ดาวิดทูลถามพระเจ้า

ศ บ.

 

 

ดาวิดทูลถามพระเจ้า  พระองค์ตรัสว่า  ”เจ้าอย่าขึ้น   จงอ้อมไปข้างหลังของเขา  และโจมตีเขาตรงข้ามกับหมู่ต้นโพธิ์ ....”    

(2 ซามูเอล 5:23)

          ผมชอบดูหนังประวัติศาสตร์  โดยเฉพาะหนังสงคราม  ไม่ได้ชอบความโหดร้าย  ที่สองฝ่ายยกมาฆ่ามาแกงกัน  เลือดสาด แขนขาด ขาขาดน่ะครับ  แต่ อยากดูว่าแม่ทัพสองฝ่าย  วางแผนสู้รบกัน  นั้นใครวางแผน  ชิงไหวชิงพริบได้ดีกว่ากัน   อย่างสงครามยุทธหัตถีนั้น   พระเจ้าหงสาวดี นันทบุเรง ของพม่า  ส่งพระมหาอุปราชา  มารบกับไทย  ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบพม่าเอามากๆ  เพราะพม่ายกมามากถึง สองแสนสี่หมื่นคน    ส่วนกองทัพไทยสมัยนั้นมีไพร่พลเพียงแสนเดียว    สมเด็จพระนเรศวร   ทรงเล็งเห็นว่าพม่ายกมามากก็จริง  แต่เป็นเด็ก และคนชราที่เกณฑ์มาทำศึกเสียจำนวนมาก   พระองค์ตั้งทัพ ที่หนองสาหร่าย     เผอิญ  เมื่อรบกัน  ช้างทรงของพระองค์ ตกมัน  วิ่งไล่หลงเข้าไปในวงล้อมของพม่า  ซึ่งขณะนั้นมีเพียงทหารรักษาพระองค์และจาตุรงค์บาทเท่านั้น    พระนเรศวร ทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชทรงช้าง อยู่ใต้ต้นไม้  ด้วยปฏิภาณ ไหวพริบ จึงทรงขับช้างเข้าไปท้าพระมหาอุปราชให้มาทำยุทธหัตถีกัน   และผลคือพระองค์สามารถประหารพระมหาอุปราชาได้  ทำให้กองทัพพม่าเสียขวัญ  ถอยทัพกลับไปในที่สุด 

 

          1. ข้าศึกมุ่งรบกับดาวิด

              ดาวิดรบเก่ง  เพราะอ่านเกมรบออก    ในพระธรรม 2 ซามูเอล 5  ดาวิด เพิ่งรับการเจิมเป็นกษัตริย์  เหนืออิสราเอล  “เมื่อคนฟิลิสเตียได้ยินข่าวว่า  ดาวิดรับการเจิมเป็นพระราชาเหนืออิสราเอล   คนฟิลิสเตียทั้งปวงก็ขึ้นไปแสวงหาดาวิด” มารฉวยโอกาส   พอเราเริ่มงาน  มันก็เตรียมเล่นงานเรา  พระคัมภีร์  ใช้คำว่า “ศัตรูขึ้นไปแสวงหาดาวิด”   ไม่ได้บอกว่ามาสู้กับคนอิสราเอล  แต่ใช้คำว่า “แสวงหาดาวิด”  เจาะจงมาก  ถ้าจัดการกับดาวิดได้  ก็สยบคนยิวได้   ทุกวันนี้มันยังทำเหมือนกัน  ถ้ามันสยบ ผู้นำคริสตจักรได้   มันก็กำชัยไว้ในเงื้อมมือของมัน   เมื่อพระเยซูจะเริ่มพระราชกิจ  ขณะทรงถือศีลอดอาหาร   มารมาทดลองพระองค์  ล่อลวงพระองค์ให้ทำผิด  ให้ยอมซูฮกให้มัน  ถ้าพระเยซูพ่ายการทดลอง  ในถิ่นทุรกันดาร   พระราชกิจที่พระองค์จะทำก็จบเห่กัน   แต่พระเยซูไม่แพ้การทดลอง 

