ทำไมจึงทรงละเราไว้ในโลก
ศบ.

 


“ข้าพระองค์มิได้ขอให้เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้จากมารร้าย” ยอห์น17:15

ครั้งหนึ่งเคยมีคริสเตียน มาเสนอผมว่า เขามีภาระใจอยากสร้างหมู่บ้านคริสเตียน ในหมู่บ้านนี้จะมีโรงเรียนคริสเตียน มีโบสถ์ มีโรง พยาบาลของคริสเตียน มี ร้านค้าคริสเตียน คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกในหมู่บ้านแห่งนี้ จะต้องเป็นคริสเตียน คนเข้ามาในหมู่บ้านนี้ก็จะได้ยินเสียงเพลงคริสเตียนดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน ในหมู่บ้านนี้ ก็จะมีความปลอดภัย และรื่นรมย์ ฟังดูดีเหลือเกิน ถามผมว่าผมอยากไปจองบ้านสักหลังในหมู่บ้านนี้ไหม ผมตอบว่า “ไม่” ผมถามกลับไปว่า มันใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าหรือเปล่า ผมคิดว่า มันตรงกันข้ามกับพระดำริของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง ทำไมล่ะ พระเยซูตรัสว่า “ข้าพระองค์มิได้ขอให้เอาเขาออกไปจากโลก” ดังนั้นการอยู่กับคนในสังคม จึงเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า

ดูพระเยซูเป็นตัวอย่าง

พระองค์ทรงประทับและเสวยพระกระยาหารกับคนเก็บภาษี คนที่พวกฟาริสีเรียกว่า “นอกรีต” จนพวกธรรมาจารย์ตำหนิพระองค์ (มาระโก 2:15-16) พระเยซูได้พระฉายาว่าเป็น “สหายของคนบาป” อันเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับพวกธรรมาจารย์ ปุโรหิต หรือเลวี ในสมัยนั้น และตามความจริง ถ้าพระองค์จะประทับอยู่ในสวรรค์ อันปลอดภัยและสุขสบาย พระองค์ก็ทำได้อยู่แล้ว แต่พระองค์ตัดสินพระทัยเสด็จเข้ามาในโลก อยู่กับคนบาปผิดและคนชั่วทั้งหลาย เปาโลกล่าวว่า “ “เพราะ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​รู้จัก​พระ​คุณ​ ของ​พระ​เยซู​คริสต์​เจ้า​ของ​เรา​แล้ว​ ว่า แม้​พระ​องค์​มั่ง​คั่ง ​พระ​องค์​ก็​ยัง​ทรง​ยอม​เป็น​คน​ยากจน เพราะ​เห็น​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​เป็น​คน​มั่ง​มี เนื่องจาก​ความ​ยากจน​ของ​พระ​องค์” ( 2 โครินธ์ 8:9)

ทำไมพระองค์จึงกินอาหาร และคลุกคลีกับพวกเขาทั้ง ๆ ที่พวกยิวรังเกียจ
คำตอบก็คือ เพราะพระองค์รักเขา อยากช่วยเหลือพวกเขา พระเยซูไม่ทรงทราบหรือว่า พวกเขาเป็นคนบาป เป็นคนที่ประพฤติผิด คนเก็บภาษีส่วนมาก ฉ้อโกงจนตนเองร่ำรวย หญิงโสภณี ผิดพระบัญญัติ “อย่าล่วงประเวณี” แต่ที่พระองค์เป็นเพื่อนกับพวกเขา ก็เพราะต้องการช่วยนำคนเหล่านี้ออกมา การแยกตัวออกมาจากสังคมไม่ช่วยใคร ดังนั้นพระองค์ไม่ทรงปรารถนา ให้พวกสาวกแยกตัวออกจากสังคม

