Share

 

อากาศดีคือชีวิตที่เข้าเฝ้า

 โดย  ศบ.

 

           ผมเคยคุยให้พี่น้องฟังว่า  คนเราจะมีสุขภาพฝ่ายวิญญาณดีได้  ต้องมี  5  อ.  คือ (1) อาหาร คือพระคำ   (2) อากาศ  คือการนมัสการ (3) อารมณ์ดี คือการสามัคคีธรรม (4) ออกกำลังกาย คือการเป็นพยาน และ(5) อวัยวะทุกส่วนทำงานดี  คือการรับใช้ตามความถนัด  

            วันนี้ผมอยากคุยเรื่อง อ.ที่สอง  คือ การหายใจฝ่ายวิญญาณ เพราะการนมัสการที่ดี  ยืดชีวิตของเรา 

          1.คนเราขาดพระเจ้าไม่ได้

            คนเราห่างพระเจ้าไม่ได้  การอธิษฐาน  สนิทสนม  นมัสการพระเจ้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง  ขาดอาหารเราอยู่ได้ไม่กี่สัปดาห์  ขาดน้ำเราอยู่ได้ไม่กี่วัน  แต่ถ้าขาดอากาศคนเราอยู่ได้ไม่กี่นาที  พระเยซูเปรียบเทียบสายสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าว่า  เหมือนกิ่งติดกับต้น  “ขาดจากเราแล้ว  ท่านทำอะไรไม่ได้เลย”  ผมจึงเป็นห่วงคริสเตียนที่ไม่มาโบสถ์ ไม่เฝ้าเดี่ยว  ไม่อธิษฐาน  เราคงไม่เชื่อหรอกว่า  มันก่อพิษสงอะไรกับเรา  เพราะเรายังเห็นรูปลักษณ์ภายนอก ว่ามันยังเป็นปกติดี มีบ้านอยู่ มีรถขับ มีงานทำ มีข้าวกิน แต่ภายในซิมันไร้วิญญาณ ลองตัดกิ่งออกจากต้น มันมิได้เหี่ยวแห้งลงไป ณ วินาที ที่ตัดมันออกมา  แต่ความตายเริ่มต้นขึ้นแล้ว

           2. สร้างความสดใหม่อย่างต่อเนื่อง

              คนเราหายใจ เอาออกซิเจน  อากาศดีเข้าสู่ปอด  และคายคาบอนไดออกไซด์  อากาศเสียออกจากปอด ในปอดของเรามีถุงลมเล็กๆ (Alveoli) จำนวนประมาณ 300 ล้านถุง ปอดคนเราจุอากาศได้ประมาณ 4-5 ลิตร  ตามปกติผู้ใหญ่หายใจประมาณ 12-20 ครั้งต่อนาที  ถ้าเป็นเด็กก็ยิ่งหายใจถี่ขึ้น  พูดง่ายๆ  เราหายใจก็เพื่อจะได้อากาศสดใหม่ บริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย ฉันใด  เราก็อธิษฐาน นมัสการ เพื่อรับพลังแห่งชีวิตมาสู่ตัวเราฉันนั้น   การหายใจฝ่ายวิญญาณ เป็นการเอาของเสียออกไป เอาของดีเข้ามา  เคยสังเกตไหม  พอเราห่างเหินพระองค์  เราก็เริ่มคิดลบๆ มองลบๆ มองเนินปัญหาเป็นภูเขาปัญหา  ปัญหาเล็กมันใหญ่เสียเป็นภูเขา  เลากา  ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็แย่  มองคนก็เหมือนกัน  เห็นแต่คนเลวๆ อยู่รอบตัวเราไปหมด ลางทีสามี ภรรยา หรือลูก ก็ไม่เว้น  รู้ปัญหาคนนิดนึง  ก็ออกอาการคันปาก  ให้อยากนินทา หาพวกมาฟัง  นี่แสดงว่า คาร์บอนไดออกไซด์ หรืออากาศเสียมันอยู่เต็มปอด  เข้ามานมัสการ ใกล้ชิดพระองค์  เหมือนสูดออกซีเจนเข้ามาสู่ปอด เราจะมองอะไรๆ ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ และความรัก  “ความเชื่อทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้  

