มั่งมีจำเพาะพระเจ้า

 

ศิษยาภิบาล

 

สัปดาห์ที่แล้ว  ผมพูดเรื่อง  อย่าลืมต้อนรับแขกแปลกหน้า ในวันสงเคราะห์ เพราะเราอาจต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว  ได้เทศนาเรื่อง 10 ทัศนะการสงเคราะห์ของพระเยซู 

(1). ไม่กลัวความยากจน(2โครินธ์ 8:9) (2). รักคนทุกฐานะอาชีพ(ลก7:36-37) (3). สงสารคนทุกข์( มธ 9:36) (4). ช่วยคนทั้งร่ายกาย และวิญญาณ (มก2:9) (5). สอน/ช่วยจิตวิญญาณก่อน(มธ6:33,มก6:34) (6). ให้ด้วยใจเมตตา ตามที่จำเป็น ไม่อวด(ลก10:33) (7). เห็นค่าการถวายของคนทุกฐานะ(ลก 8:2-3) (8). สอนให้วางใจพระเจ้า ไม่ใช่เงิน (มธ 6:24) (9). คนฉลาด มั่งมีจำเพาะพระเจ้า ( ลก 12:21) (10). การให้มีความสุขกว่าการรับ ( กิจการ 20:35) 

 

          พี่น้องได้ร่วมใจกันถวายทรัพย์เพื่อครอบครัวยากจน  รวมเป็นเงิน 40,000 บาท  ขอพระเจ้าอวยพระพรผู้ถวายทุกคน  พระธรรมสุภาษิต กล่าวว่า  การช่วยคนจน  ก็เหมือนให้พระเจ้าทรงยืม  เพราะพระองค์ไม่เคยเป็นหนี้ใคร  เงินจำนวนนี้  คริสตจักรจะนำไปฝากไว้ในบัญชีมูลนิธิ คริสเตียนสามัคคีธรรม  และจะพิจารณา  ไว้ช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องในยามทุกข์ยาก  ระหว่างปี

 

          ขอพูดเรื่องมั่งมีจำเพาะพระเจ้า

          ครั้งหนึ่ง  มีผู้หนึ่งในหมู่คนทูลพระองค์ว่า   “อาจารย์เจ้าข้า   ขอสั่งพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้กับข้าพเจ้า” แต่พระองค์ตรัสตอบเขาว่า   “บุรุษเอ๋ย   ใครได้ตั้งเราให้เป็นตุลาการ   หรือเป็นผู้แบ่งมรดกให้ท่าน” แล้วพระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า   “จงระวังและเว้นเสียจาก การโลภทุกประการ   เพราะว่าชีวิตของคนมิได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย” พระองค์จึงตรัสคำเปรียบข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า   “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า   'เราจะทำอย่างไรดี   เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลของเรา' เขาจึงคิดว่า   'เราจะทำอย่างนี้   คือจะรื้อยุ้งฉางของเราเสียและจะสร้างใหม่ให้โตขึ้น   แล้วเราจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของเราไว้ที่นั่น แล้วเราจะว่าแก่จิตใจของเราว่า   “จิตใจเอ๋ยเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี   จงอยู่สบาย   กิน   ดื่ม   และรื่นเริงเถิด' ”แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า   'โอ   คนโง่   ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า   แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า' คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับ

ตัว   และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” (ลก 12:14-21)

      

          มั่งมีจำเพาะพระเจ้า กับมั่งมีของตนเอง ต่างกันอย่างไร

 

          ปกติ ความมั่งคั่ง   เรามักวัดจากจำนวนเงินทอง  ในกระเป๋าของเรา  เหมือนเศรษฐีคนนี้  ประสบความสำเร็จในการงาน  ทำนาได้ข้าวเยอะ  เก็บใส่ยุ้ง  ยุ้งมันเล็กไปก็ขยายมันให้ใหญ่ขึ้น  ทรัพย์เพิ่มทรัพย์  เงินต่อเงิน  ความมั่นคงของเศรษฐีอยู่ที่  ทรัพย์ที่ส่ำสมไว้ใช้ก่อนจากโลกนี้ไป  โดยที่เศรษฐีลืมไปว่า  ชีวิตมันไกลกว่านั้นเยอะ

 คนทั่วไปในโลกทุกวันนี้ก็คิดอย่างนั้น  

          ไม่นานมานี้ผมได้คุยกับน้องคนหนึ่ง  อายุ 60  ปี  เขาเล่นหุ้น เขาเล่นเป็น เงินเขาก็พอกพูน  ผมถามว่า  วางแผนอนาคตอย่างไร   แกตอบว่า  แกจะทำให้ฐานะมั่นคง มั่นใจ ว่ามีเงินพอจนถึง 80 ปี   ผมก็ว่า  ที่มีอยู่วันนี้ไม่พอหรือ  แล้วผมก็ถามว่า  หลังจาก 80 ปีไปแล้วจะยังไง  ตายแล้วจะไปไหน  เขายอมรับว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้คิด  ผมก็แนะนำเขาว่า  พระเจ้ามีจริง  สวรรค์นรกมีจริง  วิญญาณของเราไม่ตาย  วันหนึ่ง เมื่อเราจากโลกนี้ไป  เราก็ทิ้งสังขารผุพังไว้ในโลก แต่วิญญาณ  เราต้องไปอยู่หน้าบัลลังก์พระคริสต์  พระเจ้าจะพิพากษาเรา แล้วแต่ว่าเราได้ใช้ชีวิตในโลกนี้อย่างไร

