พระเยซู ผู้ชูใจนิรันดร์

ศ.บ

 

         การท้อถอย ถอดใจ อ่อนกำลัง เกิดขึ้นกับทุกคน ไม่เว้นผู้เชื่อ หรือ ผู้รับใช้  เราท้อใจได้กับทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องใหญ่มาถึงเรื่องเล็ก  ท้อถอยเพราะคำพูดของคนบางคน เพราะเรื่องที่คาดหวังไม่เกิด เพราะเพื่อนเงียบ ไม่โทรมา  เราท้อถอย เมื่อเราเผชิญหน้าปัญหา  ในการงาน  ในความสัมพันธ์  การเงิน  และแม้แต่ในคริสตจักร  คนท้อ  คือคนที่  ไม่มีความเชื่อมั่น  รู้สึกหมดหวังพ่ายแพ้  และหมดกำลังใจ

         เมื่อโมเสสส่งคนสอดแนม 12 คนเข้าไปสำรวจคานาอัน ก่อนยึดครอง  พวกเขากลับออกมา  คนยิวร้องระงม  เมื่อได้ฟังคนสอดแนม 10 คน บอกว่าในคานาอันมีกำแพงสูง  มียักษ์  รูปร่างใหญ่  พวกเราตัวเล็ก  เราสู้พวกเขาไม่ได้  พวกยิวท้อถอย  ร้องบอกโมเสสว่า   ให้เราตายที่อียิปต์ หรือในถิ่นทุรกันดาร ไม่ดีกว่าหรือ  ทำไมนำเรามาประเทศนี้ให้เราตายด้วยคมกระบี่  (กันดารวิถี 14:1-3)    เอลียาห์  เพิ่งชนะในการพนันขันต่อที่ภูเขาคาร์เมล  ได้ยินคำขู่ของนางเยเซเบล  จะเอาชีวิต  เท่านั้นท่านก็หมดกำลังใจ หมดเรี่ยวหมดแรง  นอนพังพาบที่ใต้ต้นซาก  ทูลพระเจ้าให้เอาชีวิตท่านไปเสีย  “พอแล้วพระเจ้า  พอแล้วพระเจ้าข้า  บัดนี้ขอเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเสีย  เพราะข้าพระองค์ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” ( 1 พกษ 19:4) โยนาห์ท้อถอย  เพราะเมื่อประกาศแล้วชาวนีนะเวห์  ศัตรูของยิวกลับใจ   นั่งฉุนอยู่ใต้ร่มเพิงต้นระหุ่ง ทูลพระเจ้าอยากตายเหมือนกัน  (โยนาห์ 4:1-3)   พวกสาวกของพระเยซู  ท้อถอยเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขน   แม้พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์แล้ว เปโตรยังไม่มั่นใจว่า  พระเยซูยังจะใช้เขาอีกต่อไปไหม   ชวนพวกเพื่อนๆไปจับปลา (ยอห์น 21:3) 

 

            ครับ!!คนเราท้อถอยได้ทุกเรื่อง ทุกเมื่อ

            พระเจ้าทรงทราบเรื่องเหล่านี้ดี  ถึงได้ให้มีของประทานอย่างหนึ่ง ในคริสตจักร  คือ “การเตือนสติและหนุนน้ำใจ”  ถ้ามารจะโจมตีคริสเตียน  หรืองานรับใช้  “การท้อถอย” เป็นอาวุธสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของมัน อาการของคนท้อ

         (1) ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรอีก คนเราลงว่า ท้อใจแล้วก็ไม่มีกำลังทำอะไร หมดเรี่ยวหมดแรง อย่างคนอิสราเอล  เอลียาห์  โยนาห์ และศิษย์พระเยซูเอง  งานก็จบ เอวัง ปิดฉาก มารก็ชอบใจ

