กระเป๋าที่ถูกขโมย
ศบ.

เดือนก่อน ภรรยาและผมเดินทางไปโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับพี่แป๋วและคณะ ก็เป็นการเปิดโลกของตัวเองและครอบครัวให้กว้างขึ้น พอพูดถึงโตเกียว หรืออเมริกา ผมก็หลับตาเห็นภาพ วันนี้ผมจึงขอนำเรื่องของนักธุรกิจญี่ปุ่นคนหนึ่ง มาเล่าให้ฟัง ว่า ภายใต้พระคุณ เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดกับตัวเรา อาจกลับกลายเป็นเรื่องดีได้

บทความต่อไปนี้ ผมแปลมาจากบทย่อความในวารสาร เอสไคว์ ของ บอบ กรีน นักเขียนชาวอเมริกัน ฉบับ เดือนมีนาคม ปี 1989 ถูกนำมาลงใน รีดเดอร์ ไดเจส เดือนมิถุนายน 1989 ครับ หลายปีดีดัก แล้ว แต่ก็ไม่ล้าสมัย

ทาดาโตโย ยามาโมโตะ อายุ 44 ปี เป็นรองประธานบริษัท อีตัน คอปอเรชั่น ของญี่ปุ่น ที่โตเกียว ท่านจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งคราว
ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปชิคาโก พักที่โรงแรม เดรค โฮเต็ล ขณะที่ท่านกำลังเข้าคิวรอเช็คอิน ท่านได้วางกระเป๋าเอกสารไว้บนพื้น แล้วค่อยๆ เขยิบเดินตามคนข้างหน้า พอท่านก้มลงจะหยิบกระเป๋า กระเป๋าของท่านหายไปเสียแล้ว ข้างในกระเป๋ามีเงินอยู่ 129,000 เยน (เป็นเงินประมาณ 900 เหรียญ สมัยนั้น ถ้าเป็นทุกวันนี้ก็เป็นเงินประมาณ 10,500 เหรียญ หรือประมาณ 368,000 บาท ) มีพาสปอร์ท บัตรเครดิต ตั๋วเดินทางกลับ และรูปถ่ายครอบครัว

เขาตกใจสุดขีด รีบวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม เพื่อทราบว่ามีใครพบเห็นกระเป๋าของเขาบ้างแต่ไม่มียามาโมโตะ ลังเลใจ แล้วในที่สุดเขาก็สรุปว่า คงมีใครขโมยกระเป๋าเขาไป บริษัทและกงสุลในชิคาโก ช่วยกรุณาส่งเขากลับมาญี่ปุ่นได้ “ความไว้วางใจคนอเมริกัน ที่เคยเป็นมิตรที่ดี มันมลายหายไปหมดสิ้น” เขากล่าว

 

 

สามสัปดาห์ต่อมา ที่ญี่ปุ่น ยามาโมโตะ ได้รับซองจดหมายจากไปรษณีย์ ข้างในมีบัตรเครดิต ตั๋วเครื่องบิน และของใช้ส่วนตัวของเขา” ที่ซองบ่งบอกให้ทราบว่า มันถูกส่งมาโดย นาย โยเซฟ เลิฟเวอรัส ที่ชิคาโก ไม่มีจดหมายใด ๆ บอกว่าของเหล่านี้มายังไง
ไม่นานนัก ยามาโมโตะ ได้รับอีกซองหนึ่ง ส่งด่วนมาจาก นาย โยเซฟ เลิฟเวอรัส มีตั๋วเงิน ราคา 900 เหรียญ ( ปัจจุบัน ประมาณ 10,500 เหรียญ หรือประมาณ 368,000 บาท) อยู่ด้วย คราวนี้มีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือว่า
คุณ ทาดาโตโย ยามาโมโตะที่รัก
ผมหวังว่า ตั๋วแลกเงิน และของที่ส่งแยกกันมานี้ จะช่วยกู้ความเชื่อในคนชิคาโกบ้าง
จดหมายลงชื่อ โยเซฟ เจ เลิฟเวอรัส

