใจน้องฝ่ายวิญญาณ   อ่านพระคัมภีร์ เป็นพยาน แจกใบปลิว   เยี่ยมเยียนคนที่มีความทุกข์ ผู้ป่วย สร้างสาวก ประชุมกลุ่มเซลล์   อธิษฐานเผื่อลูกฝ่ายวิญญาณของเรา   โดยการกำหนดเวลาลงในปฏิทินของเรา และพึ่งพระเจ้า พิชิตทำมันให้ประสบความสำเร็จ                    
            
                สุขสันต์วันแรงงานครับ
 
 
 




 




 




 





Visitor 209

 อ่านบทความย้อนหลัง