ผู้เชื่อในสังคมโลก

ศ.บ

 

“ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้าย”       (ยอห์น 17:15)

          ในโลกที่เราอาศัยอยู่  มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดี และที่ไม่ดี พระเยซูทรงปรารถนาให้เราอยู่ที่นี่ ทำไม?

 1.  สภาพของโลกที่ทรงละไว้ให้เราอยู่  

   1) เรามีธรรมชาติที่สวยงามเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า  พระองค์ทรงประทานแดดฝน  ข้าวปลาอาหาร ผลหมากรากไม้ให้เราอยู่ในโลกได้อย่างสุขสบาย  โดยเฉพาะเมืองไทย  หน้าหนาวก็ไม่หนาวเกิน  หน้าร้อนก็ไม่ร้อนเกิน  เรามีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เราว่า  “ในน้ำเรามีปลา ในนาเรามีข้าว” บ้านเราไม่ขาดฝน ไม่ขาดแดด  ปลาในอ่าวไทยก็ชุมเหลือเกิน ผมแต่งเพลง “โมทนาสี่ภาค”  ด้วยความรู้สึกว่า  เรามีสิ่งดีมากมายที่พระเจ้าทรงประทานให้  เสียดายที่คนไทยเรา  ไม่ได้ตระหนักว่า  สิ่งดีต่างๆ เหล่านี้มาแต่พระเจ้า  จึงมิได้ขอบพระคุณพระองค์  กลับไปขอบคุณ เจ้าที่เจ้าทางที่ไหนอะไรก็ไม่รู้ 

 

     2)  เรามีภัยธรรมชาติ ที่สอดแทรกเข้ามาในธรรมชาติอันสวยงามของพระองค์   เช่น วาตภัย  อุทกภัย ภัยแล้ง  สึนามิ  และแผ่นดินไหว  ก็ชักมากขึ้นเป็นลำดับในปีหลังๆ  โรคภัยไข้เจ็บก็เช่นเดียวกัน  ยิ่งมากขึ้นในยุคของเรา  เช่น  มะเร็ง  ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่  โรคเอดส์   ฯลฯ  เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า มนุษย์ดื้อดึงพระเจ้า  พระองค์จึงยอมให้  สิ่งไม่สวยไม่งามเหล่านี้  สอดแทรกเข้ามาในโลกอันงดงามของพระองค์    สิ่งที่ผมกล่าวถึงนี้   เมืองไทยเรามีครบ เราได้สัมผัสทั้งหมด เหมือนประเทศอื่นๆ  ความยากจนค่นแค้น  ในบ้านเราก็ไม่เบาเช่นเดียวกัน  บุคคลที่เรารัก  อันเป็นพี่น้องของเรา  ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า   ยังหลงเข้าใจว่า  โลกนี้ไม่มีพระเจ้า   โลกอุบัติขึ้นมาเองโดยปราศจากพระผู้สร้าง  แถมยังไปเชื่อทฤษฎีโง่เง่าเต่าตุ่นของนักวิทยาศาสตร์  บางคนที่เขียนตำราให้นักศึกษาเรียนกันในมหาวิทยาลัยว่า  คนมาจากลิง  สิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต   ชีวิตหลังความตายไม่มี   ตายจากโลกนี้ก็จบกันไป  คนเราก็คิดแค่กอบโกยความสุข  เข้าหาตัวตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ   นี่คือความคิด  ความเข้าใจของพี่น้องเรา  ที่มีความคิดอยู่อย่างนี้   คนเหล่านี้เป็นคนที่เรารักเขา  และเขาก็น่ารักด้วย  ลางทีอาจหมายถึงคุณพ่อของเรา คุณแม่ของเรา  พี่  ป้า น้า อา คุณตา คุณยายของเรา 

