ได้โห่ร้อง แน่เชียว วันเกี่ยวข้าว

ศิษยาภิบาล

The Joyful Harvest

สดุดี 126:5-6  

               “ขอให้บรรดาผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา    ได้เกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน    ผู้ที่ร้องไห้ออกไป    หอบหิ้วเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน   จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน    นำฟ่อนข้าวของตนมาด้วย”

                เราอยู่ในยุคที่เราอยากได้อะไร  เราก็ต้องได้สิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว  เรา instant coffee กาแฟสำเร็จรูป  มีอาหารสำเร็จรูป  ตู้สำเร็จรูป เสื้อสำเร็จรูป  ง่ายในการปรุง ในการกิน ในการชง ในการใช้ ไม่ต้องออกแรง  คิดปั๊บได้ปุ๊บ สั่งปั๊บได้กินปุ๊บ เหมือนเสกขึ้นมา เหมือนตะเกียงวิเศษ 

               หันมาพูดเรื่องการสร้างสาวก  ลางทีผู้รับใช้ยุคไฮเทค หรือโบสถ์ยุคไฮเทค  ก็คิดเหมือนกัน  ประกาศปุ๊บคนเชื่อปั๊บ เข้าในโบสถ์ฟังเทศน์สองกัณฑ์ปุ๊บ เป็นผู้ใหญ่ปั๊บ ปุ๊บ ๆปั๊บๆ ไม่ต้องออกแรง  เพราะยุคนี้เป็นยุคไฮเทคอย่างว่า  แต่ความเป็นจริง  ไม่ใช่เช่นนั้น  พระเยซูสอน  และทำสิ่งที่ตรงกันข้าม  ถ้าอยากกินผล  เราต้องปลูก  ต้องหว่าน พระเยซูตรัสเรื่องชาวนาออกไปหว่านพืช และพืชค่อยๆโตขึ้น จากเมล็ด งอกขึ้นเป็นลำต้น  แตกกิ่งก้านสาขา ออกผล ถึงจะเก็บเกี่ยวได้  เปาโลบอกว่า ปลูกแล้วก็ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย  ต้องถอน วัชพืชออก

      1.  การหว่าน

         ประเทศไทย มีงานประกาศที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้ามีมากถึง  99.5 % ของประชากรประเทศ 

คนเหล่านี้ยังไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณ  คนไทยไม่มีพื้นฐานเรื่องพระเจ้าอย่างฝรั่ง หรือชาวยิว เข้าโรงเรียน  ตำราของกระทรวงยังสอนว่า  มนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง  สรรพสิ่งต่างๆเกิดเองตามธรรมชาติ  อาจารย์ปารีสเล่าให้ฟังว่าท่านเคยทำรายการ “ใจถึงใจ” ทางทีวี  พอคนติดรายการ  เขาก็ผลักรายการท่านออกไปอยู่ช่วงดึกมากที่ คนฟังไปหลับนอนพักผ่อนกันหมดแล้ว   แล้วรายการช่วงเวลาเจ๋ง ๆ  ก็มีละครบ้าง  เกมโชว์มาแทน  นอกจากยังไม่เข้าใจว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่จริงแล้ว  ยังแยกไม่ออกว่าอะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ  เราถูกมีเดียต่างๆ  สอนให้เราเห็นว่า  อยากได้ความสุข เราต้องมีเงิน  อยากสงบเราต้องมีบ้านดี  อาหารอร่อย  มีแฟชั่นทันสมัย  เราฝันเรื่องรถไฟรางคู่  เรื่องรถคันใหม่  เรื่องการก้าวหน้าในด้านวัตถุทั้งสิ้น  แต่เราไม่ถูกสอนว่า  สิ่งสำคัญที่สุดนั้น คืออะไร  เราไม่เคยคิดถึงจิตใจภายใน  ที่มีค่ายิ่ง  ที่เป็นอมตะ พระเยซูตรัสว่า ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ  มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้   แต่ต้องบำรุงจากถ้อยคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า  คนไทยเราไม่ทราบว่า  พระเจ้าทรงจัดเตรียมทางรอดให้  เขาไม่รู้จักพระเยซู  ในตำราศาสนาเปรียบเทียบ  เขาสอนว่า  พระเยซูคือศาสดาของศาสนาคริสต์  เขาไม่รู้จักพระผู้ช่วยให้รอด  

