เป้าการประกาศ คือ“สร้างสาวก”
คัสโซอุม ไคตา
ศบ. คริสตจักร อีแวนเจลิคัล โบมาโค
ประเทศมาลี อัฟริกาตะวันตก
ผมอยากจะแนะนำให้ท่านมองเรื่องการประกาศ และการสร้างสาวก ว่า เป้าหมายของผู้ประกาศ คือการสร้างสาวก
1. ผู้ประกาศ มีความรับผิดชอบยิ่งใหญ่ของ ต่อผู้เชื่อใหม่
คนไข้ย่อมวางใจหมอฉันใด ผู้เชื่อใหม่ต้องวางใจผู้ประกาศฉันนั้น ผู้ประกาศคือบุคคลที่แสดงหนทางแห่งความรอดในพระคริสต์ ความวางใจเช่นนี้ ทำให้ผู้ประกาศต้องรับผิดชอบ เปาโลห่วงใยผู้เชื่อใหม่ เปาโลกล่าวว่า “ให้เรากลับไปเยี่ยมพวกพี่น้องในทุกๆ เมืองที่เราได้ประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดูว่าเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง” (กิจการ 15:36)
ผู้ประกาศจะต้องห่วงใยฐานะความเป็นอยู่ของผู้เชื่อ เขาจะต้องให้พวกเขาได้อยู่ในบรรยากาศที่ช่วยให้เขาโตขึ้นฝ่ายวิญญาณ เจริญวัยขึ้นเป็นผู้ใหญ่
เปาโลและบาระนาบัส สัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐ ยิ่งกว่านั้นท่านก็ห่วงใยการโตขึ้น จึงให้พวกเขาได้อยู่ในคริสตจักรที่มั่นคง และมีพลัง นี่คือพลังของการประกาศไปทั่วโลก เมื่อเปาโลบอกว่า ให้เราไปดูพี่น้องเหล่านี้ในทุกๆเมือง เพราะท่านรู้ว่าผู้เชื่อใหม่เหล่านี้ต้องการ การหนุนน้ำใจ และการสั่งสอน การประกาศของพระคัมภีร์ใหม่ ผู้เชื่อจะต้องเข้าสู่งานรับใช้ ชีวิตใหม่จำเป็นต้องสามัคคีธรรมกับพระคริสต์ และรับใช้พระคริสต์
ผู้ประกาศมีความรับผิดชอบ นำผู้เชื่อใหม่ให้มีความเชื่อแข็งแรง และกระตือรือร้นในคริสตจักร “เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์” ( โคโลสี 1:28 ) เปาโลบอกว่า “เพื่อเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำทำงานด้วยความอุสาหะ เข้มแข็งด้วยพลังที่พระองค์ทรงดลใจข้าพเจ้าอยู่” (29)
ผู้ประกาศจะต้องต่อต้านความคิดเห็นที่ว่า ความรับผิดชอบของผู้ประกาศสิ้นสุดลงหลังจากที่ตนเทศนา ความคิดนี้ โยนความรับผิดชอบในการติดตามผลให้คนอื่น ผู้ประกาศหลายคนคิดว่าพระเจ้าเรียกตนให้ทำงานแค่นี้ พวกเขามิได้เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องของตนที่จะสอนพวกเขาให้ติดตามพระบัญชาทั้งหลายของพระเยซู
2. ผู้ประกาศจะต้องทำอะไรบ้าง ในการสร้างสาวก หลังจากการประกาศ
(1) อันดับแรก เขาจะต้องเลิกนิสัยเก่า เขาจะต้องเปลี่ยนท่าที และความเข้าใจบทบาทของผู้ประกาศ
(2) แทนที่ที่เขาจะคิดว่า เขาทำงานคนเดียว เขาต้องคิดว่า เขาทำงานเป็นทีม
(3) แทนที่เขาจะไม่สนใจของประทานของผู้อื่น เขาจะต้องแนะนำวิธีประกาศ
(4) แทนที่เขาจะเก็บนิมิตไว้แต่ผู้เดียว เขาจะต้องแบ่งปันนิมิตของตน
(5) เขาจะต้องเข้าใจว่า ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ เป็นคนฝึกคนอื่นให้ทำด้วย (เอเฟซัส 4:11-12)
(6) เขาจะต้องใช้เวลาฝึกฝนคนอื่น
(7) เขาจะต้องกระตือรือร้นในการฝึกคนงาน
(8) เขาไม่แข่งขันกับของประทานอื่น แต่ทำงานร่วมกันต่างหาก
ในการประกาศของเขา เขาจะต้องวางแผน 3 ช่วงเวลา
(1) ก่อนการประกาศ
(2) ระหว่างการประกาศ
(3) หลังการประกาศ