การอยู่กับคนในสังคม มีข้อดีอย่างไร

1. เราจะได้เป็นแบบอย่างในการดำเนรินชีวิต “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่าสงของโลก” (มัทธิว 5:14) คนในโลกไม่เข้าใจว่าการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ไม่เข้าใจความรักอากาเป เป็นอย่างไร วิญญาณภายในสำคัญกว่ากายภายนอกอย่างไร ไม่เข้าใจพระเจ้าว่าเป็นอย่างไร พระเยซูตรัสว่า คนทั้งหลายจะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของพระเยซู ก็เพราะเรารักกันและกัน” ถ้าคริสตจักรแยกตัวเองจากโลก คนจะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไร

 

2. เราเป็นผู้ช่วยให้สังคมเปลี่ยนแปลง “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งแผ่นดินโลก” นอกจากผู้เชื่อสร้างรสชาติให้สังคม ผมเชื่อว่า คริสตจักรยังช่วยสังคมเปลี่ยนแปลงด้วย ถ้าเพื่อนพนักงานเขาเล่นหวยกันทั้งห้อง เราเป็นคนเดียวที่ไม่เล่น ชีวิตของเราย่อมสะกิดใจตน

3. เราสามารถพูดถึงความจริง “พระกิตติคุณ” ให้เขาทราบ “ความเชื่อเกิดขึ้นเพราะการได้ยิน การได้ยินเกิดขึ้นเพราะการประกาศพระคริสต์” ถ้าเขาไม่ได้ยิน เขาจะเชื่ออย่างไร เมื่อวาน และวันนี้ผมเดินทางไปโรงพยาบาลโดยนั่งรถแท็กซี่ พร้อมกับภรรยา เรามีโอกาสเป็นพยานให้คนขับรถทั้งไปและกลับ ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าภรรยาและผมไม่พูด เขาอาจไม่ได้ยินพระกิตติคุณอีกเลยก็ได้ ระยะมันสั้นกว่าที่เราจะพูดได้ทั้งหมด แต่เขาก็รับฟังดีด้วยความตั้งใจ เมื่อสัมภาษณ์เขา เขารู้จักพระเจ้าน้อยมาก คนหนึ่งอยู่กาฬสินธุ์ เคยมีคนไปประกาศ เมื่อ 10 ก่อน แต่ไม่สนใจ อีกคนอยู่อุดร เคยเรียนพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์ เหมือนเรียนศาสนา อีกคนอยู่โคราช ไม่มีพื้นเพเรื่องพระเจ้าแม้แต่น้อย แต่รับฟังดีมาก ๆ เปิดหูฟังทุกคน

สาเหตุที่พระเจ้าให้เราอยู่ในโลก ก็เพื่อช่วยคนอื่น

พระองค์ทราบไหมว่า สังคมที่ทรงให้เราเข้าไปอยู่ บางทีเขาก็ไม่ต้องการเรา และต่อต้านเราเสียด้วย ทำไมพระองค์จะไม่ทราบ ในคำอธิษฐานของพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “โลกนี้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์มิใช่ของโลก” (ยอห์น 17:14)
ยอห์นบรรยายถึงพระเยซูว่า “พระองค์ได้เสด็จมายังบ้านเมือง ของพระองค์ และชาวบ้านชาวเมืองของพระองค์ไม่ได้ต้อนรับพระองค์” (ยอห์น 1:11) แม้ทรงทราบอย่างนี้ พระองค์ก็เสด็จเข้ามาในโลก ส่งสาวกออกไปสู่โลก ละผู้เชื่อไว้กับโลก ให้คริสเตียนอยู่กินกับโลก พระองค์ทรงทราบดีว่า เราจะพบความทุกข์ยาก บางคนจะตั้งตัวเป็นศัตรู แต่พระเจ้าก็ทรงห่วงใยเขา ไม่ทิ้งเขา ส่งเราเข้าไปช่วยเขา


