แพะกับแกะ

        ศจ. สมเกียรติ กิตติพงศ์

แพะกับแกะ    

       แพะกับแกะ มองเผิน ๆ เราก็ว่ามันเหมือนกัน  แต่สัตว์ 2 ชนิดนี้แตกต่างกันเยอะ  โดยเฉพาะเวลาพระเยซูตรัสว่า ในวันพิพากษา

       “พระองค์จะแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็น 2 พวก  เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะ  จะแยกแกะออกจากแพะ  ฝูงแกะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์  ส่วนฝูงแพะนั้นจะทรงจัดให้อยู่เบื้องซ้าย

       (มัทธิว 25:32-33)

 

        แสดงว่า  แกะแตกต่างจากแพะจริงๆ 

 

        ผมโตขึ้นต่างจังหวัด   เห็นคนเลี้ยงแพะเป็นฝูงอยู่มาก  แต่ไม่ค่อยเห็นใครเลี้ยงแกะ  ตอนไปประเทศอิสราเอลจึงได้เห็นคนเลี้ยงแกะทั่วไป  น่าสนใจมาก  ข้อมูลเรื่องแพะกับแกะจึงได้มาจากการค้นคว้า  ที่น่าสนใจก็เพราะ มันถูกนำมาเปรียบเทียบกับคน 

 

1. แกะเป็นสัตว์ที่ให้คุณประโยชน์มากกว่าแพะ 

        แกะให้ขนปุกปุย(wool) ที่นำมาทำเสื้อผ้า  ทำผ้าห่ม ให้ความอบอุ่น      

        แก่ร่างกาย ในขณะที่แพะมีแต่หนังที่มีขนบางๆ(hair) ทำอะไรไม่ได้     

        เราสามารถรีดน้ำนมได้จากทั้งแกะและแพะ  ปกติคนยิวนิยม

        รับประทานเนื้อแกะ แต่คนอาหรับรับประทานเนื้อแพะด้วย  เนื้อแกะ

        นุ่มน่ารับประทาน ต่างจากเนื้อแพะที่เหนียวและมีกลิ่นสาบ  คนที่

        ปรุงเนื้อแพะรับประทานต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้  ลูกพระเจ้าต้องเป็น

        ดั่งแกะคือเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากที่สุด

2. แพะมีเขา (horns)ทั้งตัวผู้ตัวเมีย  แต่แกะมีเขาเฉพาะตัวผู้ 

              เขาแพะผอมเรียว ชูขึ้นสูง  แต่เขาแกะมักโค้งงอ ไม่เป็นอันตรายกับใคร  แพะที่มีเขาแหลมจึงมักพร้อมชน  พร้อมปะทะแต่แกะชนใครไม่เป็น และปกป้องตนเองไม่ได้   มันต้องหลีกภัย   โดยอาศัยการเข้าไปรวมกลุ่มกันอยู่ในฝูง  พระเยซูเปรียบเทียบผู้เชื่อกับแกะที่อยู่ในคริสตจักร โดยมีศิษยาภิบาลเป็นผู้เลี้ยง   ปกป้องคุ้มภัย ในขณะคนที่ไม่เชื่อพึ่งพาอาศัยกำลัง สติปัญญา ความสามารถของตนเอง

3.   แพะ เป็นอิสระ (independent) ในขณะที่แกะอาศัยการ   รวมกลุ่ม เป็นฝูง (dependent)

               รูปร่างของแพะก็ส่อไปทางนั้น แพะรูปร่าง เรียวยาว (Slender) ในขณะที่แกะรูปร่างอ้วนเตี้ย (tubbier) แพะจึงเป็นสัตว์ที่ กระโดด โลดเต้น  โหยงเหยง ไปไหนก็ได้โดยง่าย  แต่แกะไม่คล่องแคล่ว อย่างนั้น  มันต้องอาศัยการรวมกลุ่ม   แยกแกะออกมามันจะ ไม่สบาย  หงุดหงิด  แต่พอเข้ากลุ่มมันจะมีอารมณ์ดี  เวลาแกะอยู่ ในฝูงมันจะไม่หลงทาง  แต่เมื่อใดมันหลุดออกมาจากฝูง  มันจะ ออกอาการสับสน ว้าวุ่น  ดังนั้นรอบๆตัวมันต้องมีเพื่อนแกะอยู เสมอ มันถึงจะสบาย

ถามตัวเองหน่อย  ว่าเวลาขาดโบสถ์วันอาทิตย์ รู้สึกอย่างไร  ผู้เขียนหนังสือฮีบรูจึงบอกเราว่า “อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนขาดอยู่นั้น  แต่จงพูดหนุนใจกันให้มาก   ยิ่งขึ้น”  (ฮีบรู 10:25) เพราะการสามัคคีธรรม เป็นชีวิตของผู้เชื่อ  ส่วนคนที่เป็นแพะ กระโดดโลดแล่นไปได้ทุกที่ 