 

 

          เราอาจไม่สามารถนำคนมาถึงพระเจ้าวันนี้  แต่เราต้องหว่านความจริงที่ถูกต้องของพระเจ้า  เข้าไปในใจคน  ในความคิดของเขา  เปาโล  กล่าวว่า  “ผู้ที่ไม่ได้ยินถึงพระองค์   จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้”  พระเยซู ทรงขยันหว่านพระคำ เทศนาสั่งสอนผู้คนตามนคร  และหมู่บ้านโดยรอบ  อย่าดูหมิ่นรายการทีวีคริสเตียน  อย่าดูถูกการแจกใบปลิว  อย่าเมินการพูดคุยกับเพื่อน กับญาติ  การคนข้างเคียงที่เรารู้จัก  สัจจะธรรมของพระเจ้าเปรียบดังเมล็ดพืช  อย่าเก็บเมล็ดพืชไว้ในถัง  หว่านลงในดิน  ใช่ ดินมี 4 ชนิด  ไร้ผลเสีย 3 ชนิด  แต่มีดินดีอีก 1 ชนิดไม่ใช่หรือ   อย่าท้อถอยกับเมล็ดพืชแห่งพระวจนะที่หว่านแล้วไม่เกิดผล  แต่จงมุ่งมองที่ดินดี

           การสอนคนก็เหมือนกัน  ใช่ว่า  คนจะเปลี่ยนแปลงความคิดได้ในพริบตา  ลองคิดถึงเราก็ใช่ว่า จะเห็นด้วยกับความคิดใหม่ ในการฟังครั้งแรก  เปโตรบอกเราว่า  ถ้าเราอยากเห็น “วันดีวันหน้า”  ก็ให้ “พูดดีวันนี้” ( 1 เปโตร 3:10)เปาโลก็ว่า หว่านสิ่งดี  ก็จะได้เกี่ยวสิ่งดี  หว่านเรื่องเนื้อหนัง  ก็จะได้เกี่ยวเรื่องเนื้อหนัง  หว่านเรื่องวิญญาณ  หว่านพระคำ ก็จะได้เกี่ยวชีวิตนิรันดร์ ( กาลาเทีย 6:8) ดังนั้น เลิกคิดเรื่อง Instant believers

2. ช่วงเวลาก่อนเกี่ยว

 

           พระเยซูตรัสว่า  เมล็ดที่หว่านไป  มันโตขึ้นอย่างไรก็ไม่รู้  ชาวนารู้ดี หว่านวันนี้เกี่ยวพรุ่งนี้นั้นไม่มี  ต้องใช้เวลา  ให้มันเติบโต  ชาวนากลับมานอนที่บ้าน  เขาไม่ได้มานั่งเต้นนอนผวา ว่า”โตแล้วหรือยังๆ” เขาวางใจ  “พระเจ้าผู้ทำให้เติบโต”  ตรงข้ามในเวลาเหล่านี้  เราสามารถอธิษฐาน  พระเยซูทรงอธิษฐาน หลังการประกาศ (มาระโก 1:35)เราสามารถทูลพระเจ้า  ให้ทรงทำงานในจิตใจผู้เชื่อให้  แสงสว่างของพระองค์ได้สาดส่องเข้าสู่จิตใจของเขา  ทลายความคิดจอมปลอม  (2 โครินธ์ 10:4-5)   เปาโลกล่าวว่า  “ท่านไม่รู้หรือว่า  พระคุณของพระเจ้ามุ่งชักนำให้ท่านกลับใจใหม่”  (โรม 2:4)  พระวจนะของพระเจ้าจะไม่ศูนย์เปล่า พระเยซูตรัสว่า  เมล็ดพืชที่ตกในดินดี  คือ “พระคำที่คนฟังแล้วเข้าใจ”  สัจจธรรม ของพระเจ้าที่คนฟังแล้วเข้าใจ  นี่สามารถทำงานใจจิตใจของคนได้  โดยพระวิญญาณอย่างน่าประหลาด  เขาจะคิด เขาจะอดไตร่ตรองไม่ได้ มันจะติดอยู่ในสมอง  ถูกตอกย้ำโดยพระวิญญาณ จะค่อยๆทลายความเข้าใจผิดที่ไร้เหตุผลของเขา   