          (2) คนท้อถอยมักโทษคนอื่น ไอ้นั่นไม่ดี  ไอ้นี่ไม่ดี  ใครไม่ช่วย  ต้องรบคนเดียว ตนต้องสู้ตามลำพัง  โดดเดี่ยวเดียวดาย   ดูเอลียาห์ซิ  โทษว่าในแผ่นดินที่ตนอยู่ไม่มีใครลุกมาสู้  ตนสู้อยู่คนเดียว  พระเจ้าถึงได้ชี้ให้เห็นว่า  มีอีก 7,000 คน ในอิราเอลที่ไม่ได้คุกเข่าน้อมลงต่อพระบาอัล  พระเจ้ายังเตรียมฮาซาเอลให้เป็นกษัตริย์ซีเรีย  เยฮูเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล  และเอลีชา เป็นผู้เผยพระวจนะคนต่อมา  ดูซิ คนท้อเข้าใจผิดแค่ไหน 

 

                คนเราท้อเพราะอะไร?

1. มองดูปัญหามากกว่า  มองที่พระเจ้า ถ้ามองดูที่พระเจ้า เราจะเห็นว่าไม่มีอะไรยากเกินพระกำลัง ซาราย มีลูกได้ทั้งๆที่เธอเป็นหมันและชรามากแล้ว  ขณะที่ฟาโรห์สั่งให้ประหารเด็กผู้ชายทุกคนที่คลอดใหม่  พ่อแม่ของโมเสสเชื่อว่าลูกชายจะรอด  และพระเจ้าจะใช้เขา  เมื่อโมเสสนำคนยิวมาถึงทะเลแดง คนยิวตกใจกลัว หมดกำลังใจ บ่นอุบพระเจ้าแหวกน้ำทะเลให้พวกเขาเดินไปได้

2. เรามองดูสิ่งที่เราขาดมากกว่าสิ่งที่เรามี  เราคิดว่าเราทำนั่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้เพราะเราไม่มีเงิน ไม่มีแนวร่วม แต่พระเจ้าถามว่าที่เรามีอยู่ในกระเป๋า และคนที่ช่วยเรานั้น มีมากแค่ไหน  พวกสาวก  ไม่รู้จะเลี้ยงประชาชนอย่างไร พระเยซูตรัสถามว่า พวกท่านมีอะไรบ้าง  แล้วขนมปัง 5 ก้อนกับปลา

3. ตัวที่พวกเขามี พระเจ้าก็ให้เลี้ยงประชาชนได้อิ่มหนำหมดทุกคน เราเชื่อคำหลอกลวงของมาร มากกว่าเชื่อความจริง  ทหารของซาอูล ฟังโกลิอัทออกมาท้าทายทุกเช้าทุกเย็น ทุกวันนาน 40 วัน แน่นอน  พวกเขากลัวหัวหดแน่ๆ   ทุกวันจะมาเสียงของใครก็ไม่รู้มาช่วยบอกเราว่า  ทำไม่ได้หรอก  ไม่มีใครเชื่อหรอก  งานนี้มันยาก  โรคนี้พระเจ้ารักษาไม่ได้ ฯลฯ   ดาวิด ฟังเสียงพระเจ้าทุกวัน  ดาวิดไม่เชื่อเสียงโก ลิอัท  ถึงได้ล้มยักษ์ได้

4. เราเชื่อคำพูดลบ ๆของคน  คนยิวร้องระงมทั่วค่าย เพราะฟัง คนสอดแนมขี้ขลาด 10 คน  ดาวิดทุกข์หนัก เพราะทราบว่า คนอามาเลขมาปล้นเมืองศิลาก แล้วจับผู้หญิงทุกคนไปเป็นเชลย  คนทั้งหลายพูดกันว่าจะเอาหินขว้างดาวิดเสีย (1 ซมอ 30:6) แต่ดาวิดมีกำลังขึ้นในพระเจ้า

5. เราคิดสู้ศัตรูด้วยกำลังของเราเองมากกว่า พึ่งพระกำลัง  คนอิสราเอล ไม่กล้าสู้โกลิอัท   เพราะคิดจะใช้กำลังตัวเองปะทะ  แต่ดาวิด เชื่อว่าตนรบชนะได้โดยพระเจ้า (1 ซมอ 17:32,45)

         ผู้ชูใจชั่วคราว หรือนิรันดร์?

