เรื่องสั้น..."เหตุเกิดก่อนวันคริสต์มาส"

โดย :: ทิวสน ชลนรา

หากไม่เพราะมีนัดประชุมโครงการสาธารณประโยชน์ของมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นอาสาสมัครและรับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์อยู่ ผมคงไม่อดทนนั่งรถฝ่าการจราจรติดขัดกว่า 3 ชั่วโมงจากดอนเมืองมาสีลมเป็นแน่ เพราะใครต่างก็รู้ว่าช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี ผู้คนมักออกมาจับจ่ายซื้อของในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ยิ่งในช่วงเย็นเช่นนี้ ที่เคยติดอยู่แล้ว ก็ถึงขั้นเป็นอัมพาตสัญจรเลยทีเดียว

เรานัดประชุมกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม ครั้นดูเวลา ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมง ผมเลยคิดว่าจะแวะที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ สักหน่อย อยากซื้อหนังสือสัก 2-3 เล่ม ไว้อ่านช่วงวันหยุดสิ้นปี

ครั้นขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงชั้น 3 ก่อนจะเดินผ่านไปยังร้านหนังสือ เป็นแผนกของเด็กเล่น พลันหูผมได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วน่ารักชวนฟัง กวาดสายตาหาที่มาของเสียงก็พบหนูน้อย อายุราว 6-7 ขวบในชุดเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ด้านหลังสะพายเป้สีฟ้า ในอ้อมแขนมีตุ๊กตาสุนัขขนปุกปุย มือน้อยๆ กำลังลูบไล้หัวสุนัขไร้ชีวิตนั้น พลางแหงนหน้าสนทนากับสตรีสูงวัยคนหนึ่ง จากอากัปกิริยาของทั้งสอง ทำให้รู้ว่าไม่ได้มาด้วยกัน ผมขยับเข้าไปใกล้ ใคร่อยากรู้ว่าหนูน้อยกำลังพูดอะไร

"นะครับ...คุณป้า ผมอยากซื้อตุ๊กตาลูกหมาให้น้องพลอย ผมมีตังค์ไม่พอ คุณป้าช่วยออกที่เหลือให้ผมหน่อยนะครับ" น้ำเสียงออดอ้อนกับแววตาใสๆ คู่นั้น หากเป็นผมได้สบตาก็คงใจอ่อนเป็นแน่

"เอ่อ...อืมม์..." หญิงคนนั้นอึกอัก หันซ้ายแลขวา "แล้วพ่อของหนูไปไหนซะล่ะ ทำไมไม่ขอตังค์คุณพ่อล่ะคะ" หล่อนถาม

"คุณพ่อเฝ้าคุณแม่อยู่ที่โรงพยาบาลครับ...คุณแม่ไม่สบาย คุณแม่เจ็บ...คุณพ่อบอกว่าคุณแม่กำลังจะไปอยู่กับพระเจ้า คุณพ่อให้ตังค์ผมมาไม่พอน่ะครับ" หนูน้อยว่าพลางเอี้ยวตัวล้วงเงินในซิปกระเป๋าด้านหน้าเป้ให้หญิงคนนั้นดู แต่เธอยังแสดงท่าทีกระอักกระอ่วน

"เหรอจ๊ะ...อืมม์...งั้น เอ่อ...หนูรอป้าอยู่ตรงนี้ก่อนละกันนะ เดี๋ยวป้าขอไปดูของตรงโน้นแป๊บนึง แล้วป้าจะกลับมาซื้อให้จ้ะ" พูดจบก็ผละจากหนูน้อยไป โดยมิทันได้เห็นรอยยิ้มพร้อมดวงตาเป็นประกายคู่นั้น

ผมมองตามหญิงคนนั้น พบว่าเธอได้เลียบๆ เคียงๆ ลงบันไดเลื่อนไป อีหรอบนี้คงยากที่จะย้อนกลับมา

หนูน้อยยัดเงินใส่เป้ดังเดิม ยืนลูบหัวตุ๊กตา พึมพำคนเดียวพอได้ยิน "ดีใจจังเลย คุณป้าใจดีจะช่วยซื้อให้...น้องพลอยจะได้น้องตุ๊กตาลูกหมาแล้ว...พี่จะฝากคุณแม่เอาไปให้น้องพลอย...พี่เอาไปให้น้องไม่ได้"

