อาจารย์ผู้ประเสริฐ

การเป็นครูที่ดี อย่างพระเยซู

ศ.บ.

 

“ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ” (ลูกา 18:18)

วันนี้ผมอยากพูดเรื่อง การเป็นครูสอนพระคำ

ในสมัยที่ผมเรียนหนังสือ โรงเรียนของเรามีครูหลายคน ครูบางคนสอนไม่รู้เรื่อง นักเรียนเบื่อ ส่วนครูบางคนสอนดี นักเรียนก็ติดครู ในกรุงเทพฯ มีครูสอนหนังสือที่มีลูกศิษย์ลูกหา มะรุมมะตุ้มรอบครูเช่นนี้ ท่านสอนพิเศษติวนักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัย มีชื่อเสียงโด่งดัง นักเรียนก็บอกต่อๆกัน ทำให้ชั้นเรียนเนืองแน่นเต็มห้อง ผมเคยไปติวกับครูที่มีชื่อสอนวิชาเคมี อ่านหนังสือไม่เข้าใจ พอฟังครูท่านนี้สอน ผมได้ความกระจ่างในเวลาอันสั้น

1. ครูดี มีชีวิตสอดคล้องกับคำสอน

สมัยพระเยซู บรรดาธรรมาจารย์สอนพระธรรม ในพระวิหาร นักเรียนหายหมด พากันออกไปฟัง โน่น ยอห์น ผู้ให้บัพติสมา โน่น ตะโกนสอนเสียงดัง อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดน แต่งตัวก็เหมือนนักพรตฤาษี นุ่งห่มผ้าขนสัตว์ ผมเผ้า หนวดเครารุงรัง แต่คนกลับชอบยอห์น เพราะนิสัยดีกว่า พวกธรรมาจารย์ในพระวิหาร เพราะยอห์นถ่อมใจ ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่เชิดหน้า ไม่ดูหมิ่นดูแคลนนักเรียนอย่างพวกธรรมาจารย์ ทั้งเป็นคนตรง พฤติกรรมกับคำสอนตรงกัน ไม่ใช่พวกปากว่าตาขยิบ หน้าอย่างหลังอย่าง แบบพวกธรรมาจารย์ ที่หน้าตาปราศรัย น้ำใจเชือดคอ นักเรียนไม่ชอบเอาเลย นี่ก็เป็นบทเรียน นิสัยความประพฤติของครู ก็มีส่วนดึงดูดนักเรียน

2. ครูดี สอนให้นักเรียนเข้าใจ

หลังจากยอห์นติดคุก ลูกศิษย์ของยอห์นก็แห่กันมาเข้าชั้นเรียนของพระเยซู พระเยซูไม่เพียงแต่ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับคำสอน พระเยซูทรงสอนเก่งกว่ายอห์นหลายเท่า ทรงสอนและมีคำอุปมาเป็นตัวอย่างประกอบเสมอ เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย พระเยซูสอนทำให้ชาวบ้านชาวช่อง เข้าใจดี ตาสาตาสี ยายมียายมา ฟังพระเยซูรู้เรื่องหมด จำบทเรียนได้โดยไม่ต้องจดบันทึกในกระดาษ สักตัว พระองค์ไม่ได้อ่านสมุดบันทึกเวลาสั่งสอน ชาร์ล จี ฟินนี เป็นนักกฏหมาย และเป็นนักเทศน์ด้วย ท่านบอกว่า เวลาเทศนา ต้องเทศน์ให้เหมือนทนายว่าความ ชี้แจงให้ผู้พิพากษาเข้าใจโดยไม่อ่านกระดาษ คนที่พูดให้คนฟังรู้เรื่อง ตนเองต้องเข้าใจถ่องแท้ ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆ พูดกระท่อน กระแท่น ไม่ปะติดปะต่อ แต่ต้องเข้าใจทะลุปรุโปร่ง พระเยซูทรงเข้าพระทัยในเรื่องที่พระองค์เทศน์ คนฟังสนุก ครั้งหนึ่งพระองค์เทศนาที่ธรรมศาลา ในเมืองคาเปอรนาอูม ธรรมศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลสาปกาลิลี พระองค์สอนให้ถ่อมใจเหมือนเด็ก ตรัสพลาง เรียกเด็กผู้ชายยิวน่ารักคนหนึ่งออกมายืนเคียงข้างพระองค์ อุ้มเขาขึ้นบ่า ตรัสว่า “ถ้าใครไม่ถ่อมใจอย่างเด็กเล็กๆคนนี้ จะเข้าสวรรค์ไม่ได้” คนฟังเข้าใจดี คงมีคนหนึ่งแย้งขึ้นมาว่า “แต่เด็กถูกจูงจมูกง่ายหลงง่ายมิใช่หรือ” พระองค์ตรัสว่า “เรื่องการชักนำให้หลงผิดในโลกนี่ ไม่มีใครอาจห้ามได้ ตราบเท่าที่เราอยู่ในโลก มารก็คงไม่หยุดล่อคนให้หลง แต๋วิบัติแก่คนที่จูงจมูกให้ผู้เล็กน้อยอย่างเด็กน้อยคนนี้หลงผิด คนที่ลวงผู้เล็กน้อยให้หลงนี่ พวกนี้น่าจะถูกลงโทษให้แรง ถ้าจะเอาหินโม่แป้ง ผูกเชือกผูกคอถ่วงลงในทะเล ให้มันดำดิ่งลงไปกลางทะเลก็ยังจะดีกว่า “ ตรัสพลาง ชี้ไปที่หินโม่ที่ต้องอยู่หน้าธรรมศาลา และทะเล พวกสาวกฟัง นึกเห็นภาพที่พระองค์ทรงบรรยาย ทุกคนอดขำไม่ได้ ลางคนหัวเราะกิ๊กกั๊ก จินตนาการเห็นภาพ จอมลวงโลก ถูกเอาหินโม่ยักษ์ผูกคอถ่วงทะเล พระเยซูใช้วัตถุประกอบคำสอนเสมอ คนฟังจึงเข้าใจง่าย