          2.  ข้าศึกขู่ให้หวาดกลัว

              วิธีชนะศึก   ดาวิดพากองทัพไปตั้งมั่น  ณ ที่กำบังเข้มแข็ง  ผมนึกภาพว่าเป็นโขดหิน  มีต้นไม้พรางตา ส่วนศัตรูนั้น   แสดงแสนยานุภาพน่ากลัว   “คนฟิลิสเตียยกขึ้นมา  และขยายแนวออกไปที่หุบเขาเอฟราอิม  นี่ถ้าเป็นหนังก็จะเห็นทัพข้าศึกเป็นแนวยาว  จากหน้าจอด้านหนึ่งจรดหน้าจออีกด้านหนึ่ง  แค่เห็นก็ขยาดแล้ว   ทหารดาวิดเห็นทัพใหญ่ขนาดนี้ก็หมดกำลังใจได้ง่ายๆ   กำลังใจของทหารสำคัญแท้  หากคิดว่าตนสู้ไม่ได้เสียแล้ว  ก็จะเสียขวัญ   เป็นการตัดทอนกำลังตั้งแต่ยังไม่ปะทะกัน   มารเป็นนักขู่คริสเตียน    เปโตรบอกว่า “ศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ  ดุจสิงคำราม  เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้”  ( 1 เปโตร 5:8)   แล้วความเชื่อของเรา  บินหายไปไหนก็ไม่รู้   สรุปว่า  “เราสู้ไม่ได้   มารเข้มแข็ง  คนเชื่อพระเจ้ายาก   ไม่มีใครตอบสนอง  เราพ่ายแพ้  คริสตจักรขยายยาก” 

 

         3.   ดาวิดไม่กลัว  เชื่อว่าชนะได้

              ดาวิดไม่กลัว   เชื่อว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่  ฝ่ายเราจะชนะ   เวลาข้าศึกตั้งทัพเป็นแนวยาว  ดูน่ากลัวก็จริง  แต่ทุกแนวก็อ่อนกำลัง     ประเด็นที่ข้าศึกคิดว่าได้เปรียบ  ซ่อนความเสียเปรียบ   งานรับใช้ซ่อนโอกาสชัยชนะไว้เสมอ     ผมเคยดูหนังสงครามหกวัน  ในปี 1967  เมื่อประเทศอาหรับ  คือ อียิปต์  เลบานอน  และซีเรียล้อมกรอบอิสราเอล  รบพร้อมกัน  กองทัพรถถังอียิปต์เคลื่อนทัพมาจะตีประเทศอิสราเอล  มาเป็นแนวยาวหน้ากระดาน  มองดูน่ากลัว   โมเช ดายัน  แม่ทัพยิว  ตัดสินใจให้กองทัพรถถังของยิวทะลวงป็นแนวตรงดิ่ง ผ่ากลางทัพรถถังอียิปต์  มุ่งสู่กรุงไคโร  เมืองหลวงที่ไม่มีกำลังป้องกัน  เพราะทัพรถถังมหึมาพากันออกมาอยู่ที่ทะเลทรายเกือบหมด   กองทัพอียิปต์ต้องยกธงขาว   เพราะกลัวเมืองหลวงพินาศ  คราวนี้ก็เหมือนกัน  ดาวิดยกทัพดิ่งตรงตัดกลางทัพฟะลิศเตีย  “พระเจ้าทรงทะลวงข้าศึกของข้าพเจ้าดังกระแส  ที่พุ่งใส่” ( 2 ซมอ 5:21) เมื่อเราไปประกาศ   ผมเคยได้ยินคนพูดว่า  “คนในหมู่บ้านนี้  ย่ำแย่ถูกมารเล่นงาน  คนติดเหล้า ติดหวย  ติดม้า   ทั้งคนเจ็บป่วยก็มาก”   แต่คนในสภาพเช่นนี้มิใช่หรือที่เปิดใจรับพระกิตติคุณ   ก็คนเจ็บมิใช่หรือที่ต้องการหมอ   มีผู้พูดว่า  สมาชิกของคุณมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนมาก   ก็ผู้หญิงมิใช่หรือที่พระเจ้าให้เขานำคนในสังคม   มีผู้กล่าวว่า  สังคมไทยมาหาพระเจ้ายาก เพราะความผูกพันแน่นแฟ้นในครอบครัว   ก็ความแน่นแฟ้นของครอบครัวมิใช่หรือ  ที่ทำให้คนมาเชื่อพระเจ้ายกครัว