ผมได้ยินประโยคนี้ ฟังดูแปลกๆ...เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กน้อยเริ่มกระสับกระส่าย ชะเง้อหา สีหน้าไม่สู้จะดี ผมเองก็รู้สึกกระวนกระวายแทน บางสิ่งเร้าภายในใจให้ผมเข้าไปสนทนากับหนูน้อยคนนี้

"หวัดดีจ้ะ… ตุ๊กตาน่ารักนะครับ" ผมเปิดการสนทนาพร้อมรส่งยิ้ม หนูน้อยชะงักหันแหงนมอง

"ครับ" ยิ้มบางๆ พลางหันซ้ายขวา "ผมอยากซื้อให้น้องพลอยน้องสาวผมครับ"

"แล้วน้องพลอยไม่มาด้วยเหรอครับ" ผมถาม

หนูน้อยเหลือบตามองผมเล็กน้อย แล้วก้มมองตุ๊กตาก่อนตอบ

"น้องพลอยมาไม่ได้หรอกครับ น้องพลอยไม่อยู่แล้ว วันก่อนคุณพ่อคุณแม่ พาน้องพลอยกับผมมาเดินที่นี่ น้องพลอยชอบน้องลูกหมาที่สุดเลย น้องพลอยอยากได้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสครับ"

"อ๋อ...หนูเลยอยากซื้อเป็นของขวัญให้น้อง"

"ครับ" พยักหน้าพร้อมยิ้มโชว์ฟันหลอ แต่แล้วก็รีบหุบยิ้ม "แต่ผมมีตังค์ไม่พอซื้อหรอกครับ เมื่อตะกี๊คุณป้าอ้วนๆ บอกจะช่วยออกตังค์ที่เหลือให้ผมด้วยล่ะ...แต่คุณป้ายังไม่มาเลยครับ"

หนูน้อยสีหน้าเปลี่ยนไป คิ้วย่นเพ่งมองตุ๊กตา
"ราคาแพงมั้ยครับ" ผมถามพลางลงไปนั่งยองๆ ตั้งใจคุยด้วย

"พี่คนขายบอกว่า สามร้อยห้าสิบบาทครับ ผมเอาตังค์ให้พี่เขานับ เขาบอกว่า ตังค์ผมยังไม่พอ ยังขาดอยู่ร้อยกว่าบาทครับ"

"หนูอยากได้มากมั้ยครับ"

"ครับ" พยักหน้ารับ "ผมอยากได้ที่สุดในโลกเลยครับ อยากให้น้องพลอย น้องพลอยไม่ซน ไม่ดื้อ น้องพลอยเป็นเด็กดีจริงๆ นะครับ" น้ำเสียงยืนยันหนักแน่น

"ถ้าน้องพลอยมาซื้อด้วย คงจะดีใจนะครับ ที่หนูเป็นพี่ชายที่น่ารัก รักน้องสาวมากขนาดนี้" ผมชื่นชม

"น้องพลอยมาไม่ได้หรอกครับ...น้องพลอยไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว...คุณพ่อบอกว่า คุณแม่ก็กำลังจะตามน้องพลอยไปอยู่กับพระเจ้าเหมือนกัน ผมเลยรีบมาซื้อตุ๊กตา จะได้ฝากคุณแม่ไปให้น้องพลอยทันวันคริสต์มาสครับ"

ได้ฟังอย่างนั้นผมถึงกับสะอึก เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ...แอบล้วงเงินที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง แล้วขยับเข้าไปชิดหนูน้อย ลูบผมเด็กน้อยที่สายตาคู่นั้นยังจ้องที่ตุ๊กตาขนฟูตัวนั้น แล้วแอบหย่อนเงินลงในกระเป๋าเป้ด้านหลังที่ซิปเปิดอยู่

ผมมองหน้าหนูน้อยด้วยความรู้สึกสงสาร ที่เด็กคนนี้ไม่ได้มองสิ่งที่เผชิญเป็นการสูญเสีย และยังมีความเชื่อมั่นโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ

"หนูอธิษฐานกับพระเจ้า เผื่อน้องพลอยรึเปล่าครับ"

"ครับ...ผมอธิษฐาน ตอนน้องพลอยอยู่ ผมกับน้องพลอย คุณพ่อคุณแม่ ก็อธิษฐานด้วยกันก่อนนอนครับ เมื่อคืนผมอธิษฐานคนเดียว ผมอธิษฐานขอให้ได้ตุ๊กตาด้วยครับ"