       3)  โลกเรายังมีคนที่ดื้อด้าน  ต่อต้านเรา  ให้ร้ายเราก็มี  ลางคนรุกหนัก ถึงขั้นทำร้ายเราก็มี  ในสมัยพระคัมภีร์  ผู้เชื่อในสมัยนั้นภายใต้การปกครองของโรมัน  อยู่ไม่เป็นสุข  พวกเขาไม่มีอิสระในความเชื่อเสียด้วย  ถ้าเชื่อพระเยซูก็ถูกข่มเหง  ลูกศิษย์ของพระเยซู  11  คน  ไม่นับยูดาส อิสคาริโอดที่แขวนคอตัวเองตาย   เชื่อพระเยซู  ออกไปประกาศพระกิตติคุณ ถูกการข่มเหงถึงความตายเกือบทุกคน  ยกเว้น  ยอห์น ผู้เขียนหนังสือวิวรณ์  ถูกปล่อยเกาะ  นอกนั้นตายร้ายทั้งนั้น   เปโตร ถูกตรึงบนกางเขน  แบบพระเยซู แต่ท่านขอให้เอาหัวลง  อันดรูว์ถูกตรึงที่ไม้กางเขน  ยากอบ บุตรเศเบดี  ถูกตัดศีรษะ (กิจการ 12:2) มัทธิว ถูกประหารที่เอธิโอเปีย   บาโธโลมิว ถูกเฆี่ยน และถูกตรึงที่กางเขน  ฟิลิปถูกตรึง  ซีโมน พรรคชาตินิยม  ก็ถูกตรึง  เช่นเดียวกัน  ยากอบถูกเอาหินขว้างถึงตาย  ไม่แปลกที่คนในยุคนั้น  ร้องทูลพระเจ้าว่า  เมื่อไรพระองค์จะเสด็จมา   ขอเสด็จมาเร็วๆ  เขาอยากไปอยู่กับพระองค์  เมื่อพูดถึงการที่พระเยซูจะเสด็จกลับมารับพวกเขาไปอยู่ที่สวรรค์  เปโตร ต้องปลอบประโลมพวกเขาว่า  “พระองค์ มิทรงเฉื่อยช้าในพระสัญญาของพระองค์  ตามที่บางคนคิดนั้น  แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้  เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน  พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย  แต่ปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่” ( 2 เปโตร 3:9)

 

         4)  ศีลธรรมในโลกเสื่อมถอยลงทุกวัน ตามที่พระคัมภีร์พูดไว้ว่า “ในสมัยจะสิ้นยุค  จะเกิดกลียุค มนุษย์จะเห็นแก่ตัว  เห็นแก่เงิน หยิ่งยะโส ชอบด่าว่า  ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา อกตัญญู ไร้ศีลธรรม ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน  ไม่ยับยั้งชั่งใจ  ดุร้าย  เกลียดชังความดี ทรยศ  มุทะลุ  หัวสูง รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า  ถือศาสนาแต่เปลือกนอก ส่วนแก่นแท้ของศาสนาเขาไม่ยอมรับ”  ( 2 ทิโมธี 3:15)   ครับโลกยุคไอ ที  ทันสมัยขึ้นจริงๆ ตามไม่ทัน  แต่ศีลธรรมมิได้ดีขึ้น   ไอ  ที  ช่วยให้คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว  แต่ไอ ทีก็ช่วยแผ่กระจาย สิ่งชั่วได้รวดเร็วและกว้างขวางเช่นเดียวกัน เราอยู่ในยุค อบายมุขติดปีก  แทรกเข้าสู่มือถือลูกหลานเรา โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น

       5)  ในโลกที่ทันสมัยเช่นนี้ ทำให้คริสเตียนประกาศได้ง่ายขึ้นก็จริง  แต่ก็พาให้คริสเตียนหลงใหลได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน วันนี้ ผู้เชื่ออาจต้องผจญความยากลำบาก  จากการข่มเหงการล่อลวง และสิ่งเทียมเท็จ แต่พระเยซูก็มิได้มีพระประสงค์ ให้คริสเตียน ไปสวรรค์เร็ว ๆ  หรือแยกตัวออกจากโลกเดินลอยสูงอยู่เหนือปัญหา  แต่พระองค์ปรารถนาให้เราอยู่ในโลก  คลุกคลีตีโมงกับคนทั้งหลาย  เพื่อนำเขามาหาพระเจ้า   พระองค์ทูลพระบิดาว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก  แต่ขอปกป้องเขาไว้  ให้พ้นจากมารร้าย”        

 

      2.  ทำไมพระองค์  ทรงปรารถนาให้เรา  ที่เป็นผู้เชื่ออยู่ในสังคมที่เราอยู่

           คำตอบก็คือเพื่อช่วยเหลือ  พี่น้องหรือคนทั้งหลายที่ยังไมรู้จักพระเจ้า  ให้เขามารู้จักพระองค์     พระเยซูตรัสว่า “ท่านเป็นความสว่างของโลก” เคยมีคนมาเสนอผม  ว่าเขามีที่ดินนับร้อยไร่  อยู่ต่างจังหวัด  เขาอยากสร้างนิคมคริสเตียนขึ้นที่นั่น  ให้มีโรงพยาบาล โรงเรียน  สถานออกกำลังกาย  ฯลฯ ของคริสเตียน ความคิดของเขาเจ๋งมาก  แต่ผมบอกว่า  ผมไม่เห็นด้วย  ทั้งไม่เชื่อว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า  คริสเตียนเป็นตะเกียงโลกมืดมน เราเอาตะเกียงไปรวมไว้ที่เดียวกัน  แล้วทิ้งโลกให้มืดมิดได้อย่างไร  พระเยซูอธิษฐานว่า  “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก”คริสเตียนไปรวม ณ ที่เดียวกันเพราะอะไร  เพราะเราจะได้สบาย  จะได้หนีการข่มเหง  จะได้ร้องเพลงด้วยกันเองทุกวัน  ไม่เห็นแก่ตัวไปสักหน่อยหรือ แล้วเราจะมีความสุขจริงได้หรือ 

