พระเยซูทรงล้างเท้าสาวก

ศ.บ

ยอห์น 13: 5  “และก็ทรงเทน้ำลงในอ่าง  และทรงเอาน้ำล้างเท้าสาวก  และเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น”

      เรียนความถ่อมใจจากพระเยซู

         ถ้าจะเรียนความถ่อมใจ  เราจะเรียนที่ไหน  อย่าไปเรียนจากโลก  หรือใครที่ไหน แต่ให้เราเรียนรู้การถ่อมใจจาก พระเยซู   เพราะพระองค์ตรัสว่า “จงเอาแอกของเราแบกไว้ และเรียนจากเรา  เพราะว่าเราสุภาพ และใจอ่อนน้อม  และจิตใจของท่านทั้งหลายจะได้พัก” (มัทธิว 11:29) 

         พระเยซูมีสาวก  12 คน  ที่เดินไปไหนๆ กับพระองค์  ท่ามกลางพวกเขา มีการแข่งขันกัน    ยกตนข่มคนอื่น  แก่งแย่งอยากเป็นใหญ่  อยากเป็นคนพิเศษของพระเยซู  อันเป็นระบบของโลก  ที่เราเห็นๆกันอยู่ในโรงเรียน บริษัท โรงงาน หรือองค์กรรัฐบาล และ  ถ้าไม่ระวัง  ก็อาจเป็นระบบที่แทรกเข้ามาอยู่ท่ามกลางผู้เชื่อในปัจจุบันได้    เรื่องที่บันทึกในพระคัมภีร์  คือ  การล้างเท้าสาวกของพระเยซู  สอนให้เรารู้ว่าเราจะถ่อมใจอย่างไร   ซึ่งผมจะเล่าให้ฟัง

        นี่เป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนพระองค์ถูกตรึงที่กางเขน  พวกเขาไปรับประทานอาหารกับพระเยซู   ประเทศอิสราเอล  เป็นดินแดนที่มีฝุ่นเยอะ  เดินไปไหนมาไหน  เท้าจะสกปรกง่าย  เป็นธรรมเนียมของชาวยิว  เมื่อเข้ามาในเรือนเพื่อรับประทานอาหาร  จะมีการล้างเท้าและเช็ดด้วยผ้าให้สะอาด ก่อนจะไปนั่งโต๊ะ  ปกติการล้างเท้าเป็นหน้าที่คนใช้  วันนั้นพระเยซู และพวกสาวกไปรับประทานอาหาร  ให้ห้องที่จัดไว้  ไม่มีคนรับใช้ครับ  ปัญหาจึงมีอยู่ว่าใครจะทำหน้าที่อันต่ำต้อยนี้

 

 ทีนี้ผมขอเล่าเป็นบทกลอน

ใครจะยอมถ่อมตนปรนนิบัติ         ต่างคนต่างปัดป้องจ้องหลีกหนี

แกล้งเชือนแชแลไม่เห็นเป็นหน้าที่    เสียศักดิ์ศรียอมตนเป็นคนใช้

ซีโมนคิดสกิดว่า “ยากอบเหมาะ”   ยอห์นทะเลาะโต้เถียงช่วยเลี่ยงให้

“ซีโมนเองเกรงกริ่งหยิ่งกว่าใคร        ควรถ่อมใจใช่โยนกลองให้น้องทำ”

 อันดรูว์ใส่ในทันทีเพื่อพี่ใหญ่       “ควรหรือให้ล้างเท้าน้องมองน่าขำ

ยอห์นตัวดีนี่แหละช่างแนะนำ            สมควรทำการนี้  พี่เห็นชอบ”

 ยากอบแก้แทนน้องตนทนไม่ไหว  หากมีใจให้อันดรูว์สู้ทดสอบ” 