 

4.   แพะชอบเชิดหัว ชูหาง  แต่แกะชอบก้มหน้า หางตก 

                  เรามักเห็น แพะยืนสง่ายืดคอขึ้น  แต่แกะก้มลงเล็มอาหาร

ผู้เชื่อเป็นคนถ่อมจิตใจ  อ่อนสุภาพ  ในขณะคนที่มีนิสัยแพะชอบ คุยโม้ โอ้อวด ยกตนข่มท่าน  แพะจะเชิดหางขึ้น เป็นธรรมชาติ  ทำให้ผมนึกถึง คำที่เรามักพูดถึงคนขี้โอ่ว่า “สุนัขขี้ โนบอดี้ยก เทล”  หรือ  “แมงป่อง ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้าง ฤทธี”  ลูกพระ เจ้าต้องถ่อมตัวเองลง  และยกย่องพระเจ้า  ถ้าเราทำอะไรได้ สำเร็จ  เราต้องถวายเกียรติให้พระเจ้า  พระสิริเป็นของพระองค์  ไม่ใช่ตัวเราเอง  ยากอบบอกว่า  “พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่ง จองหอง แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” (ยากอบ 4:6)

 

5.   แพะกินไม่เลือก   แต่แกะกินหญ้า  

                  ก็เพราะแพะเชิดหัวขึ้นนี่เอง มันจึงชอบ แทะกิ่งไม้  ใบไม้ ต้นไม้เตี้ยๆ ทั่วไป

        อันนี้  ผมเคยเห็น ใบไม้ข้างรั้ว ถ้าปล่อยฝูงแพะเข้ามา มันจะแทะเล็มเสียจนใบโกร๋นไปเป็นแถบๆ   ส่วนแกะชอบทุ่งหญ้า      โดยเฉพาะทุ่งหญ้า     ที่เขียวชอุ่ม  แหม!    มันสะท้อนภาพผู้เชื่อจริงๆ   อาหารโปรด     ของคริสเตียนคือพระคัมภีร์พระวจนะ เหมือนดาวิด  กล่าวว่า “พระองค์   ทรงกระทำให้  ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด” (สดุดี 23:2)  การเสาะหาน้ำพระทัย  เป็นอาหารอันโอชะของผู้เชื่อ  เขาสามารถฟังเทศน์     เรียนพระคัมภีร์ ไม่เบื่อหน่าย แต่คนนิสัยแพะ  บริโภคคำสอนปรัชญา สมมุติฐาน สารพัดของโลก ความคิด ถึงได้บิดเบี้ยวไขว้เขวไปจากพระคัมภีร์  มารก็ได้ช่อง  เปาโลกล่าวว่า “ส่วนคน   ที่ไม่เชื่อ  พระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป  เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นความสว่างแห่งข่าวประเสริฐ..” ( 2 โครินธ์ 4:4) 


6.  แพะดื้อแกะเชื่อฟัง

พาแพะออกไปยังท้องทุ่ง  ผู้เลี้ยงต้องคอยคุมไม่ให้ออกซ้ายไปขวา  ในขณะที่แกะเดินตามผู้เลี้ยง  พระเยซูตรัสว่า  “ผู้เลี้ยงเดิน  นำหน้า..และแกะนั้นก็ตามมา” (ยอห์น 10:4,27)  แกะมีหูเยี่ยม   ฟังเสียงผู้เลี้ยงได้เป็นเลิศ เหมือนผู้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า   นิสัยแพะ สั่งอย่างทำอย่าง  ราวกับไม่ได้ยินเสียงผู้เลี้ยง  สั่งซ้าย  ไปขวา ตามใจตนเอง ไม่ใช่ตามใจผู้เลี้ยง ตอนออกไป   ประกาศ  เราเคยอธิบายเป็นการเปรียบ ในหัวใจของเด็กชายปั๊ก  ว่ามีแพะอยู่ในใจ  คือ “ใจดื้อ” สิ่งที่ผู้เลี้ยงสอนว่า “อย่าทำ” คือ สิ่งที่คนมีหัวใจแพะ “จะทำ”  สิ่งที่พระคัมภีร์สอนว่า “จงทำ” คือ สิ่งที่เขา “ไม่ทำ”  หัวใจแพะรู้สึกว่าการฟังง่ายๆ เป็นการเสีย เหลี่ยมคู  การสยบก้มลงรับฟังอย่างสงบ ไม่แย้งไม่รั้น คนหัวใจแพะ จะดูหมิ่นว่า เป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น  ไร้ศักดิ์ศรี  ไร้ความคิด ไร้ เชิงชาย ตนเป็นคนมีระดับ การฟังอย่างง่ายๆ  ย่อมแสดงว่าตน   เป็นคนหัวอ่อนเป็นเด็กอมมือ  

