น้ำมันมะกอก

 The Olive Oil

 

ศจ.สมเกียรติ กิตติพงศ์

 

          พืชที่เราได้ยินบ่อยๆ ในพระคัมภีร์มีอยู่ไม่กี่ชนิด  เช่น  มะเดื่อ องุ่น  อินทผลัม   มะกอก  ที่ได้เอ่ยถึงมาก ก็เพราะพืชเหล่านี้ปลูกในแถบเมดิเตอเรเนียน 

          วันนี้ผมจะขอพูดเรื่อง  “มะกอก”   เพราะมันถูกนำมาเปรียบเทียบ ให้ความหมายฝ่ายวิญญาณเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียนมากมาย

          มะกอกที่เป็นผลไม้ในบ้านเรา เป็นมะกอกน้ำ ที่เราเอามาจิ้มพริกกะเกลือ  เป็นคนละพันธุ์กับ มะกอกใน  ปาเลสไตน์  มะกอกในปาเลสไตน์  เป็นพันธุ์ที่มีชื่อภาษาละตินว่า  Olea europaea มะกอกชนิดนี้ พระคัมภีร์เรียก “มะกอกเทศ” 

    1.   ต้นมะกอก (Olive tree )

          ต้นไม่สูงมาก  สูงไม่เกิน 7 เมตร  มะกอกเทศโตขึ้นอย่างช้าๆ  กว่าจะออกผลใช้เวลา 15-20  ปี แต่อายุยืน  อายุ 200 – 300 ปีนั้นพบได้ทั่วไป  ในอิสราเอลมีต้นมะกอกที่มีอายุเป็นพันปี  มันสามารถขึ้นท่ามกลาง ดินที่ปนหินในภูมิอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน  คือ  มีฝนตกในฤดูหนาว  ส่วนหน้าแล้งก็ยาวนาน  ที่น่าทึ่ง คือมันยังออกผลเสียด้วย  เมื่อผมไปประเทศอิสราเอล  เราไปชมภูเขามะกอกเทศ  กล่าวกันว่าต้นมะกอก ในสวนเกทเสมาเน  ที่พระเยซูไปอธิษฐานที่นั่น มีอายุมันนานเกือบ 2000 ปี   รากมันราวกับต้นไทรบ้านเรา  น่าดูมาก  พระธรรมโฮเชยาห์ 14:6  บรรยายว่าผู้เชื่อ  จะเป็นคนอย่างนั้น “กิ่งก้านของเขาจะขยายออก   เขาจะงามเหมือนมะกอกเทศ  เขาจะมีกลิ่นหอมเหมือนเลบานอน”  คนที่เชื่อพระเจ้าจริง  วางใจพระเจ้าจริง  ไม่สูง ไม่เย่อหยิ่ง  ไม่อวดตัว   แม้ทุกข์ยากลำบาก ก็ยังเจริญเติบโตอยู่ได้   อยู่ได้ยั่งยืน  ครับ  แถมยังออกผลไม่หยุดเสียด้วย สดุดี 128:3 บอกว่าผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าจะเป็นสุข  ภรรยาของท่านจะเป็นอย่างเถาองุ่นลูกดก  อยู่ภายในเรือนของท่าน เด็กๆของท่านจะเป็นเหมือนหน่อมะกอกเทศ รอบสำรับของท่าน 

          2. ใบมะกอก 

            ในหน้าแล้ง   ขณะที่เนินเขาแห้งแล้ง  ต้นมะกอกยังให้ใบมะกอกสีเขียว  ใบด้านบนมีสีเขียวอมน้ำเงิน  ด้านล่างมีสีเทา  เวลาลมพัดไหวๆ  มองต้นมะกอกแต่ไกล จะเป็นเป็นสีเงิน  ทำให้เหมือนกับเนินเขามีแสงระยิบระยับ 

             เรารู้จักใบมะกอกครั้งแรกในพระคัมภีร์  ก็ตอนน้ำท่วมโลก  นาวาของโนอาห์ลอยอยู่เหนือน้ำ 150 วัน  พอน้ำลด  ตาน้ำทั้งหลายปิดลง  นาวาค่อยๆลดระดับลงมาเรื่อยๆ  โนอาห์  ไม่รู้ว่าน้ำลดลงถึงพื้นแล้วหรือยัง  ท่านใช้วิธีทดสอบโดย การส่งนกพิราบตัวหนึ่งออกไป ครั้งแรกมันไม่มีที่เกาะจึงกลับมา  ต่อมาท่านส่งนกพิราบไปอีกที  คราวนี้มันกลับมา  พร้อมกับคาบใบมะกอกเทศเขียวสดมาใบหนึ่ง  ท่านจึงรู้ว่าน้ำลดลงถึงพื้นดินแล้ว  โนอาห์รู้ดีว่านี้คือวาระของการสร้างโลกใหม่ ชาติใหม่ 