ยามาโมโตงุนงงมาก ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับกระเป๋าเอกสารของเขา
แล้ว นายโยเซฟ เลิฟรัส เป็นใคร ท่านจึงเขียนจดหมายกลับไป ความว่า

มิสเตอร์ เลิฟเวอรัสที่รัก
ผมได้รับตั๋วแลกเงินที่คุณส่งมาให้แล้ว ขอบคุณมากสำหรับความกรุณาของคุณ แต่ผมอยากรู้จักว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเป็นผู้ใหญ่ใจบุญ ผมยังไม่มั่นใจ

ต่อมา เมื่อ ยามาโมโตะ เดินทางไปสหรัฐอเมริกาอีก ท่านได้โทรศัพท์ถึง โยเซฟ เลิฟเวอรัส แล้วยามาโมโตะ ก็พบว่า เลิฟเวอรัส อายุ 66 ปี เป็นทหารผ่านศึก พักที่ห้องหนึ่งในโรงแรมเล็ก ๆ

เลิฟเวอรัส อธิบายให้ยามาโมโตฟังว่า วันนั้น เขาเดินผ่านลานจอดรถ เพื่อเก็บเศษกระป๋องในถังขยะ เขาพบกระเป๋าเอกสารใบหนึ่ง มีเงินและตั๋วเครื่องบินอยู่ในซอกของกระเป๋าที่ขโมยมองไม่เห็น

เลิฟเวอรัส เอากระเป๋าใบนั้นกลับมายังห้องของเขา ข้างนอกกระเป๋า มีชื่อยามาโมโตะ และที่อยู่เขียนไว้ที่สติกเกอร์ กระเป๋าพังยับเยินมากเกินกว่าที่ส่งกลับไปญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอาของต่าง ๆนั้นใส่ซองส่งไปทางไปรษณีย์ เขาไปธนาคาร เพื่อซื้อตั๋วแลกเงินเปลี่ยน จากเงินเยนเป็นดอลล่า โดยออกเงินค่าส่งเอง ส่งกลับไปให้คุณ ยามาโมโตะ

 

 

ยามาโมโตะ รู้ว่าเงินเกือบ 1,000 เหรียญ (สมัยนั้น) นับว่ามากโขอยู่สำหรับเขา แต่เลิฟเวอรัสบอกเขาว่า เขาเป็นคริสเตียน มีเสียงเตือนใจบอกเขาว่า เขาไม่ควรเก็บเงินนี้ไว้ เพราะมันก็มิได้เป็นเงินของเขา
ยามาโมโตะ กลับมาพักที่โรงแรม เดรก อีกครั้งหนึ่ง เชิญเลิฟเวอรัสไปทานอาหารเที่ยง พอรู้ว่าเลิฟเวอรัส รู้สึกอึดอัดกับการเชิญชวน เพราะที่ที่ท่านนัดไปนั้นหรูหราเกินไป เขาจึงเปลี่ยนไปพบกับที่ร้านอาหารแบบซื้อคูปอง สนทนากันนานกว่าชั่วโมง ยามาโมโตะพยายามจะให้เงินรางวัลแก่เขา ซึ่งเลิฟเวอรัสปฏิเสธ ไม่อยากรับไว้ แต่ในที่สุดก็ยอมรับไว้ “ผมไม่เคยพบใคร ใจซื่ออย่างนี้มาก่อน” ยามาโมโตะกล่าว