       3.   เราจะอยู่ในสังคมโลกแบบไหน อย่างไร   

             อยู่อย่างพระเยซูอยู่ในโลก  พระองค์ทรงเสวยอาหารกับคนเก็บภาษี  คนบาป  และหญิงโสเภณี  ทรงนั่งคุยกับพวกเขา  พูดภาษาของเขา  ฟังความทุกข์ใจของเขา  รักเขา  มีน้ำตาให้พวกเขา  พระองค์มิได้ร่วมทำผิดศีลธรรมใดๆกับเขา   มิได้ร่วมซื้อหวย เล่นไพ่ คดโกง เมาเหล้า  หรือผิดประเวณี   แต่รักคนเหล่านี้ที่ทำผิด  ช่วยให้เขาเห็นความสว่าง   นำเขาให้กลับตัวกลับใจใหม่   มีอนาคตอันรุ่งโรจน์  พระเยซูได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของคนบาป  นี่คือ วิธีการที่ทรงปรารถนาให้เราใช้ชีวิตในสังคม  ท่านสามารถเป็นเพื่อนกับนักศึกษาในห้องเรียน   เป็นมิตรกับเพื่อนในโรงงาน  ญาติดีกับคนในหมู่บ้าน  ช่วยเหลือเขาเท่าที่สามารถ   ฟังความทุกข์ของเขา  พระเจ้ารักเขา      

 

     4.   ทรงให้เราอยู่ในสังคม  ช่วยสังคม  โดยชัยชนะโจมตีเล่นงานของมารได้

         การอยู่ในโลกเช่นนี้  เราย่อมต้องเผชิญกับมารร้าย  มันชักนำคนให้มาโจมตี  ยั่วยุเราให้โกรธ “บางที  มารยั่วคนให้ โจมตีการทำงานของเราก็มี”     มารยั่วยวนเราให้หลงก็ได้  ตำราเขาว่า สิ่งที่มารใช้ตลอดมา  คือ “เกียรติ  กาม และกิน” เรานั่งอยู่กับคนที่ผจญพายุชีวิต คนเจ็บ ผู้ป่วย เมื่อภัยพิบัติต่างๆ พัดเข้ามา  เราอยู่ที่นั่น  เราย่อมต้องต่อสู้ความยากลำบากไปด้วย  เราต้องเผชิญหน้ากับคนที่ต่อต้าน  แต่นี่คือพระประสงค์ของพระเยซู    ผมเคยไปจัดเซลล์ที่คลองเตย  กลางคืน  หลังคาบ้านหลังที่ผมไปประชุมเซลล์มุงด้วยสังกะสี  ขณะจัดเซลล์   มีก้อนหินปาลงบนหลังคาบ้าน หลายก้อน  เจ้าบ้านไม่กลัวอะไร  ผมเดินหิ้วกีตาร์ออกมา ผ่านสนามฟุตบอล  มีเด็กหนุ่มบางคนมาถามผมว่า   อยากได้คนช่วยคุ้มครองไหม  ผมขอบใจน้องเขา  แต่บอกเขาว่า “ไม่ต้องครับ” ผมไม่รู้ว่าเขาจะมาคุ้มครองอะไรผม ผมไม่ได้ไปเป็นศัตรูกับใคร  พระองค์อธิษฐาน   ประโยคถัดไปว่า  “แต่ขอปกป้องเขาให้พ้นจากมารร้าย”

 

 

อย่าลืมน่ะครับ  พระเยซูต้องการให้เราอยู่ในสังคม  เพื่อช่วยคนในสังคม               

                รับเสด็จพระคริสต์เจ้า                   ที่ไหน

                ขึ้นเขาลำเนาไพร                       อยู่ถ้ำ

                แยกตนร้างห่างไกล                    ทุกข์พี่  น้องฤา

                ปลีกตัวมิกรายกล้ำ                     เช่นนี้ดีไฉน

         ผมเชื่อว่าคำอธิษฐานของพระองค์มีฤทธิ์ได้ผล เมื่อเราเชื่อฟังเราสามารถอยู่กับคนในสังคม  ช่วยคนในสังคม ทั้งกลับช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้นด้วย    

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ





Visitor 73

 อ่านบทความย้อนหลัง