ริคาโด กาก้า

 

ศ.บ

แม้ว่าทีมบราซิลของเขา จะตกรอบใน ฟิฟาเวิร์ลคัพ ปี 2010  ริคาโด กาก้า ก็ยังคงเป็นฮีโร่ ในวารสาร “จอย” อยู่เสมอ   ไม่เพียงตะลันต์ความสามารถในการเล่นที่ฉายแสงแบบอย่างชีวิตในพระคริสต์ ทั้งในสนาม และนอกสนามของเขา  แต่เขายังถวายเงินรายเดือนเพื่อสนับสนุน การผลิต ดีวีดี คำพยานของเขาเพื่อประกาศพระกิตติคุณ การเล่นฟุตบอล จะมีมาและจากไป แต่ความกล้าหาญใช้ชีวิตเพื่อพระคริสต์ยังคงดำเนินต่อไป  เป็นแบบอย่างชั้นนำของอาชีพนักแตะลูกหนัง

หนูน้อยที่มีความฝัน

   เกิดในบราซิล  ปี 22 เมษายน 1982 ตอนวัยเด็ก ชื่อเต็มของเขาคือ ริคาโด ไอเซคสัน ไลเต้ ที่เรียกกันว่า ริคาร์ดินโฮ (แปลว่า ริคชาร์ด น้อย)แต่น้องชายคนเล็กของเขา ออกเสียงไม่ถูก จึงเรียกเขาว่า กาก้า อันเป็นที่มาชื่เล่นของเขา คุณพ่อเป็นวิศวกร คุณแม่เป็นครู กาก้าโตขึ้นในบ้านที่มีความเชื่อในพระเจ้า และมีความสุข (ทั้งพ่อและแม่เป็นคริสเตียนร้อนรน)

   กาก้ามีทักษะทั้งการเรียน และการเล่นกีฬา เขาเรียนชั้นอนุบาลในโรเงรียนของแบบติสท์ แม้เป็นเด็กขี้อาย เขามีแววเป็นนักเล่นเทนนิสมืออาชีพ (ในขณะที่ครูทั้งหลาย คิดว่าเขาน่าจะเป็นหมอ)

 

ฟุตบอล โรงเรียน และวินัย

       ตอนเขาอายุ 8 ขวบ ครูสอนพละแนะคุณพ่อของเขาว่า น่าจะส่งกากาๆไป เข้าโรงเรียนสอนฟุตบอล  เขาแสดงให้เห็นว่า เขาชำนิชำนาญกับลูกฟุตบอล และอยากเล่นเป็นอาชีพ  ความจริงเด็กๆชาวบราซิลทั้งหลายใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นนักฟุบอล  คุณพ่อทั้งหลายเอาฟุตบอลมาให้เด็กเล่นตั้งแต่แกยังอยู่ในเปลเลย   เรามักจะเห็นเด็กๆเล่นบอลที่ถนน ที่ชายหาด  และกาก้าก็ไม่ต่างไปจากเด็กเหล่านั้น

       ตอนเขาอายุ 12 ขวบ  เขามีประสบการณ์ลึกซึ้ง ที่นำเขาให้มีอนาคตในพระคริสต์ และการเล่นฟุตบอลอาชีพ ตอนนั้นเขาตัดสินใจรับบัพติสมาในน้ำ และมอบชีวิตให้พระเยซูอย่างเปิดเผย ถึงแม้ว่าชาวบราซิลส่วนใหญ่เป็นคาทอลิค กาก้ากับครอบครัวไปโบสถ์โปรแตสแตนท์มาตั้งแต่บัดนั้น

       “ตอนผมรับบัพติสมา ในปี 1994  มีสิ่งพิเศษเกิดขึ้นกับผม  ผมอธิบายไม่ถูก  แต่หลังจากนั้นผมใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น  และยิ่งรู้จักพระองค์ลึกซึ้งมากยิ่งๆ ขึ้น  ชีวิตผมเปลี่ยน  และไม่เคยกลับไปเหมือนเดิมอีกเลย" กาก้า ยิ่งจริงจังกับฟุตบอลมากขึ้น  แต่ในที่เล็กๆ ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  เขาตามหลังเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันหลายขุม  แต่เขาก็พยายามหนักขึ้น  เขาต้องทุ่มเทมากกว่าคนอื่นอื่นสองเท่า  แต่เขาก็ไม่เสียใจกับช่วงชีวิตตอนนั้น “มันยาก  แต่ผมก็เรียนที่จะต่อสู้ให้ได้สิ่งที่ผมต้องการ”

 

วัยรุ่นผู้ฝันถึงดวงดาว

        ที่โรงเรียนสอนฟุตบอล เขาต้องปรับชีวิตอย่างมีวินัยให้ การเรียน กับฟุตบอลมันสมดุลกัน   เขายังศึกษาพระคัมภีร์ และกีฬาเพื่อพระคริสต์   เป็นพยานอย่างกล้าหาญกับเพื่อนฝูง  และครอบครัว  เขารักพระวจนะตั้งแต่อายุยังน้อย  เพื่อนๆนับถือว่าเขามีความเชื่อมั่นคง