3. ชื่นชมยินดีในการเก็บเกี่ยว

           แล้ววันหนึ่ง  เขาจะรับเชื่อ วันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น  ไม่นานมานี้ผมได้คุยกับ น้องผู้หญิงคนหนึ่ง มาที่โบสถ์ของเรา  เขาเล่าว่า  เขาได้ยินเรื่องพระเจ้ามาตั้งเป็นเด็กนักเรียน   ในโรงเรียนคริสเตียน  ที่ครูสอนพระคัมภีร์เล่าให้ฟัง  เธอเล่าว่า ตลอดระยะเวลาหลายปี  เธอมีความเชื่อว่า  พระเจ้าต้องมีจริง  เธอไม่มีโอกาสได้คุยกับใครเรื่องพระเจ้า  เธอต้องก้าวไปในชีวิตการเป็นนักเรียน  นักศึกษา  ไม่มีโอกาสที่จะสัมผัสบรรยากาศของคริสเตียนเลย  แต่ในใจลึกๆ  เธอเชื่อพระเจ้าเสมอ  วันนี้เธอได้พบเพื่อนที่เป็นคริสเตียน  และก้าวเข้ามาหาพระองค์จริงๆ  ใครเคยคิดบ้างไหมว่า  เรื่องพระเจ้าที่ถูกหว่านเข้าไปในใจเธอ โดยครูคริสเตียนสมัยเธอเป็นเด็กนักเรียนจะเป็นเมล็ด  ที่มาเกิดผลในวันนี้  เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่  เกิดขึ้นรายต่อราย  ดังนั้นอย่าให้เราเมื่อยล้าในการหว่าน  ปลูก  เพราะวันหนึ่งเมล็ดที่เราหว่านจะเกิดผล   ผู้เขียนสดุดีกล่าว่า  “คนที่หว่านด้วยน้ำตา  จะเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน  ผู้ที่ร้องไห้ออกไป  หอบหิ้วเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน จะกลับบ้าน  ด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน  นำฟ่อนข้าวของตนมาด้วย”  วันนั้นเราจะได้ชื่นชม

 

           ผู้เลี้ยงที่ออกไปตามแกะหลง  ต้องเดินย่ำหนาม  ลัดเลาะหน้าผา  โขดหิน  สุ่มเสี่ยงภัย เหงื่อไหล ไคลย้อย  วังเวง เมื่อพบแกะ ก็ใช่ว่าจะช่วยแกะขึ้นมาได้ง่าย ๆ  อาจพลาด อาจพลั้ง  อาจเจ็บ เขาต้องพยายามด้วยความพิถีพิถัน  แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เพื่อจะช่วยแกะตัวนั้นขึ้นมาให้ได้  แต่พอแบกแกะนั้นมาบ่ามาได้  เขาก็มีแต่ความชื่นชม  เช็ดเหงื่อด้วยใจเบิกบาน  คุณแม่ที่อุ้มท้องลูกก็เหมือนกัน   สามสี่เดือนแรกแพ้ท้องน่าสงสาร  กินอะไรก็อาเจียน ลางคน  ไม่เป็นอันกินอันนอน  พอเดือนหลังๆใกล้คลอด  ก็อุ้ยอ้าย  ทำอะไรก็ไม่คล่องตัว  พอจะคลอดนี่ก็ยิ่งหนักกว่าที่ผ่านมาทั้งหมด  จะเจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหน  ครั้นลูกคลอดแล้ว  เธอก็ยิ้มออกมาได้ราวกับความเจ็บปวดที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่เธอฝันไปเท่านั้น  ความยินดีในการเก็บเกี่ยวเป็นของคนที่ลงทุน  เหรียญของนักกีฬาเป็นของคนที่ฝึกฝน  อดทน  ร้องไห้ ทั้งนั้นไม่ใช่ของคนที่คิดว่ามันจะเกิดมา “อย่างสำเร็จรูป”  ทั้งนั้น

             เหตุฉะนั้น จงขยันหว่านวันนี้  แล้วท่านจะได้เกี่ยวในวันหน้าอย่างแน่นอน

 

 






Visitor 231

 อ่านบทความย้อนหลัง