             ทุกวันนี้ทั่วโลกให้ภาพนกพิราบคาบใบมะกอก  เป็นสัญญลักษณ์ของสันติภาพ  โลกเราต้องการสันติภาพจริงๆ  สันติภาพไม่เคยเกิดได้จริงเมื่อเราทำบาป  พระเจ้าตรัสว่า “ไม่มีสันติสุข แก่คนอธรรม” (อิสยาห์ 57:21) การเห็นแก่ตัว  โลภ  กอบโกยทรัพย์สินเงินทองเข้ามาหาตัว  ไม่เคยทำให้ใครมีสันติสุขในจิตใจ  เราประกาศตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว (โรม 5:10) สองพันปีที่แล้ว  พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน  เพื่อไถ่โทษบาป  นำให้เรากลับมาคืนดีกับพระองค์  พระเยซูทรงเป็นองค์สันติราช ( อิสยาห์ 9:6)  แต่เมื่อเรากลับใจใหม่สำนึกผิด  สารภาพบาป  ถ่อมใจเข้ามารับการไถ่โทษที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้    การคืนดีระหว่างเรากับพระองค์ก็เกิดขึ้น  นี่เป็นเบื้องต้นของชีวิตใหม่ที่มีสันติสุข  เปาโลกล่าวว่า “เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว  เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้า” (โรม 5:1)  ชีวิตใหม่ของเราจึงเหมือนนกพิราบคาบใบมะกอก  ครับ  เราจะรักคนอื่นได้อย่างอัศจรรย์ด้วย 

     3. น้ำมันมะกอก

            ปกติ ต้นมะกอกเทศจะ  ออกดอกประมาณต้นเดือนพฤษภาคม   ดอกมะกอกมีขนาดเล็ก สีขาว  มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มันบานในเวลาสั้นๆแล้วก็เฉาไป โดยไม่เป็นที่สังเกต  มะกอกเทศอยู่ในตระกูลเดียวกับ  ต้นไลแลค และมะลิ  ซึ่งดอกมีกลิ่นหอมมากอย่างที่เรารู้จัก พอถึงฤดูใบไม้ผลิ  ต้นมะกอกจะเริ่มออกผล  ครั้งแรกมีสีเขียว  แต่พอผลสุกมันจะมีสีดำเป็นเงา  ชวนกิน  แต่ผลมะกอกสุกมีรสขม  ไม่อร่อยเลย  ถ้าให้เกิดประโยชน์จริง เราจะต้องเอามะกอกมาบีบคั้น  ที่เขาเรียกว่าคั้นเย็น ( Cold Press ) คือใช้อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศา ตามหมู่บ้านเขาใช้โม่หิน ใช้ลาลากโม่  แต่ทุกวันนี้เขามีโม่ไฮโดรลิกคั้นผลมะกอก  ให้ได้น้ำมันมะกอก  น้ำมันมะกอกนี่เอง  ที่ใครๆก็ปรารถนา  เพราะมันเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์สารพัด  เป็นน้ำมันที่มีเสน่ห์   ดูซิ  ชีวิตในพระเจ้านี่ เหมือนน้ำมันมะกอกจริงๆ  ก่อนจะเกิดประโยชน์  จะต้องถูกคั้น บีบ นวด เค้น ถีบ ถอง  เจ็บปวดรวดร้าว  ใครไม่ยอมให้หินโม่ คือสถานการณ์เลวร้าย การเข้าใจผิด ฯลฯ บีบ ก็คงเป็นผลมะกอกที่กินไม่ได้

 

              คุณวีระ มานะคงตรีชีพ  ได้บรรยายเรื่องน้ำมันมะกอก ไว้ในหนังสือพิพ์ไทยโพสท์ ฉบับวันที่ 8 กค. 2013 ว่า  “ทั้งกรีกและโรมันล้วนนิยมชมชอบ “น้ำมันมะกอก”  กันอย่างอย่างคลั่งไคล้  แม้แต่กรุงเอเธนส์ก็ยังมีที่มาจากต้นมะกอกเลย  เชื่อว่า  คำว่า Oil ภาษาอังกฤษ ก็แผลงหรือเพี้ยนมาจาก คำว่า Olive นั่นเอง  เชื่อกันว่าน้ำมันมะกอกถูกใช้ในการประกอบอาหาร  เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง  เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ ฯลฯ มาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี แล้ว”  ท่านเล่าว่า  “น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ขั้นเทพ (Extra-Virgin Olive Oil)  บริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากกรดใดๆ  หายากยิ่ง  เช่นเดียวกับที่สาวพรหมจารีย์ในยุค ศตวรรษที่ 21 เป็นอะไรที่แสนหายากก่อนวันวิวาห์  เพราะที่วางขายในซูเปอร์มาเก็ต  เขียนป้ายหน้าขวดว่า Virgin  กับ Extra virgin  ล้วนย้อมแมวขายทั้งนั้น”  