ความรักทำให้ทุกสิ่งง่ายไปหมด” 

3. พลังซึมซับสู่ทุกๆด้านแห่งชีวิต

            ออกซิเจน  หรืออากาศดีที่คนเราหายใจเข้าไป มันจะเข้าไปเกาะติดอยู่กับเม็ดเลือด เหมือนขนของขึ้นรถบรรทุก เดินทางไปสู่หัวใจ  แล้วหัวใจก็จะสูบฉีดหรือ ส่งเลือดที่มีออกซิเจนอยู่ท้ายรถ ไปทั่วร่างกาย  ถึงเซลล์อันเป็นหน่วยเล็กที่สุด  ที่เซลล์นี่เองมันจะขนออกซิเจนลงจากรถบรรทุก ให้มันไปทำปฏิกิริยากับ อาหารที่คนเรากินเข้าไป  แล้วก็เกิดเป็นพลังงาน  เราก็กระชุ่มกระชวย  สดชื่น เปล่งปลั่ง มีเรี่ยวแรง  การใกล้ชิดพระองค์ จึงทำให้คนมีกำลังทุกด้าน  คนที่ไม่อธิษฐาน ขาดนมัสการพระเจ้า จึงอ่อนแอ ทั้งในชีวิตส่วนตัว ในอาชีพการงาน  ในครอบครัว  ในการใช้ตะลัน และในการรับใช้  สมองก็ไม่คม อารมณ์ก็ไม่จอย  ภายนอกอะไรๆก็ดูดี  แต่ไม่มีความสามารถ  เหมือนมือถือไม่ได้ชาร์ท  เหมือนพิณพาทย์ไม่มีสาย  เหมือนไฟฉายไม่มีถ่าน  และเหมือนลำธารไม่มีน้ำ  แห้งขอด  มีแต่รูปแต่ไร้ฤทธิ์   เชื่อผมเถิด เราต้องการพระองค์ในทุกๆด้านแห่งชีวิตครับ   มิฉะนั้นเราก็จะเป็นคนที่ทำทุกสิ่งตามลำแข้งของคนเองทั้งสิ้น  แล้วเราจะหมดแรงลงในที่สุด เปาโล กล่าวว่า “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้  โดยมีพระองค์เป็นผู้ชูกำลังของข้าพเจ้า”(ฟิลิปปี 4:13)  กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ” (กิจการ 2:25) ดูซิ   คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จ ฝ่า

วิกฤตินานา เพราะเขาไม่เคยห่างพระเจ้า

 