        ตอนเป็นเด็ก  กาก้ามักเล่นฟุตบอลบนเวที และใฝ่ฝัน ว่าวันหนึ่งเขาจะได้เข้าไปอยู่ในทีม เอ ซี มิลาน (ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เข้าไปเล่นในทีมนั้นจริงๆ)  เขาเซนต์สัญญาตั้งแต่อายุ15 ปี  และทุ่มเทให้เป็นไปตามแผน  ตั้งแต่กากายังเป็นเด็กเล็ก ตัวผอมบางกว่าเด็กอื่นๆ  ในวัยเดียวกัน  แย่กว่านั้น  เขาต้องใส่คอนแท็กเลนส์  เพราะสายตาสั้น และต่อมาต้องผ่าตัดตา ใส่เลซิกเลนส์ เพื่อแก้สายตาสั้น     

 

 อุบัติเหตุ

   ชีวิตกาการาบเรียบมา จนกระทั่งเขาอายุ 18 ปี อาชีพของเขาแทบล่มสลายลง เมื่อเขาคอเขาเคลื่อน เกิดขึ้นตอนที่เขาลื่นล้มลงในสระน้ำ  หัวกระแทกพื้น ในสระ ทำให้กระดูกสันหลังของเขาข้อที่ 6 แตก เขาถูกนำไปส่งที่โรงพยาบาลทันที และหมอก็ประหลาดใจว่า นักฟุตบอลคนนี้ยังเดินได้อย่างไร  เพราะเขาน่าจะเป็นอัมพาตไปแล้ว ครอบครัวของเขาขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงรักษาชีวิตลูกชายไว้ แต่ก็รู้ดีว่าต่อไปนี้ลูกจะต้องรับการบำบัดรักษา โดยไม่กลับไปเล่นฟุตบอลอีกเพื่อนๆ และครอบครัวทูลพระเจ้าขอโปรดรักษาเขาให้หายดีเป็นปกติ แม้กาก้าจะต้องใส่เฝือกคอ และนอนบนเตียงนานถึง 2  เดือน เขาจะได้หายดีและใกล้ชิดพระเยซู

      พระประสงค์ และแผนการของพระเจ้า

     เขาพูดว่า “ผมรู้ว่าพระหัตถ์ของพระองค์ปกป้องผม  และทรงควบคุมชีวิตของผม” อุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของกากาหยุดไปชั่วขณะ และอีกครั้งหนึ่ง เขาเห็นว่า “พระเจ้าทรงช่วยผู้ที่รักพระองค์ให้บังเกิดผลดีในทุกสิ่ง  และเรียกเขาตามพระประสงค์ของพระองค์” (โรม 8:28)

     ฝ่ายวิญญาณเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ กากามีความเชื่อ อธิษฐาน และวางใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้น   แม้หลายคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทางลบ  เขาพูดว่า “ผมเชื่อว่า  อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ซ่อนอยู่”  การค่อยๆทุเลา ช่วยให้กากามีเวลาคิด และวางแผนการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขา

        สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนแปลงไป  มันดีขึ้น  กากาเริ่มเป็นดาราในการแข่งขันฟุตบอลอาชีพท้องถิ่น   สื่อต่างจับตามอง  และแม้ในเวลานั้น  เขาก็ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ในปี 2001 มีการแข่งขันระหว่าง รีโอ และท์ เปาโล (ท่ามกลางแฟนฟุตบอล 71,000 คน)  กาก้าได้รับชื่อเสียงระดับชาติทันที  ใน 2 นาทีสุดท้าย  กาก้ายิงประตูได้ 2 ลูก  เป็นชัยชนะของทีมรอง(ที่ไม่เคยมีชัยมาก่อน)ทันทีหลังจากชัยชนะ (ตอนนั้นกากามีอายุ 18 ปี) เขาชูมือขึ้นสู่ฟ้า สรรเสริญพระเจ้าสำหรับชัยชนะ

 

        ชื่อเสียงโด่งดังของเด็กหนุ่ม

แค่ช่วงข้ามคืน ทุกคนรู้จักชื่อกากา และเขาไม่อาจไปที่ไหนโดยหนีสายตาคน  ดาราผู้ถ่อมใจประหลาดใจกับมีเดียฟู่ฟ่า  ไม่กี่เดือนต่อมา วารสารต่างขึ้นรูปเขาหน้าปก พิมพ์รูปเขาที่กระเป๋าแฟนๆ  ผู้หญิงสาวๆกรีด  ทุกๆที่ที่เขาย่างกลาย  เมื่อเขาขอให้มีเดียออกชื่อเขาให้ถูก คาขา บัดนั้น เขาไม่มีปัญหาเรื่องสะกด ชื่อของเขาที่หัวกระดาษหนังสือพิมพ์ 