           กลับมาคุยเรื่อง น้ำมันมะกอกเทศ   ในพระคัมภีร์

(1) เป็นน้ำมันผสมอาหาร           เอลเลน คัมไฮ  ได้บรรยายว่า  น้ำมันมะกอก เหมาะในการใช้แทน เนย หรือ น้ำมันสัตว์ชนิดอื่น ๆ ในการปรุงอาหาร  กลิ่นหอมด้วย  ให้ประโยชน์สูงกว่า Omegar 3  และ Omega 6 Fatty acids    เบื้องต้นที่ผมรู้ๆ  น้ำมันมะกอก เราใช้ได้อย่างน้ำมันถั่วเหลือง  น้ำมันมะพร้าวในการทอด ผัด ได้อย่างดี  น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว  อย่างน้ำมันหมู  หรือเนย (Butter) จึงไม่ต้องกลัวโคเรสเตอรอล  ที่จะมาอุดหลอดเลือด  ผมทำน้ำสลัดบ่อย  น้ำสลัดที่ใช้กินกับผักสดนี่  ให้อร่อย  ไม่มีกลิ่นหืน ต้องใช้น้ำมันมะกอก  ธรรมดา  น้ำสลัดคือการนำน้ำมันมาผสมกับนม  น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมัน น้ำเป็นประเภทน้ำ  ปกติ น้ำกับน้ำมันผสมไม่เข้ากัน  แต่เขาจะใช้ตัวเชื่อม (Emulsifying Agent) ซึ่งที่นิยมใช้กันทั่วไปคือ ไข่แดง  คนไปทางเดียวกันจะได้น้ำมันสลัดหอมหวาน   ชีวิตที่รักพระเจ้า เป็นอาหารที่ดีมีประโยชน์  ไม่มีพิษภัย 

 (2) เป็นน้ำมันหอม 

              ในพระคัมภีร์  มีการกล่าวถึงน้ำมันหอม ครั้งแล้วครั้งเล่า  น้ำมันหอมเป็นกลิ่นหอมหวาน  เป็นกลิ่นที่พอพระทัย  ซึ่งปกติ เป็นน้ำมันหอมที่ทำมาจาก  เครื่องเทศ ผสมกับน้ำมัน  ใช้ในการเจิม ชะโลมกาย  ชะโลมศพ  เครื่องเทศที่ว่านี้ได้แก่ กำยาน มดยอบ อบเชย ว่านหางจรเข้ กระถินเทศ พิมเสน น้ำผึ้ง  หุสุบ ทับทิม กุหลาบ สนสีดา ฯลฯ  เครื่องเทศเหล่านี้ต้องมาผสมกับน้ำมัน  กลายเป็นน้ำมันหอม  และน้ำมันที่ใช้ ก็คือน้ำมันมะกอกเทศนี่เอง ในสมัยพระคัมภีร์เดิม  การเจิมตั้งกษัตริย์  ปุโรหิต   หญิงคนหนึ่ง  เคยชะโลมพระบาทพระเยซู ด้วยน้ำมันหอมด้วยการเทิดทูนบูชา ( ลูกา 7:38)    แน่นอน  นี่คือชีวิต  ที่หอมหวานซึ่งพระเจ้าสำแดงผ่านเราซึ่งเป็นผู้เชื่อ  เปาโลกล่าวว่า  “พระคริสต์โดยความมีชัย  ทรงโปรดประทานกลิ่นหอม  แห่งความรู้ของ

พระองค์ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง  เพราะเราเป็นกลิ่นหอมหวานที่พระคริสต์ถวายพระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด  และคนที่กำลังประสบความพินาศ" ( 2 โครินธ์ 3:14-15)