4. ดำรงชีวิตในบรรยากาศแห่งการมีพระเจ้า

             ผมเป็นคนต่างจังหวัด  เวลามาอยู่ในกรุงเทพฯ ก็อดอิจฉาคนต่างจังหวัดไม่ได้  ตรงที่ต่างจังหวัดอากาศดี ส่วนในกรุงนี่มีมลพิษมาก  จากผู้คนที่อยู่กันแออัดบ้าง  ท่อไอเสียของรถบ้าง  ขาดต้นไม้สีเขียวบ้าง  เราอยู่กันกลางป่าคอนกรีต  อยู่กันวันสองวันพอทำเนา  แต่อยู่กันเป็นเดือนๆ ปีๆ นี่น่าห่วง  นักวิทยาศาสตร์สหรัฐ เขาแสดงให้เห็นว่า  คนที่ต้องสูดมลพิษเข้าไปในปอดนานๆ นี่สุ่มเสี่ยงกับการเป็นโรค ทางเดินหายใจหลายโรค  เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหืด โรคทางเดินหายใจติดขัดเรื้อรัง โรดหลอดลมอักเสบ  รวมทั้งโรคมะเร็งปอด  เมื่อตัดองค์ประกอบอื่นอออกไปแล้ว  เขาพบว่าเด็กที่พักอยู่ในบริเวณอากาศเสีย  ป่วยง่ายกว่าเด็กบ้านนอก 5 เท่าตัว   มีฝรั่งคนหนึ่ง พักอยู่ที่ ใบหยก สกาย โฮเต็ล  บนตึกใบหยก ชั้นที่ 43 แกมองลงมาดูทิวทัศน์ในกรุงเทพฯ  แกเขียนบอกเพื่อนๆ ว่า  ผมเห็นมลพิษหนาเตอะครอบคลุมกรุงเทพฯ  ผมไม่สบายอยู่ 3 วัน ถ้าใครมีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ เช่นโรคหืด  ผมแนะนำว่า อย่ามากรุงเทพฯ จนกว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองควบคุมอากาศในเมือง เพราะคุณจะป่วยได้   ผมไม่ได้บอกให้พี่น้องหนีไปไหน   แต่ฝ่ายวิญญาณของเราก็ไม่แตกต่างไปจากฝ่ายกาย  ถ้าเราไม่ระวัง  เราจะอยู่ในบรรยากาศที่เป็นมลพิษ  ลางคนทุกวันทุกคืน นั่งเฝ้าอยู่แต่หน้าจอโทรทัศน์  นั่งดูยูทูป ละครน้ำเน่า  ฟังเพลงหยาบโลน จากนักร้องเวทีคอนเสริทที่พูดจาตลกโปฮาสองแง่สามง่าม  ชนิดที่สาวๆฟังแล้วต้องหน้าแดง  ฟังเสียงบ่น ฟังนิทานโกหกของนักการเมือง  ที่บ้านผมเลี้ยงปลา แฟนซี คร้าฟ อยู่สิบกว่าตัว  ลางทีบ่อกรองมันทำงานไม่ 

            ชีวิตคริสเตียน  ต้องอยู่ในบรรยากาศของการมีพระเจ้า  เปาโลกล่าวว่า จงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ  สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น้ารัก สิ่งที่ทรงคุณ  คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ  ก็ขอจงใคร่ครวญดู...แลพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน” ( ฟิลิปปี 4:8-9) “จงชื่นบานอยู่เสมอ จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกๆ กรณี”  (1 เธสะโลนิกา 5:17-18) อีกตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า“จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี  เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ” (เอเฟซัส 5:19)   

 

5. กรองอากาศ เพื่อสุขภาพของเรา

           ผมไม่ได้บอกให้พี่น้องหนีกรุงเทพฯ และผมก็ไม่ได้มาขายเครื่องกรองอากาศ  แต่คนเราต้องเลือก  สร้างอาณาบริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์   ถ้าบ้านมีบริเวณก็หาต้นไม้เขียวๆมาปลูก  ต้นไม้มันคายออกซีเจนมาให้ปอดของเรา  เราก็จะสดชื่นขึ้น  มีต้นไม้อยู่แล้วก็อย่าไปตัดมันเสีย  ชีวิตฝ่ายวิญญาณเราต้องติดสนิทกับพระเจ้า  เราต้องมีที่ที่เราพบพระองค์อย่างสงบ  เวลา เช้าตรู่  พระเยซูเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว  และทรงอธิษฐานที่นั่น  (มาระโก 1:35)  พระเยซูไปนมัสการที่ศาลาธรรมเป็นประจำ  พระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลต่างๆด้วย   พระเยซูมิได้หนีสังคม  พระองค์อยู่ในสังคมเพื่อจะช่วยเหลือคน  แต่พระองค์ก็จัดเวลาของพระองค์  คริสเตียนต้องรู้จักกรองอากาศเพื่อสุขภาพฝ่ายวิญญาณอันเข้มแข็ง