 

7.   แพะชอบแกล้งแกะ  แต่แกะช่วยเหลือกันและกัน 

          เอาแพะแกะมา    เลี้ยงคละกัน  จะพบว่า  แพะมีนิสัยก้าวร้าว  ยิ่งมี     เขายาว ยิ่งใช้รัง        ควานแกะได้ง่ายขึ้น  แพะกันไม่ให้แกะกินหญ้า   หวงก้าง ไม่ให้ แกะเข้าไปใกล้ธารน้ำ  จนกระทั่งแกะหิว  แพะก็ ไม่สนใจ  ใน คริสตจักร สมาชิกทั้งหลายควรมีใจแกะ ไม่ใช่ใจ แพะ คือชอบ ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น  เปาโลเตือนคริสตจักร โครินธ์ว่า เขาไม่ ควรมีใจเหมือนแพะคืออิจฉา หรือขัดเคืองใจกัน ( 1 โครินธ์ 3:3 )

            พระเยซูตรัสถึงคนที่มีใจอย่างแกะว่า  พวกเขาเป็นคนชอบ ช่วยเหลือ  เอื้อเฟื้อคนหิวกระหาย  ขวนขวายรับคนแปลกหน้า ให้ เสื้อผ้าคนเปลือยกาย  เยี่ยมไข้ คนป่วย  ช่วยเยี่ยมคนคุก  ในขณะที่คนที่มีหัวใจอย่างแพะ ไม่ทำ เพราะเขาจะสนใจแต่

ตัวเอง ( มัทธิว 25:34-46)

 

8.  แพะอาจพาลูกแกะหลง

                รูธ พาลาชิโอ  เล่าว่า  คนทำงานที่โรงปศุสัตว์ เขาตั้งชื่อแพะ

           เฒ่า  ตัวหนึ่งของเขาว่า “ยูดาส” แล้วเขาก็ฝึกฝนมันให้เดิน นำหน้า เป็นจ่าฝูงของแกะ  เพื่อนำฝูงแกะไปยังโรงฆ่าสัตว์  ท่านพูดต่อไปว่า ในแผ่นดินพระเจ้า  เราอาจต้องระวังจ่าฝูงแพะ ที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงซึ่งอาจพาเราหลงทางไปได้  เปาโลสอน คริสตจักรที่เกาะครีท ว่า ให้ระวังผู้คัดค้านคำสอนอันมีหลัก  ที่ทำ ให้คนหลงไป ( ทิตัส 1:9-11)

.             แพะชอบปีนรั้ว  แต่แกะ  สงบเมื่อนำแกะเข้าคอก  แกะจะ เข้าไปอย่างสงบ  แต่แพะอยู่ในคอกไม่ติดมันจะหาทางปีนรั้ว ถ้ารั้วไม่สูงพอ มันก็จะปีนออกมา  แพะไม่พึง    พอใจที่มันพักอยู่เสมอ  มัน

จะว้าวุ่น  เวลาพระเจ้านำเรา  มาอยู่คริสตจักรท้องถิ่น  พระเจ้าต้องการให้เราสงบ  ชื่นชมยินดี 

 

          ไม่มีใครอาจกล่าวหาว่าใครเป็นแพะ ใครเป็นแกะ แต่เราควรเอาบทเรียนนี้  มาใช้กับตัวเราถามตัวเราเองว่า

        

       (1)  เราใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์เต็มที่หรือไม่ 

       (2) ชอบอยู่ในสังคมผู้เชื่อหรือไม่

       (3) ชอบการมีผู้เลี้ยงหรือไม่ 

       (4)  เราพึ่งพระเจ้าหรือพึ่งพาอาศัยตนเอง 

       (5) เวลาเรามาโบสถ์ เรามีความสุขหรือไม่ 

       (6) เราถ่อมใจหรือไม่ 

       (7) เรามีความสุขกับการฟังหรืออ่านพระคำหรือไม่ 

       (8) เรามีใจเชื่อฟังง่ายๆ หรือไม่  

       (9) เรามีใจช่วยเหลือผู้เชื่อด้วยกันหรือไม่ 

      (10) ใจเราสงบ  พึงพอใจในแผ่นดินของพระเจ้าหรือไม่ 

       

         ไม่มีใครอาจตัดสินใคร  แต่ความจริง  พระเจ้าเท่านั้นทรงรู้  เพราวันหนึ่งพระองค์จะแยกแพะออกจากแกะ  ให้แกะไปอยู่ทางขวา  และให้แพะไปอยู่ทางซ้าย ( มัทธิว 25:31-33)

 

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

 

 

 

 

 


 





Visitor 1060

 อ่านบทความย้อนหลัง