           

             ผมไปสวนหลวง ร 9  มีคนสูงอายุไปออกกำลังกายมากมาย  เพื่อให้ตนมีสุขภาพดี  ถ้าจะต่ออายุไปให้ได้ยาวที่สุดก็จะทำ  เราหาอาหารเสริมมากิน  เราเลือกอาหาร  เรางดไขมัน  เราทำร่างกายให้กระชับ  เราทำร่างกายให้ปลอดโรค  กีฬาเป็นยาวิเศษ แต่ทั้งหมดนี้  เพื่อชีวิตในโลกนี้ทั้งสิ้น  พระเยซูตรัสว่า  เราจะต่ออายุไปให้ยาวไปอีกสักศอกหนึ่งเราก็ทำไม่ได้  ยามจะต้องจากไป ก็ไปกันทั้งนั้น  ไม่ว่าหนุ่มสาวหรือคนชรา  เรื่องเศรษฐีที่พระเยซูนำมายกเป็นคำอุปมา  เขาตั้งชื่อว่า “เศรษฐีโง่”  ที่ไม่ฉลาดก็เพราะสายตาสั้น  มองแค่การจะอยู่จะกินในโลกนี้เท่านั้น  วันที่จากโลกนี้ไป  เอาอะไรไปสักชิ้นก็ไม่ได้ “แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า”  กษัตริย์ซาโลมอน  บอกไว้ในหนังสือปัญญาจารย์ว่า อนิจจังแท้  คนหนึ่งหาทรัพย์มาแทบตาย  วันหนึ่งอีกคนมาใช้ทรัพย์นั้น   คนหาไม่ได้ใช้  คนใช้ไม่ต้องหา  ซาโลมอนชิมความมั่งคั่งของโลกทั้งหมด  ลองอ่านดู

 

               “ข้าพเจ้าพูดเกี่ยวกับการหัวเราะว่า   “บ้าๆบอๆ”   และกล่าวถึงความสนุกสนานว่า  “มีประโยชน์อะไร” ข้าพเจ้าคิดดูว่าจะทำอย่างไร   กายจึงจะคึกคักด้วยเหล้าองุ่น   และใจยังคงแนะนำข้าพเจ้า ด้วยสติปัญญาและจะยึดความเขลาไว้อย่างไร   จนข้าพเจ้าจะเห็นได้ว่า   อะไรจะดีสำหรับให้บรรดาบุตรของมนุษย์ กระทำภายใต้ท้องฟ้าตลอดชีวิตของเขา ข้าพเจ้ากระทำการใหญ่โต   ข้าพเจ้าได้สร้างเรือนหลายหลัง   และทำสวนองุ่นหลายแปลง ข้าพเจ้าทำสวนผลไม้และสวนหย่อนใจหลายแห่ง   ปลูกต้นไม้มีผลหลายอย่างไว้ในสวนเหล่านั้น ข้าพเจ้าสร้างสระน้ำหลายสระสำหรับตัวเอง   เพื่อจะใช้น้ำในสระนั้นรดหมู่ไม้ที่กำลังงอกงาม  ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงไว้มีทาสเกิดขึ้นในบ้าน   ข้าพเจ้ามีฝูงโคฝูงแพะแกะเป็น สมบัติมากกว่าของบรรดาคนที่อยู่ใน กรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้ด้วย   และส่ำสมทรัพย์สมบัติอันควรคู่กับกษัตริย์และควร คู่กับเมืองทั้งหลาย   ข้าพเจ้ามีนักร้องชายหญิงสำหรับตัวและเมียน้อย   ซึ่งเป็นสิ่งชอบใจผู้ชาย  

 

            ข้าพเจ้าจึงเป็นใหญ่เป็นโตกว่า บรรดาคนที่เคยอยู่มาก่อนข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม   และสติปัญญาของข้าพเจ้ายังคงอยู่กับข้าพเจ้าด้วย สิ่งใดๆที่นัยน์ตาของข้าพเจ้าอยากเห็น   ข้าพเจ้าก็ไม่ปิดบัง   ข้าพเจ้ามิได้ห้ามใจจากความสนุกสนานใดๆ   เพราะใจข้าพเจ้าพบความเพลิดเพลินในบรรดางานของข้าพเจ้า   และนี่เป็นรางวัลจากงานของข้าพเจ้า 11แล้วข้าพเจ้าหันมาดูบรรดาสิ่งที่มือข้าพเจ้ากระทำ   และความเหน็ดเหนื่อยที่ข้าพเจ้าทุ่มเทลงไปและ   ดูเถิด   ทุกอย่างก็อนิจจัง  คือกินลมกินแล้ง   และไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ “  (ปัญญาจารย์ 2:1-11)

