“ผู้ติดตามพระเยซู”

คำแบ่งปัน ศุกร์ 28 มิถุนายน 2015

(ลก.  9: 57- 62 ,  มธ.  8: 18 – 22)  

 

 

 

เมื่ออ่านพระธรรมเรื่องนี้  ตั้งข้อสังเกตได้ว่า  พระเยซูตรัสกับ คน 2 กลุ่ม อาจต่างเวลากัน หรือ เวลาใกล้เคียงกันแต่อยู่ในเรื่องเดียวกัน คนกลุ่มแรก  คือคนที่เข้ามาหาพระองค์   มาขอติดตามพระองค์  อาจสนใจหลายสิ่งหลายอย่างในพระองค์   มีจำนวนมาก  ต่างความต้องการ  ต่างเป้าหมาย  พระองค์ทรงรูทุกสิ่ง  รู้ความในใจ   รู้ความต้องการแต่ละคน   พระองค์เสด็จมา  ไม่ได้มาเพื่อเป็นกษัตริย์   หรือ มาเพียงเพื่อรักษาคนเจ็บป่วยหรือ มาเพียงเพื่อเทศนาสั่งสอนเรื่องแผ่นดินสวรรค์   แต่มาเพื่อสละพระชนม์ไถ่คนบาป คนกลุ่มนี้รู้แค่เพียงที่มองเห็น และ คิดได้กลุ่มที่ 2  เป็นสาวกพระองค์  หรือ กลุ่มคนที่พระองค์ทรงเรียก  หรือ กลุ่มคนที่ขอติดตามพระองค์แล้วพระองค์ทรงเรียกให้ตามพระองค์ เป็นกลุ่มที่รู้จักพระองค์มากขึ้น  บางคนก็รู้ความจริง  รู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน  พระองค์ประสงค์ให้รู้ว่าพระองค์ เป็นใคร  เสด็จมาเพื่ออะไร  ไม่ประสงค์ให้คนที่ต้องการติดตามพระองค์  สนใจแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดพระองค์ประสงค์ให้ทุกคนได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์   แม้มีเพียงเวลาเล็กน้อย    พระองค์ยังส่งคนเหล่านั้น ที่ต้องการติดตามพระองค์   ที่เรียกว่าสาวกให้ออกประกาศ ช่วงเวลาแรก ถึง 70 กว่าคน บางครั้งพระองค์ต้องละบางคนข้ามฟากไป   เพื่อมีพระประสงค์บางสิ่งกับบางคน  บางคนพระองค์ก็ทรงเรียกให้ตามพระองค์ พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า  การติดตามพระองค์  ต้องเผชิญบางสิ่งบางอย่าง  อาจต้องทุกข์ยากลำบาก พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า  พระองค์ไม่มีที่วางศีรษะ  ผู้ที่จะตามพระองค์ ต้องชังบิดามารดา   พระองค์ไม่ได้มาเป็นกษัตริย์เหมือนดังที่คนเข้าใจ มีหลายคนเมื่อรู้ความจริงก็เลิกติดตามพระองค์ เพราะต้องการบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น สิ่งที่จะขอนำมาเป็นบทเรียนในการใช้ความเชื่อของเราในที่นี้   ได้ดังต่อไปนี้

1)         เชื่อพระเจ้าต้องมีเป้าหมายหลักที่ความรอด   ต้องยึดแน่นเรื่องกางเขน  หรือ การไถ่ความผิดบาปอย่างมั่นคง ถ้าเราติดอยู่กับสิ่งอื่น เราอาจถูกละข้ามฟากไปหรือ เมื่อเราประกาศ คนที่มาเชื่อพระเยซูติดอยู่กับสิ่งอื่นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ต้องละข้ามฟากไปค่อยกลับมาใหม่

2)        ต้องละ และ ออกจาก กรอบความเชื่อเดิมที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเก่า โดยสิ้นเชิง และ สร้างงานตามแบบอย่างพระเยซู  เสมือนหนึ่งเรามีเวลาไม่ถึง 3 ปี ข้อปฏิบัติที่เคยมีอิทธิพลต่อเราให้ละเสียโดยสิ้นเชิงมากยิ่งกว่านั้น พระองค์จะทรงช่วยเราให้มีกำลัง เมื่อเราต่อสู้ไม่ไหว

3)       ไม่หันหลังกลับ  ไม่ท้อถอย ตัดสินใจแล้วไม่เปลี่ยนใจไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูดหรือ การกระทำต้องดำเนินให้สอดคล้องกับความเชื่ออย่างมั่นคง รวมถึงไม่คิดถึงอดีต หรือเปรียบเทียบความรุ่งเรืองในอียิปต์กับคะนาอัน แม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่กันกลับ




Visitor 346

 อ่านบทความย้อนหลัง