          เวทีสำหรับพระกิตติคุณ

  กาก้ามีความเชื่อว่า ชื่อเสียงเป็นเวทีให้เขาแบ่งปันเรื่องพระเจ้า ไม่ใช่ให้เขาเย่อหยิ่ง (เพราะคนบราซิล นิยมชมชอบฟุตบอลราวกับถือศาสนา และดาราฟุตบอล  คือคนที่เขานมัสการ)

 

   หลังจาก การยกย่องดารา  กาก้า ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เปเล่ ไปที่ไหน ก็เป็นเป้าสายตาของบรรดาผู้หญิงทั้งหลาย  แต่เขายังคง มุ่งมั่นอยู่กับการเล่นฟุตบอล  ไม่สนใจใคร  จนถึงเวลาของพระองค์

   ในปี 2002 เขาเลือกเข้ามาเล่นในทีมชาติบราวิล ในฟีฟาเวิร์ล คัพ  และแม้เขาไม่ใช่คนสำคัญนักในทีม  เหตุการณ์ก็พาให้เขานำให้บราซิลคว้าชัยชนะในปีนั้น

 

           พบคนรัก

           ทีมของเขา ทำให้บรรดาคริสเตียน สกรีนเสื้อยืด โดยใช้ข้อความ “ผมเป็นของพระเยซู”  และ “พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ” กาก้ายกย่องพระคริสต์ บนเวทีนานาชาติ  และเริ่มเป็นที่รู้จักกับแฟนๆทั่วโลก  ว่าเขาเป็นคริสเตียนที่เปิดเผย  อารมณ์ดี  ยิ้มแย้ม และสงบ

 

             ปี 2002 มิได้เป็นปีที่นำเกียรติมาสู่ประเทศชาติ  เป็นปีที่เขาพบกับคนที่จะมาเป็นภรรยาของเขาในอนาคต คาโลไลน์ เซลิโค โดยผ่านทางครอบครัวของเพื่อน  เขาแลกเบอร์โทรกัน แม้ว่าเธอายุ แค่ 15 ปี และเขาอายุ 19 ปี  ทั้งสองรักกัน กาก้าพาเธอไปโบสถ์  แบ่งปันความเชื่อแก่เธอ หลังจากเธอได้ต้อนรับพระคริสต์  กากาตั้งใจจะแต่งงานกับเธอ (ซึ่งต่อมาก็ลงเอยกันในปี 2005 ที่เวนิช) ทั้งสองได้แต่งานกันอย่างมีความสุข เป็นเวลา 5 ปี  มีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อ ลูกา คาโรไลน์  เป็นนักร้องพระกิตติคุณ เธอทราบดีว่าสามีของเธอเป็นของพระเยซู   พระองค์ต้องเป็นที่หนึ่งของเขาเสมอทั้งสองเป็นที่รู้จักของชาวบราซิล ไม่เพียงแต่เขาเป็นคนมีนิสัยความประพฤติดี ดูดี  แต่เพราะทั้งสองแต่งงานกันโดยไม่เคยไปได้เสียกับใครมาก่อน

 

ความเชื่อ  ครอบครัว  ฟุตบอล  ถูกเรียงตามลำดับ

        กาก้าได้รับรางวัลจากการเล่นฟุตบอลเก่ง และถูกจัดอันดับให้เป็นนักกีฬาดีเด่น ของฟีฟ่า ในปี 2007 แต่ใจของเขามิได้ผยองกับชื่อเสียง และกับสิ่งที่ได้รับ ในยุโรปเขาเข้าไปเล่นทั้งในทีมดังๆ อย่าง เอ ซี มิลาน และ เรียล มาด์ริด  กาก้ามีใจอยากช่วยคนยากจน (กาก้า ทำงานกับ ยู เอ็น และถวายเงินจำนวนมากให้กับคริสตจักร)  หลังจากเขาออกจากงานเล่นฟุตบอล  เขาตั้งใจเรียนศาสนศาสตร์ และเป็นศิษยาภิบาล   ไม่ว่าเขาจะก้าวมาไกลแค่ไหนกับอาชีพของเขา   บุคลิกของกากา และชีวิตส่วนตัวของเขา บ่งบอกว่าเขาคือผู้ชนะ  

 

       ตอนอายุ 28 ปี เขาตรวจสอบตนเองเสมอว่า  ความเชื่อต้องมาที่หนึ่ง  ครอบครัวรองลงมา และฟุตบอลเป็นอันดับสาม

 

      ปัจจุบันนี้ กาก้ามีอายุ 33 ปี  รางวัลที่กาก้า เคยได้รับ อันเป็นเกียรติประวัติสูงสุด คือ (1) บันลงดอร์ (ลูกบอลทองคำ) อันรางวัลสำหรับเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของโลก ปี 2007 (2) ฟีฟ่าเวิร์อล ออฟเดอะเยียร์  นักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟาปี 2007

    วันนี้ กาก้า ยังคงฉายแสงของพระคริสต์ต่อไป  











Visitor 807

 อ่านบทความย้อนหลัง