         บาระนาบัส  ได้ชื่อว่าเป็นลูกแห่งการหนุนน้ำใจ  วันนี้ อาจมีคนที่มีของประทานอย่างบาระนาบัสในคริสตจักร  ช่วยหนุนใจ  ซึ่งดีมาก  แต่บางครั้งเขาอาจอยู่ไกลตัวเรา  หรือหายหัวไปไหนก็ไม่รู้  เปาโลเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา  ในการรับใช้ก็เพราะบาระนาบัส  วันหนึ่ง ทั้งสองขัดใจกันเรื่องมาระโก  เปาโลไม่อยากได้เด็กคนนี้ไปร่วมงานอีกเพราะ คราวก่อน เมื่อไปประกาศที่แคว้นกาลาเทีย ไปได้ครึ่งทาง มาระโกก็กลับบ้านเสีย  แต่บาระนาบัส  เห็นว่าน่าจะช่วยปั้นเด็กหนุ่มคนนี้ต่อไป  ทั้งสองตกลงกันไม่ได้  จึงแยกทางกัน  เปาโลก็คงจะโดดเดี่ยวซิ  โดยเฉพาะในทีม  ท่านไม่มีคนหนุนน้ำใจ  อย่างบาระนาบัส  แต่เมื่อเขียนจดหมายถึงคริสตจักรเธสะโลนิกา   ท่านเรียกพระเยซูว่า  “เป็นผู้หนุนน้ำใจนิรันดร์”  แปลว่าอะไร  แปลว่า  พระองค์ประทับเคียงข้างท่าน  ไปกับท่านทุกที่  สถิตกับท่าน  คอยหนุนใจท่าน เจ๋งกว่าเดิมไหมล่ะ 

         เปาโลเขียนจดหมายถึงคริสตจักรเธสะโลนิกา  พูดถึงยุคสุดท้าย  ว่าคนนอกกฏหมาย หรือพระคริสต์เทียมเท็จจะมา  สอนผิดๆ ทำนายผิดๆ  ทำการอิทธิฤทธิ์หลอกลวงผู้คน และผู้คนจะเชื่อเขา (2 ธส 2:9-12)  ฟังแล้วน่าท้อเชียว  แต่พระบิดาผู้ทรงรักเรา  ทรงประทานพระเยซูเป็นผู้ชูใจนิรันดร์ให้เรา

          พระเยซูทรงชูใจเราอย่างไร?

  1.    ให้เรารู้ว่าเราเป็นที่รักของพระองค์ (2 ธส 2:13)

         “พระบิดาเจ้าของเรา  ผู้ทรงรักเรา” (2 ธส 2:16) ทรงนำใจของเรามาสู่ความรักของพระองค์ ( 2 ธส 3:5) ลูกมีกำลังใจ  ถ้ารู้ว่าพ่อรักเขา คนไทยเราว่า “คนรักเท่าผืนหนัง  คนชังเท่าผืนเสื่อ” ในโลกเราอาจมีทั้งคนรักและคนชัง   และเราไม่อาจไปบีบคอใครให้มารักเรา  แต่พระบิดา  พระเจ้าสูงสุด ผู้มั่งคั่งที่สุดรักเรา  พอไหมครับ