จะได้เห็นเด่นว่า กล้านบนอบ            สาวกรอบรายเรียงเกี่ยงหน้าที่

 พระเยซูผู้ยิ่งใหญ่พระทัยเลิศ       พระประเสริฐรับใช้ไร้ศักดิ์ศรี

 ถอดฉลองพระองค์มิรอรี                  รัดประคตพระภูมีภูษาพลัน

 นำ อ. อ่าง วางตรงหน้าสาวกทึ่ง   ตกตะลึงตรึงใจอะไรนั่น

ทรงล้างเท้าเช็ดด้วยผ้าน่าอายครัน       จากวันนั้นเลิกเกี่ยงกันและกันเอย

        ธรรมดาคนเรามักถือว่าตัวเราสำคัญ  จึงยกตนข่มคนอื่น  พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างอันประเสริฐที่สุด  พระองค์เต็มพระทัยปฏิบัติผู้น้อย  ทั้งทรงสอนว่า “ถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นใหญ่ในพวกท่าน  ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย  ผู้ใดใคร่เป็นเอกเป็นต้น  ผู้นั้นต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่าน   เปาโลสอนว่า “ส่วนการให้เกียรติแก่กันและกันนั้น  จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว”  การยอมเป็นผู้เล็กน้อย ไร้ศักดิ์ศรี  เป็นคนที่อยู่หางแถว  มิได้ทำให้เราย่ำแย่ลงตรงไหน  สามีที่ยอมรับใช้ภรรยา  หัวหน้าที่ก้มตัวลงปรนนิบัติลูกน้อง  พี่ที่ให้เกียรติน้อง ในสายพระเนตรของพระเจ้า  กลับเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ  แท้จริงไม่มีใครก้าวไปสู่ที่สูงได้โดยไม่ยอมย่างบันไดขั้นต่ำ  จริงไหม? 

      ครับ หากเกียรติภูมิของเราเคยใหญ่คับฟ้า  หากเหลี่ยมของเรามีมากรอบด้าน จนเสียไม่ได้ง่ายๆ เหมือนพวกสาวก  ขอให้เราคิดถึง  อ. อ่าง และการถ่อมพระทัยของพระเยซู พระองค์เป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่สูงสุด  เหนือบรรดาทูตสวรรค์ ใดๆ  พระองค์ทรงยอมถ่อมพระทัยลงมาบังเกิดในโลกนี้  ในคอกวัว ในรางหญ้าต่ำต้อย  พระองค์เติบโตขึ้นในครอบครัวยากจน  ในนาซาเร็ธ  เมืองที่คนกรุงดูถูกดูแคลน  เมืองคนถ่อยที่โนเนม  ทำงานช่วยเหลือคนทุกข์ยาก  โดยไม่คำนึงถึงความสุขสบายของตนเอง  พระองค์ตรัสว่า   “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง  นกในอากาศยังมีรัง  แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่วางศีรษะ”  อยู่กินกับคนบาป คนเก็บภาษี  ช่วยนำโสเภณีให้กลับใจ  กลุ่มคนที่พวกธรรมาจารย์เรียกว่า “พวกนอกรีต”  พระองค์เรียกสาวก  และเป็นผู้นำพวกเขาโดยมิได้ใช้อำนาจข่มขู่บังคับ  แต่ทรงเป็นแบบอย่าง  เมื่อพวกเขาทนงตัว เย่อหยิ่ง แย่งกันเป็นใหญ่ 

 

     พระองค์ทรงสอนพวกเขาโดย  ล้างเท้าพวกเขาเป็นแบบอย่าง  ตรัสว่า “ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  และเป็นอาจารย์ของท่าน  ได้ล้างเท้าของพวกท่าน  พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย  เพราะเราได้วางแบบแก่ท่านแล้ว  เพื่อให้ท่านทำเหมือนดังที่เราได้กระทำแก่ท่านด้วย”  (ยอห์น 13:14-15)   แบบอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์  คือพระองค์ทรงพลีชีพที่ไม้กางเขนไถ่โทษผู้เชื่อทั้งหลาย โบสถ์บางแห่ง  จัดพิธีล้างเท้าเป็นครั้งคราว   แต่ผมเห็นว่า พระองค์ทรงประสงค์ให้เราปรนนิบัติกันและกันในสภาพชีวิตจริงของเรามากกว่า    เริ่มมาแต่ใจ  ใจที่ยกย่องให้เกียรติผู้อื่น  พร้อมปรนนิบัติผู้น้อยด้วยใจรัก  

    การทำให้คนเย่อหยิ่งสยบลง  ไม่ใช่เรื่องง่าย   จะใช้กฏบังคับ   การเอาโทษมาขู่มาเข็ญ  ก็สยบใจคนหยิ่งยากยิ่ง   แต่วิธีการของพระเยซูได้ผล  พระองค์ยอมเสียสละพระองค์เอง  การกระทำของพระองค์แทงทะลุจิตสำนึกของคนหยิ่งได้  ถ้าจะยังหยิ่งต่อไปอีก  ทีนี้พระเจ้าก็คงต้องจัดการความเย่อหยิ่งด้วยพระองค์เอง  เพราะ”พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง   แต่ทรงประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง” (ยากอบ 4:6) 

    การถ่อมใจ  ทำให้เราได้รับพระคุณ  คือความโปรดปรานจากพระเจ้า  และตามมาด้วยพระพร คือ ความมั่งคั่ง เกียรติ และชีวิต  ทะยอยตามมาเป็นทิวแถวครับ (สุภาษิต 22:4)

 





Visitor 1425

 อ่านบทความย้อนหลัง