(3)  เป็นยารักษาโรค

               ตอนที่ผมเรียนเภสัช  เวลาเราทำ น้ำมันทาแผล หลายอย่าง เราใช้ น้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมเสมอ  เมื่อชาวสะมาเรีย เข้าไปช่วยคนเจ็บ  “เขาเข้าไปหา  เอาผ้าพันบาดแผลให้ พลางเอาน้ำมันกับเหล้าองุ่นเทใส่บาดแผลนั้น” ( ลูกา 10: 34) การรักษาแผลด้วยน้ำมันมะกอก มีมานานแล้ว  ในวิชาเภสัช  น้ำมันมะกอก เป็นยาระบายอ่อนๆ  ช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้  พระเจ้าทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ  รอยแผลเฆี่ยนของพระเยซู   ทรงเป็นการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บของเรา  (อิสยาห์ 53:4)  ยากอบบอกว่า  ถ้าสมาชิกป่วย ท้อใจ หมดเรี่ยวแรง  ให้ผู้ปกครองช่วยอธิษฐานและชะโลมด้วยน้ำมัน  ผมเชื่อว่า  มากกว่าการใช้น้ำมันมะกอกจริงๆ ชะโลม  ผู้ปกครอง หรือศิษยาภิบาลต้องช่วยยกจิตชูใจ  และอธิษฐานเผื่อความป่วยไข้สมาชิก  เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้บำบัดเหมือนยาขนานเอก (ยากอบ 5:14)

(4)   เป็นน้ำมันให้กับตะเกียง

             เลวีนิติ 24:2  คนเลวีเติมตะเกียงด้วยน้ำมัน  ให้ตะเกียงมีแสงสว่าง  ครับ  ชีวิตคริสเตียนต้องสว่างไสว  ต้องเตรียมพร้อมเสมอ  ต้องใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า  เหมือนหญิงพรหมจารีย์ฉลาดรอคอย เจ้าบ่าว  (มัทธิว 25:1-14) พระเยซูตรัสว่า  เราเป็นความสว่างของโลก  เป็นตะเกียงที่ไม่เอาฝาครอบ  แต่ตั้งไว้บนเชิงตะเกียง  ให้คนเห็นความดีที่เราทำ  เขาจะได้สรรเสริญ พระบิดาในสวรรค์ ( มัทธิว 5:14-16)

(5)   เป็นเครื่องสำอางค์

                พระเยซูกล่าวว่า  เวลาเราถือศีลอด  อย่าทำหน้าเศร้าหมอง  ทำหน้าให้มอมแมม  เพื่ออวดเขา  เพื่อให้เขาเห็นว่าเราถือศีลอด    แต่จงล้างหน้า  และเอาน้ำมันใส่ศีรษะ   เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเราถืออด ( มัทธิว 6:16-18) ปกติน้ำมันมะกอกถูกเรียกว่า  “น้ำมันแห่งความยินดี”  ก่อนออกจากบ้าน  เรามักแต่งตัว ประพรมน้ำอบน้ำหอม เพื่อความสดชื่น     เช่นเดียวกัน   ฝ่ายวิญญาณของเรา  เราควรชื่นชมยินดี  ผู้ เปาโลกล่าวว่า “จงชื่นชมยินดีในพระเจ้าทุกเวลา” ( ฟิลิปปี 4:4) ชีวิตของเราควรเต็มไปด้วยเสียงเพลงนมัสการ เพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ (โคโลสี 3:16)  ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่า ชอบธรรมดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ  ( ฮีบรู 10:38 )

           มะกอก  น้ำมันมะกอก  เป็นพรรณไม้ในพระคัมภีร์  ที่พระคัมภีร์นำมาเปรียบเทียบกับเรา  ที่เป็นผู้เชื่อ  ในแง่มุมต่างๆมากมาย  โดยพระเยซูคริสต์  พระองค์ทรงช่วยให้เราซึ่งแต่เดิมเป็นมะกอกป่า  วันนี้เราเป็นมะกอกเทศ  เป็นชีวิตที่เป็นประโยชน์  หอมหวาน  สำแดงพระคุณนานาของพระเจ้า  เป็นพระพรแก่ผู้อื่น 

 1.    Mostert Noel,  The Olive: Tree of “Liquid Gold” , Reader’s   Digest November 1975.( Toppan Printing Company (H.K) Ltd. 1975 p.73

2.    มานะคงตรีชีพ  มานะ นสพ. ไทยโพสต์  ฉบับ วันที่ 8 กรกฎาคม 2556

3. Kamhi Ellen, Olive oil: Ancient Healing Powers of a Modern Miracle , The Natural Nurse,  NY, 1973

4. Thomsom J.A.   Hand Book of Life in Bible Times  Intervasitu Press   Downer Grove  IL 1986

 

 

 

 

 

 






Visitor 353

 อ่านบทความย้อนหลัง