4.    ดาวิดฟังเสียงพระเจ้า

            ยิวรบชนะฟิลิสเตีย  เพราะดาวิดฟังเสียงพระเจ้า    แต่ดาวิดไม่พึ่งความคิดของตนเอง  พระองค์ทูลถามพระเจ้าว่า “ควรที่ข้าพระองค์จะยกไปสู้กับคนฟิลิสเตียหรือ  พระองค์ทรงมอบเขาไว้ในมือข้าพระองค์หรือ” (2 ซมอ. 5:19)    พระเจ้าคือเสนาธิการที่แท้จริง  ไม่ใช่เรา   เรื่องนี้ดาวิด  เข้าใจชัดเจน   งานพระเจ้า  ต้องถามพระเจ้า  ไม่ใช่คิดเอาเองตามใจชอบ   ชนะหรือแพ้อยู่ที่พระเจ้า   เรามีเสนาธิการเบื้องบน  ที่อ่านเกมออก  และไม่เคยแพ้ใคร    คริสเตียน  ผู้รับใช้  ท่านทราบหรือไม่ว่า สงครามการแย่งคนที่พระเจ้าให้เราสู้ศัตรูนั้น   พระเจ้าคือแม่ทัพตัวจริง   เราต้องถามพระเจ้า   “ผู้ใดขาดสติปัญญาให้ผู้นั้นทูลถามพระเจ้า”  เปาโลฟังเสียงพระวิญญาณเมื่อท่านออกไปเป็นมิชชั่นนารี      เมื่อเราเลือกเรียนหนังสือ   สมัครงาน  ทำธุรกิจ   เลือกคู่ครอง  เราถามพระเจ้าหรือเปล่า  ในการประกอบอาชีพ  เลือกถิ่นที่อยู่  เราถามพระเจ้าหรือเปล่า    ดาวิดปรึกษาพระเจ้า  เพราะพระองค์ไม่อยากผิดพลาด    เมื่อดาวิดทำตามคำแนะนำของพระเจ้า  ดาวิดรบชนะ  ประสบความสำเร็จ

       5.   แม้มีประสบการณ์   ดาวิดก็ยังฟังเสียงพระเจ้า

            หลังจากชนะคนฟิลิสเตีย  ได้ไม่นาน  พวกฟิลิศเตียก็ยกขึ้นมารบอีก  ลักษณะการตั้งแนวรบก็เหมือนเดิม  คือตั้งแนวรบที่เขาเรฟาอิม 

(2 ซามูเอล 5:22)

 

           คนเราตัดสินใจอะไรได้แม่นยำยิ่งขึ้น เวลาเรามีประสบการณ์ นี่เป็นเหตุผลที่ นักรบชำนาญศึกได้เปรียบนักรบหนุ่ม   การลองผิดลองถูกของคนเรา ก่อให้เกิดประสบการณ์    ประสบการณ์ทำให้เรามีความั่นใจในการตัดสินใจครั้งต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี่  เราไว้วางใจตนเอง   เราเชื่อถือ  ความรู้ความเข้าใจ   กษัตริย์ดาวิดมีประสบการณ์การรบมาตั้งแต่ก่อนพระองค์เป็นกษัตริย์  ดาวิดเคยฆ่าโกลิอัท เคยรบชนะคนอามาเลข   เคยรบกับกองทัพของซาอูล   เคยยึดเมืองศิโยน  และครั้งล่าสุด  คือพวกฟิลิสเตีย  ยกทัพมารบ  แบบคราวก่อนที่เพิ่งพ่ายไป   พูดตามประสามนุษย์   ดาวิดตัดสินใจได้เลยว่า  จะเอาชนะพวกนี้อย่างไร แต่แทนที่ดาวิดจะตัดสินใจเอง  ตามความรู้และประสบการณ์ของตน พระองค์ ทูลถามพระเจ้าอีก และพระเจ้าทรงชี้แนะวิธีที่แตกต่างไปจากคราวก่อนโดยสิ้นเชิง   คืออย่าเข้าไปปะทะ  แต่ให้อ้อมไปข้างหลัง  โจมตีตรงหมู่ต้นโพธิ์    และเมื่อดาวิดทรงกระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา   พระองค์ก็รบชนะอีก 

        สิ่งที่ดาวิดไม่เคยลืม  ก็คือ  พระเจ้าเป็นจอมทัพ  พระองค์คือผู้วางแผน  เป็นเสนาธิการ  สิ่งที่เราไม่ควรลืมคือ  พระเยซูเป็นศีรษะของคริสตจักร   พระองค์คือเจ้าของงาน และทรงเป็นกุนซืองานทุกชิ้น  สิ่งที่พ่อบ้านไม่ควรลืม คือ พระเยซูเป็นศีรษะของสามี เราไม่มีวันรู้ดีเท่าพระเจ้า ถ้าดาวิดใช้ความรู้ความสามารถของตน  พระองค์ต้องพ่ายแพ้  ถ้าให้ผมเดา  ผมคิดว่าฟิลิสเตียยกมาในคราวหลัง  แบบเดิม  ลักษณะเดิมคงจะคาดเดาว่าดาวิดจะเข้าตีแบบคราวก่อน  เขาคงเตรียมแก้เกมเอาไว้แล้ว แต่พวกเขาพลาดเป็นหนที่สอง บ่อยครั้ง ประสบการณ์ความสำเร็จ ชัยชนะในอดีตของเรา อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราผิดพลาด มันมักทำให้เราย่ามใจ ไม่ปรึกษาพระเจ้า   ขอให้เราจำบทเรียนนี้ไว้       

       “กราบทูลทุกสิ่งสรรพ  จะพบกับความสำเร็จ”

         ขอพระเจ้าอวยพรครับ            





Visitor 361

 อ่านบทความย้อนหลัง