ไม่เพียงพอที่จะส่งผู้เชื่อใหม่ ไปยังคริสตจักรโดยอินังขังขอบ ว่าผู้เชื่อใหม่เหล่านั้นได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ผู้ประกาศจะต้องระลึกถึงพระดำรัสของพระเยซูว่า “ท่านทั้งหลายมิได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านไว้ให้ไปเกิดผล เพื่อให้ผลของท่านคงอยู่” ( ยอห์น 15:16)
การเทศนาจึงมิได้จบลงในตัวเอง ผู้เทศน์จะต้องสนใจผลงาน ผู้ประกาศจะต้องช่วยฝึกฝน ให้ผู้เชื่อใหม่ติดตามพระเยซู และเรียนรู้จากพระองค์เอง
พระมหาบัญชาของพระเยซู ได้รวมเรื่องการสร้างสาวกลงไปด้วย ผู้ประกาศต้องทำงานร่วมกับคริสตจักรให้เขาได้ช่วยฝึกฝนผู้ให้คำปรึกษา การฝึกฝนรวมไปถึงการให้ผู้เชื่อใหม่ มีความรู้พื้นฐานของชีวิตคริสเตียน เขาจะต้องเรียนรู้เรื่องการแบ่งปันความเชื่อแก่ผู้อื่น เมื่อเปาโลกำชับทิโมธีให้ประกาศข่าวประเสริฐ ( 2 ทิโมธี 4:5 ) ท่านสั่งทิโมธีให้ มอบคำสอน ที่ทิโมธีได้ยินจากท่าน ให้แก่คนที่สัตย์ซื่อต่อไป ( 2 ทิโมธี 2:2) ผู้ประกาศหลายคนมัก ชื่นชอบในการอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่ชอบอยู่ในกลุ่มย่อย เพื่อสร้างสาวก ตลอดชีวิตการรับใช้ของเปาโล ท่านฝึกฝนสร้างสาวกตลอดเวลา สาวกคือใคร สาวกก็คือคนที่ติดตามพระเยซู ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา ทุกวัน สาวกคือคนที่เปลี่ยนชีวิตตามพระเยซู คือผู้ที่ถวายตัวทำพระมหาบัญชาของพระเยซูให้สำเร็จ และพึ่งพระวิญญาณ
เปาโลทำงานตามแบบฉบับของพระเยซู สรุปจากพระมหาบัญชาของพระเยซู ใน มัทธิว 28:19-20 ซึ่งสรุปเป็นคำ 3 คำ “สร้าง สอน ส่ง” พระวิญญาณคือพระผู้ช่วย ที่ทำให้เกิดผล คงอยู่
3. ผู้ประกาศจะถ่ายทอด งานการสร้างสาวกให้แก่ผู้เชื่ออย่างไร
มีหลักการ 3 ข้อที่พระเยซู และเปาโลใช้ในการเพิ่มพูนสาวก
(1) การสั่งสอนพระคำ คำสอนที่ดี สาวกจะต้องรู้ว่าเขาจะดำเนินชีวิตคริสเตียนต่อไปอย่างไร ถ้าเขาจะสอนเรื่องการเป็นพยาน เขาจะต้องบอกวิธีว่าจะเป็นพยานอย่างไร
(2) การประกาศพระกิตติคุณ เปาโลทำตามพระเยซู ทั้งเป็นพยานส่วนตัว และในที่ชุมนุมชน พระเยซูทรงเป็นแบบให้เห็นในพระธรรมยอห์น 4: 31-38 คนที่เป็นพยานส่วนตัวได้ดี จะเป็นคนประกาศในที่สาธารณะได้ดีด้วย
(3) การขยายงาน 2 ทิโมธี 2:2 เป้าหมายของเปาโลคือฝึกฝน ทิโมธี เพื่อเขาจะได้ฝึกคนที่สัตย์ซื่อเช่นเดียวกัน และคนที่รับการฝึกแล้วก็จะฝึกคนอื่นต่อไปอีก เปาโลสอนให้ทิโมธีทำตามตัวของท่าน สอนสิ่งที่ท่านสั่งสอน
คนที่สัตย์ซื่อที่เปาโลกล่าวถึงคือใคร
(1) คนที่รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดกำลังชีวิต ( มัทธิว 22:37)
(2) เป็นคนสอนได้ (กิจการ 17:11)
(3) คนที่พึ่งพระเจ้า ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ( กิจการ 1:8 ) เมื่อเปาโลกล่าวถึงคนที่สัตย์ซื่อท่านไม่ได้หมายถึง นักศาสนศาสตร์ แต่ท่านหมายถึงคนที่เชื่อฟัง อย่างทิโมธี
การสร้างสาวกของผู้ประกาศ จะนำเขาไปสู่อีกมิติหนึ่ง ออกจากความจำกัด สู่การปั้นสาวกให้แข็งแรง เขาจะเป็นบุรุษสตรีที่ในการเพิ่มพูนคริสตจักร ผู้ประกาศทั้งหลายขอให้เรามอบกายถวายตัวในการฝึกฝนปั้นสาวก
|