3. ครูดี ต้องจริงจังกับเรื่องที่สอน
พระเยซูจริงจังกับทุกเรื่องที่สอน ไม่ใช่สักแต่พูดๆให้จบเนื้อหาสาระไป ไม่เหมือนจำอวดเรียกเสียงฮา แต่บ่อยครั้งเรียกน้ำตาจากคนฟัง สอนจนคนฟังน้ำตาซึม อย่างตอนที่พวกสาวกเถียงกันว่า ใครจะเป็นใหญ่ที่สุด พระองค์เรียกเด็กเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ มาอีก และตรัสว่า “ในพวกท่านทั้งหลาย ผู้ใดเป็นผู้เล็กน้อย อย่างเด็กน้อยคนนี้ ผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่” (ลก 9:48) แค่นี้พวกเขาก็น่าจะอายม้วนไป นึกว่าเลิกแข่งกัน ต่อมา แม่ของลูกสองคนพี่น้องที่มาเป็นสาวกพระเยซู คือยากอบ และยอห์น มาเข้าเฝ้าทูลขอให้พระองค์มอบตำแหน่งนั่งด้านซ้ายด้านขวาในสวรรค์ให้ลูก 2 คน เล่นเอาสาวกที่เหลือสิบคนฉุนไม่พอใจ พระองค์ต้องสอนเขาว่า ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าท่านเป็นครูที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดทำหมายสำคัญ ซึ่งท่านได้กระทำนั้นได้ นอกจากพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย”(ยอห์น 3:2)

 

นิโคเดมัส อ่านพระเยซูได้ดีกว่าขุนนางเศรษฐีคนนั้น คือ อ่านว่าพระเยซูเป็นครูมาจากพระเจ้า แต่แค่นั้นไม่พอ พระเยซูมิได้เป็นครูที่พระเจ้าส่งมา แต่พระองค์คือพระเจ้าเอง วันนี้มีหลายคนเชื่อว่าพระเยซูคือศาสดาของศาสนาคนหนึ่ง คนที่อ่านออกแค่นี้ไม่พบพระเจ้า พระเยซูมิใช่ศาสดาของศาสนา พระองค์คือพระเจ้า และพระเยซูได้พยายามนำให้นิโคเดมัสพบพระเจ้า โดยนำให้เขาถ่อมใจลงเหมือนเด็กเล็กๆ “ถ้าท่านมิได้บังเกิดใหม่ ท่านจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” เขาต้องกลับใจจากความเย่อหยิ่ง การรักษาหน้าตาตัวเอง และวางใจในพระบุตรผู้เสด็จเข้ามาไถ่โทษบาป และติดตามพระองค์

 

“ผู้ที่วางใจในพระองค์ จะมีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตชั่วนิรันดร์” (ยอห์น 3:15-16) ครูต้องช่วยให้นักเรียนศรัทธา เชื่อ วางใจพระเจ้า มอบตัวให้พระเจ้า ให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นผู้ไถ่โทษบาป เป็นเจ้านายชีวิตตลอดไป 

 

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ



Visitor 69

 อ่านบทความย้อนหลัง