           ที่บ้านผมเลี้ยงปลาแฟนซี คร้าฟ อยู่สิบกว่าตัว  ปลาคร้าฟนี่เขาต้องอยู่ในบ่อที่มีน้ำใส สะอาด มีออกซีเจนถึง  และวิธีเลี้ยงปลา คร้าฟ  เราจะต้องมีบ่อกรองเอาขี้ปลา หรือเศษอาหารออก  น้ำในบ่อจะได้ใสอยู่เสมอ  บางครั้ง บ่อกรองทำงานไม่ดี  น้ำในบ่อปลาก็จะขุ่น  ไม่ใส  ผมสังเกตว่าปลามันจะอึดอัด  ไม่ว่ายไปมา อย่างกระฉับกระเฉงอย่างแต่ก่อน  นิ่งๆซึมๆ ให้อาหารก็ไม่กิน  บางทีปลาตายไปก็มี เพราะน้ำไม่ดี ผมต้องรีบล้างบ่อกรอง และทำให้น้ำในบ่อสะอาด  คริสเตียนที่ไม่สร้างบรรยากาศให้ตนเองในการเข้าเฝ้า ไม่มีมุมสงบ  ไม่มีการประชุมนมัสการ  ระวัง  จะเซื่องซึม เบลอๆ  ดีไม่ดี หงายท้องเหมือนปลาคร้าฟบ้านผม 

 

6. เราจะไปถึงจุดที่สบาย และมีกำลัง

           ผมวิ่งวันละประมาณ 3- 4 กม. บางวันก็วิ่งถึง 5 กม. การวิ่งนอกจากทำให้น่องแข็งแรง ช่วยให้ปอดเราหายใจโล่งด้วย ตอนผมวิ่งสมัยแรก ๆ  ผมวิ่งได้ไม่ไกล เพราะปวดน่อง และเหนื่อยหอบ จุก  มาวันนี้ผมวิ่งได้สบาย การหายใจก็ปลอดโปร่งดี  ผมสังเกตว่า มาถึงกิโลเมตรที่ 3 ที่ 4 ผมกลับมีแรงขึ้นอีกกว่าตอนเริ่มวิ่งใหม่ๆ  เร่งสปีดขึ้นอีกก็ยังได้  ทีเล่าให้ฟังนี่ไม่ใช่ว่าผมเก่งอะไร แต่นักวิ่งมาราธอนเขารู้ดีว่า  ปกติ  คนที่วิ่งมาถึงจุดหนึ่ง  เขาจะมาถึงภาวะที่มีแรงฮึด (Second Wind) ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นจาก ร่างกายหายใจเอาออกซีเจน ได้อย่างสมดุล กับการขจัดกรดแลคติกที่กล้ามเนื้อ  ทำให้ร่างกายมีกำลังขึ้นอย่างอัศจรรย์ 

            ฝ่ายวิญญาณก็เช่นเดียวกัน  ฝึกเฝ้าเดี่ยว  ฝึกนมัสการเป็นประจำทุกอาทิตย์  ฝึกเข้ากลุ่ม  ใหม่ๆท่านอาจเหนื่อยหอบ  ปวดน่อง แต่ไม่นานหรอกครับท่านจะเคยชิน  ยิ่งกว่านั้นท่านจะไปถึงจุดที่มีแรงฮึด  เมื่อท่านจัดชีวิตท่านได้อย่างสมดุล ทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นฝ่ายวิญญาณของท่านมีกำลัง กระปรี้กระเปร่าขึ้น  แล้วตอนนั้น ท่านจะไปไกลถึงไหนๆก็ได้   เขาว่า  แรงฮึดนี่แหละนำชัยมาให้นักวิ่งม้ามืดมานักต่อนักแล้ว  เราทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน  เปโตรกล่าวว่า  เราจะไปถึงจุดที่มั่นคง และมีกำลังขึ้น ครับ (1เปโตร 5:10)

            อาเมน

 

 

 

 

 

 

 

 

 








Visitor 90

 อ่านบทความย้อนหลัง