"หนูเชื่อมั้ยครับว่าจะได้"

"เชื่อครับ" หนูน้อยตอบโดยไม่ลังเล

"น้าว่า..เราลองเอาเงินไปให้พี่คนขายลองนับใหม่อีกทีดีมั้ยครับ จริงๆ หนูอาจจะมีพอก็ได้นะ น้าว่าพระเจ้าต้องฟังคำอธิษฐานของหนูแน่ๆ"

หนูน้อยเชื่อฟัง เอี้ยวตัวล้วงตังค์ในเป้แล้วก้าวฉับๆ ไปหาพนักงานขายให้ช่วยนับ ครู่หนึ่งก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาหาผมที่ยืนรออยู่ห่างๆ...ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาวโรจน์พร้อมฉีกยิ้มกว้าง

"คุณน้าครับ! คุณน้าครับ! ผมมีตังค์พอจริงๆ ด้วยครับ!...เอ่อ...จริงๆ ผมอยากมีตังค์ซื้อดอกกุหลาบสีขาวให้น้องพลอยด้วยแหละ…แต่ผมก็เกรงใจพระเจ้าเลยไม่กล้าขอครับ"

"แต่เงินก็น่าจะมีเหลือพอจะซื้อดอกกุหลาบด้วยไม่ใช่เหรอครับ" ผมถาม

"ใช่ครับ .ทำไมคุณน้ารู้ล่ะ...พี่คนขายบอกว่า ผมมีตังค์ตั้งสี่ร้อยห้าสิบบาทแหนะ...พระเจ้าใจดีจังเลยนะครับคุณน้า" หนูน้อยพูดน้ำเสียงเริงโลด

ผมพยักหน้ารับพร้อมเอื้อมมือลูบผมอย่างเอ็นดู
"งั้นน้าขอตัวไปธุระก่อนนะครับ" ว่าพลางตบหัวเบาๆ

"ครับผม" หนูน้อยตอบพร้อมยกมือไหว้ "สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับคุณน้า บ๊าย บาย"

รอยยิ้มสุดท้ายที่เปื้อนหน้าหนูน้อย เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขส่งผ่านมาถึงผมที่ได้ซึมซับรับเอาไว้ กับการที่ได้ส่งผ่านความรักและสนับสนุนในความรัก ความเชื่อของหนูน้อยคนนี้

* * * * *

เช้าวันถัดมา ซึ่งเป็นวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคม) ขณะเดินผ่านชุดรับแขกหน้าออฟฟิศ สายตาผมได้สะดุดกับข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หัวสี พาดหัวว่า

"นักศึกษาเมาซิ่งฝ่าไฟแดงชนสองแม่ลูกดับ"

ผมนั่งลงหยับขึ้นมาอ่าน แล้วพลิกอ่านด้านใน ได้ความว่า เมื่อเย็นวาน ซึ่งคือวันที่ผมได้พบกับหนูน้อยคนนั้น หนุ่มนักศึกษาดื่มสุราจนขาดสติ ขับรถฝ่าไฟแดงบริเวณแยกสีลม ชนสองแม่ลูก ที่กำลังข้ามถนนตรงทางม้าลาย โดยลูกสาววัย 3 ขวบ เสียชีวิตทันที ส่วนแม่อาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ และเสียชีวิตในเวลาเที่ยงคืนของวันเดียวกัน…

ข่าวนี้สะดุดใจ และสะกดให้ผมอ่านรายละเอียดจนจบ จึงทำให้ทราบว่าผมได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้เหมือนบังเอิญ

เพราะชื่อเด็กหญิงวัย 3 ขวบที่เสียชีวิตนั้นคือ เด็กหญิงพลอยสวย และในภาพข่าวนั้น ข้างๆ ร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่คือ พ่อ และเด็กชายวัย 6 ขวบที่อุ้มตุ๊กตาสุนัขขนปุกปุยตัวนั้น!


* * * * * * * * * *

หมายเหตุ : วาระรีไรท์ใหม่ 15 ธันวาคม 2006 : พล็อตเรื่อง ดัดแปลงจากฟอร์เวิร์ดเมลข้อความบอกเล่าสั้นๆ ที่ได้รับเมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา
Visitor 107

 อ่านบทความย้อนหลัง