2.     พระองค์ทรงประทานความรอดให้เรา

         “ทรงเรียกท่านให้มาถึงที่รอด โดยทางข่าวประเสริฐ” ( 2 ธส 2:13-14) พวกสาวกเคยกลับมารายงานอย่างตื่นเต้น  ว่าพวกผีอยู่ใต้อำนาจพวกเขา  แต่พระเยซูตรัสว่าอย่าดีใจ เพราะเรื่องนี้  แต่จงชื่นชมยินดี ที่ชื่อของพวกท่านจดไว้แล้วในสวรรค์  ถาวร ยั่งยืน มั่นคงกว่าไหมล่ะครับ  ผมเคยทำงานบริษัท  แต่ละเดือนผมต้องทำงานให้ได้ตามเป้า  เดือนไหนทำไม่ถึงเป้า  ซุปเปอร์ไวเซอร์  เรียกมาถาม  ถ้าไม่ถึงหลายเดือนติดต่อกัน  การเป็นพนักงานบริษัทของผมก็ไม่มั่นคงเสียแล้ว   แต่การเป็นลูกพระเจ้า  ตราบเท่าที่เราดำเนินชีวิตกับพระองค์ เราเป็นของพระองค์เสมอ

3.      ปั้นเราให้งดงามยิ่งขึ้น 

            พระวิญญาณทรงขัดเกลาเราโดยความจริง  เมื่อเรายึดถือโอวาท สิ่งที่ พี่น้องเรียนรู้จากเปาโล ไม่ว่าทางจดหมายหรือคำพูด (2 ธส 2:13-15)  ลางทีนิสัยเราเอง  ทำให้เราท้อถอย  เพราะเราเคยพ่ายแพ้  โกรธง่าย  อ่อนไหว  ขลาดกลัว  ฯลฯ  เราต้องมีกำลังใจแน่  เพราะชีวิตเรากำลังถูกก่อสร้าง  ถนนที่มีฝุ่นตลบ  มีรถแทรกเตอร์กำลังเกรดดิน  ฉีดน้ำ ไม่มีใครรู้สึกท้อ รำคาญ เพราะรู้ว่าอีกไม่นาน ถนนคอนกรีตชั้นดี กำลังจะเกิดขึ้น  พระเจ้ากำลังปั้นเราครับ

4.  พระเยซูจะเสด็จกลับมา พระองค์จะชนะมาร 

              เปาโลว่า “อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย  หรือตื่นตระหนกตกใจ” (2 ธส 2:2) ทรงบอกให้ทราบว่าทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น  อยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์  และมารจะถูกพิพากษา  พระเอกจะชนะตอนจบ  ผู้ร้ายจะพินาศ 

 

5.  พร้อมช่วยเรา เมื่อเผชิญปัญหาในปัจจุบัน

            ให้มั่นคงไว้  อย่าท้ออย่าถอดใจเสียก่อน  งานนี้ชนะแน่  (2 ธส 2:16-17)  “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัตย์ซื่อ  จะทรงเสริมกำลังท่านทั้งหลาย  และทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย” (2 ธส 3:3) รถยนต์คันที่ผมขับอยู่  มีประกันอุบัติเหตุ  ผมเคยขับรถชน  และโทรเรียกประกัน  ถ้าโทรเรียกแล้วกว่าประกันจะมาถึงที่ที่มีอุบัติเหตุ  มาช่วยเคลียร์  ผมจะรู้สึกอึดอัด  แต่ถ้าโทรปั๊บ ประกันมาปุ๊บ  อย่างนี้ผมจะมั่นใจมาก ผมขับรถอยู่บนท้องถนน วันนี้ มั่นใจเพราะมีประกัน  และมั่นใจขึ้นอีกถ้าประกันถึงมาเร็ว  พระเจ้าทรงเป็นยิ่งกว่าประกันภัยใดๆ 

 

             วันนี้ ท่านกำลังท้อถอยหรือ  พระเยซูทรงอยู่เคียงข้างท่าน  หนุนใจ  พร้อมช่วยท่านเสมอไป ตลอดกาลเสียด้วย ครับ








Visitor 158

 อ่านบทความย้อนหลัง