            ผมแนะนำน้องคนนั้นให้เตรียมชีวิตให้พร้อมสำหรับ  หลังอายุ 80  ปี  อันนี้  (ผมว่าตามเขานะ  ว่าเขาจะอยู่ถึง 80 ปี)  เราต้องเลือกวันนี้แล้ว  ไม่ใช่ รอจนหมดเวลา  มีเงินเพื่อพระเจ้า   ต่างจาก มีพระเจ้าเพื่อเงิน  ผมเคยเป็นแบบหลังนะ  ผมไปโบสถ์ฟังเทศน์  เพื่อเอาคำสอนดีๆ มาเสริมอนาคตที่จะทำให้ผมมั่งคั่ง  พระเจ้าเป็นรอง เงินเป็นเอก

 

         พระเยซูตรัสถึงทางเลือกอีกอย่างในการใช้ชีวิต  คือเลือกมั่งมีจำเพาะพระเจ้า ทำได้อย่างไร

 

(1)เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตเสียใหม่  ไม่ใช่  เอาทรัพย์เป็นที่หนึ่ง  แต่เลือกเอาพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง

        “ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้   เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง   และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง   หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง   และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง   ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้ “ (มัทธิว 6:24)

 

(2)เราต้องส่ำสมทรัพย์ในสวรรค์ 

        สวรรค์นะมันยาวนานกว่าโลกนี้เป็นล้านเท่า  พระคัมภีร์ใช้ศัพท์ว่า “ชีวิตนิรันดร์” แปลว่า  ไม่รู้จบ  เปาโลบอกว่า  พระเจ้าให้เรามีชีวิตในโลกนี้   เพื่อคลำหาพระเจ้าให้พบ   พระเยซูตรัสว่า  “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก   ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้   และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้  แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์   ที่ไม่มีแมลงจะกินและไม่มีสนิมจะกัด   และที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้ เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน   ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”  (มัทธิว 6:19-21)

 

     วิธีส่ำสมทรัพย์ในสวรรค์  คือ

     2.1 เราต้องช่วยคนอื่น

          เศรษฐีโง่คนนั้น ไม่ช่วยใคร  คิดแต่ช่วยตนเองอย่างเดียว  “ข้า  ยุ้งฉางของข้า  ข้า   ข้า  ข้า  ของข้า”  พระเยซูตรัสถึงคนที่สงเคราะห์ช่วย  รับแขกแปลกหน้า  เยี่ยมคนในคุก  รักษาผู้ป่วย  ให้อาหาร  ให้น้ำดื่ม  ให้เสื้อผ้าแก่คนทีทุกข์ยากว่า วันสุดท้าย    “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า   ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้   ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร   ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย… ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา   จงมารับเอาราชอาณาจักร   ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก” (มัทธิว 25:24,34)  

    2.2 เราต้องนำวิญญาณ

          พระเยซูสอนให้เรา อธิษฐานว่า  “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่”   (มัทธิว 6:10)    อีกตอนหนึ่งพระองค์ตรัสว่า”เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด   ผู้นั้นจะเสียชีวิต   แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา   ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด” (มัทธิว 9:24)  พระเจ้าจะทรงประทานบำเหน็จ ให้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า

 

2.3 เราต้องสอนคนให้ยืนหยัดบนพระเยซู

        เปาโลกล่าวถึงรางวัล  ของคนที่สอนคนอื่น ให้พึ่งพระเจ้า   และเมื่อคนที่เขาสอน ยืนหยัดฝ่าการทดลองได้  เป็นคริสเตียนเข้มแข็ง พระเจ้าจะทรงประทานรางวัลแก่ผู้สอน   ( 1 โครินธ์ 3:15)

 

2.4 เราต้องมุ่งใช้ของประทาน ให้เกิดประโยชน์กับคนอื่น              

       เหมือนคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อ นำทรัพย์ที่เจ้านายมอบให้ไปค้ากำไร วันหนึ่งนายกลับมา กล่าวแก่เราว่า   'ดีแล้ว   เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ   เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย   เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก   เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด' (มัทธิว 25:21)

 

2.5 เราต้องฝึกตนในทางธรรม 

        ฝึกกายดีสำหรับชีวิตในโลกนี้เท่านั้น  แต่ฝึกตนกับพระคำ  ประโยชน์จะเกิดแม้หลังความตาย

 

        เปาโลกล่าวว่า  “อย่าใส่ใจกับเทพนิยายอันหาสาระมิได้   จงฝึกตนในทางธรรม เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง   ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง   เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย”    ( 1 ทิโมธี 4:7-8)

 

 

 

 

 

 













Visitor 310

 อ่านบทความย้อนหลัง