ผมได้นัดโยเซฟ เลิฟเวอรัส อีก เราทานอาหารเช้าด้วยกันที่ ร้านอาหารจานด่วน เขาอาย หูไม่ค่อยจะได้ยิน ผมต้องพูดกับเขา โดยออกเสียงดัง เพื่อเขาจะเข้าใจผม เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อเขาเปิดกระเป๋าครั้งแรก และพบว่ามีเงินอยู่ในนั้น ความคิดแรกที่มาสู่สมองเขาคือ “เงินนี้ไม่ใช่ของผม” เลิฟเวอรัส ฉลาดพอที่จะไม่ส่งเงินโดยเอาเงินสดใส่ไปในซองจดหมาย ดังนั้นเขาจึงไปยัง ธนาคารเฟิร์ท เนชั่นนัล ของชิคาโก ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่เขาพักหลายกิโลเมตร

“ผมไม่รู้วิธีซื้อตั๋วแลกเงิน” เลิฟเวอรัสกล่าว “แต่คนที่ธนาคารช่วยผม” ธนาคารคิดค่าทำเนียมการซื้อตั๋วแลกเงิน 16 เหรียญ แต่เขาเพิ่มไปอีก 17 เหรียญ เพื่อส่งไปรษณีย์ด่วนไปญี่ปุ่น

โยเซฟ เลิฟเวอรัส มีรายได้เดือนละ 506 เหรียญ (สมัยนั้น) 235 เหรียญได้มาจาก องค์การทหารผ่านศึก อีก 271 เหรียญได้มาจาก ประกันสังคม เขาเช่าบ้านอยู่เดือนละ 265 เหรียญ (เป็นเงินกว่าครึ่งของรายได้) “ผมไม่ไปกินอาหารตามภัตตาคารเลย” เขาอธิบาย “ส่วนมากผมทำสปาเก็ตตี้ทานเองที่บ้าน”

 

เลิฟเวอรัสเล่าว่า เขาเกิดที่เมืองปอเตอริโก คุณแม่ของเขาจากไป เพราะรถยนต์ประสบอุบัติเหตุ ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาโตขึ้นในโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งย้ายไปในที่ต่าง ๆ ถึง 5 แห่ง เมื่อเขาอายุ 20 ปีจึงเข้าไปเป็นทหาร หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาพบปัญหายุ่งยาก เขาแต่งงาน แต่ต่อมาก็แยกทางกัน มีลูกชายคนหนึ่ง ตอนนี้เขาอายุ 38 ปี ซึ่งออกเรือนไปแล้ว

บางคนบอกผมว่า ผมโง่ที่ส่งเงินคืนไป “ผมไม่คิดว่าผมโง่” เลิฟเวอรัสพูด “เงินนั้นเป็นของเจ้าของ มันไม่ใช่ของของผม” เมื่อถามว่า “ทำไมไม่อยากไปทานอาหารที่ร้านหรู ๆ เมื่อยามาโมโตะ ชวนคุณ” เขาตอบว่า “ผมไม่มีเสื้อนอกใส่” เมื่อถามว่า “ทำไมจึงไปคุ้ยหากระป๋องอะลูมิเนียมในถังขยะ” เขาตอบว่า เขาเอาไปขายได้ในราคา กระป๋องละครึ่งเซน และเงินนั้นเขาเอาไป บริจาคให้กองทุนสงเคราะห์ คริสเตียน “คุณรู้ไหม ผมสามารถช่วยเหลือเด็กยากจน วันละ 70 เซน” (แปลว่า วันหนึ่งๆ เขาหากระป๋อง ตามถึงขยะได้ถึง 140 กระป๋อง) เขาบอก
ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ครั้งต่อ ๆ มา ทาดาโตโย ยามาโมโตะ จะไปเยี่ยมเลิฟเวอรัสเสมอ ถ้าไม่พบก็จะเขียนโน้ต ให้เขาโทรศัพท์ไปหาในคืนนั้น “เราได้คุยกันประมาณ 20 นาที” ยามาโมโตะกล่าว “ผมบอกเขาว่า ผมต้องการไปเยี่ยมเยียนเขาทุกครั้งที่เดินทางไปสหรัฐ”
“ผมรู้สึกว่า ผมได้พบเพื่อนแท้ ในตัวคุณยามาโมโตะ” เลิฟเวอรัสพูด “เขาแต่งงาน และมีลูก 2 คน เขาเป็นสุภาพบุรุษครับ”

สำหรับ คุณ ยามาโมโตะ การถูกขโมยกระเป๋าเอกสาร ที่มีทั้งเงิน ทั้งบัตรเอทีเอ็ม พาสปอร์ต ทั้งตั๋วเครื่องบินนั้นไม่สนุกเลย เราอาจโวยวาย และตั้งคำถามว่า มันจะดียังไง แต่เรื่องร้ายมักมีสิ่งดีซ่อนอยู่เสมอ ฝ่ายคุณเลิฟเวอรัส ผู้เชื่อที่ดูเหมือนมีลาภลอยลงมาหา แต่เขากลับคิดถึงใจเจ้าของทรัพย์ คิดถึงน้ำพระทัยพระเจ้า ฟังเสียงเตือนใจที่บอกตัวเขา และตัดสินใจทำสิ่งที่ถูก รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง แล้วผลที่สุด สิ่งที่เขาได้รับคือ มิตรภาพ ที่มีราคาสูง หาซื้อที่ไหนไม่ได้

 

 

เพลง เชื่อพระสัญญา ท้าทายชีวี
(ร้องรับ 2) C
1.พ้นบาป คำสาปแช่ง ทรงเปลี่ยนแปลง ให้สุขสันต์ ที่บนไม้ กางเขน ไถ่ บาปเวร เราพ้นโทษทัณฑ์ วางใจ ในพระคริสต์ ทรงมอบสิทธิ์ เป็นบุตรพระองค์ ทรงโปรดประทาน พระวิญญาณ ดำรง (ร้องรับ 1)


ร้องรับ 1 เชื่อ พระสัญญา ท้าทายชีวี เชื่อพระเยซู พระผู้ทรงราศี อุปสรรคหนักหนา ปัญหาจะถอยหนี เพราะเชื่อพระเยซู พระผู้ทรงราศี


ร้องรับ 2 ถ้าผู้ใดใด ใคร่จะบัญชา สั่งภูผา ว่าจงลอยไป ในทะเลลึก ไม่นึกสงสัย ก็จะเป็นไป ตามนั้นจริง (2X)


2. ยามเมื่อ เราเจ็บป่วย ทรงอำนวย ช่วยรักษา โลหิตตก ฟกช้ำ องค์ทรงธรรม รับบนกายา วางใจ พระเยซู ศัตรูร้าย พ่ายเกรงขาม อยู่ในบังคับ สดับเพราะพระนาม (ร้องรับ 1)
3. ผู้ชอบ ธรรมดำเนิน ก้าวเดินไป ด้วยใจศรัทธา มีพระคำ นำทาง ส่อง สว่าง หนทางชีวา พระดำรัสขัดเกลา จากเยาว์วัย เติบใหญ่กล้าแกร่ง เหมือนองค์พระคริสต์ เพลินพิศล้ำสำแดง
(ร้องรับ 1 ; ร้องรับ 2)


4. เก่งกาจ ของประทาน เราเชี่ยวชาญ การรับใช้ ทำตาม น้ำพระทัย ใจหาญฮึก รู้สึกสบาย ยอมยิน พระวิญญาณ งานประเสริฐ จึงเกิดผล คริสตจักรเพิ่มพูน ทวีคูณสร้างคน
(ร้องรับ 1 ; ร้องรับ 2)


5. ทางชัน ประจันหน้า ดั่งภูผา มาท้าทาย วางใจ ในพระองค์ พระทรงอิท ธิฤทธิ์ มากมาย เก่งกล้า ดั่งดาวิด หาญพิชิต ยักษ์ยิ่งใหญ่ ประสบชัยชนะ เพราะพระทรงอวยชัย (ร้องรับ 1)












 



 



Visitor 58

 อ่านบทความย้อนหลัง