ไม่ประสงค์ให้เราไปร่วมทำผิดกับเขา

“เขาไม่ใช่ของโลก” พระเยซูอยู่กินกับคนบาป แต่พระองค์มิได้ร่วมทำบาปกับเขา ถ้าผู้ประกาศเข้าไปนั่งในวงเหล้า แล้วเมาแอ๋ ตาแดงก่ำ เดินกลับบ้านยังไม่ได้เลย แล้วเราจะช่วยคนในวงเหล้าได้อย่างไร ถ้าเราจะช่วยหญิงโสเภณี แล้วเราเองก็คือคนที่เข้าไปมั่วเซ็กส์กับเธอ เราจะช่วยพวกผู้หญิงเหล่านั้นได้อย่างไร เราที่ติดเกมส์จะช่วยเด็กติดเกมส์ได้หรือ เราต้องแยกแยะ ออกอย่างชัดเจน ระหว่าง คนบาป กับความบาป พระเจ้าสอนให้เรารักคนผิด แต่ไม่ใช่ให้เราเออออห่อหมก หรือร่วมทำความผิดกับเขา การช่วยคนตกบ่อลึก ถ้าเราจะกระโดดลงไปในบ่อด้วย เราเองขึ้นมาไม่ได้ แล้วเราจะช่วยเขาได้หรือ จะไม่เข้าข่ายตนตาบอดจูงคนตาบอดหรือ

 

 

หลายคนแก้ปัญหานี้ โดยการไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตใคร เพื่อปกป้องตนเอง ให้ปลอดภัย เหมือนคนที่เคยมาเสนอผมว่า เขาอยากสร้างนิคมคริสเตียน แต่ผมอยากบอกว่านิคมคริสเตียนก็หาได้ปลอดภัยไม่ เพราะอันตราย หรือศัตรูมันไม่ได้เลือกโจมตีเฉพาะคนที่อยู่นอกนิคมคริสเตียน มันตีทุกคนที่อยู่ในโลก

ในคำอธิษฐานของพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “ข้าพระองค์มิได้ขอให้เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้จากมารร้าย” มารโจมตีเราแน่ ไม่ว่าเราจะอยู่ในโบสถ์ หรือนอกโบสถ์ มันปรารถนาจะต่อต้านเรา ส่งคนมาข่มเหง ล่อลวงให้คริสเตียนทำบาป ยุให้รำตำให้รั่ว ขู่ให้ท้อ ล่อให้ทำผิด สำแดงเดชให้กลัว พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อเรา เพื่อเราจะมีชัยชนะ ไม่กลัวไม่ท้อ จะได้ช่วยคนในสังคมต่อไป

การละเราไว้ในโลกที่มีสภาพเช่นนี้ เพื่อช่วยคน

หลายคนคิดว่า สุ่มเสี่ยงกับการทำผิด แต่อย่าลืมว่านี่คือน้ำพระทัยของพระเจ้า แน่นอนต้องเป็นสิ่งดี ไม่เฉพาะโลก หรือสังคมที่เราเข้าไปช่วย แต่ช่วยตัวของเราเองด้วย เราจะเข้มแข็งขึ้น ฉลาดขึ้น มีพลังมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น การปกป้องตนเองในที่ปลอดภัย ในซอกหินไม่สร้างใคร ไม่ทำให้ใครเติบโตหรือแข็งแกร่ง พระองค์ตรัสว่า “คนที่หวงชีวิต จะเสียชีวิต แต่คนที่สู้เสียชีวิตเพื่อพระองค์จะได้ชีวิต” นี่ไม่ใช่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้เชื่อดำเนิน แต่เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นที่ผู้เชื่อจะก้าวเดินไป “พระองค์ใช้ข้าพระองค์เข้ามาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น” (ยอห์น 17:18)

ผมรับใช้พระเจ้ามาหลายปี ผมไม่เคยเห็นคนที่พยายามแยกตัวจากสังคม หรือไม่ติดจะช่วยใครให้มาเชื่อพระเยซู เป็นคริสเตียนแข็งแรง คริสตจักรก็เช่นเดียวกัน ผมไม่เคยเห็นคริสตจักรที่ไม่พยายามประกาศแข็งแรง ซี ปีเตอร์ แวคเนอร์ เคยพูดเรื่องนี้ เพราะมีผู้อ้างว่า “คริสตจักรของตนมีคุณภาพสูงมาก แม้มีปริมาณลดลง” แปลง่ายๆ ว่า “แม้คริสตจักรจะไม่ประกาศ แม้ไม่นำคนใหม่เข้ามาเชื่อ แต่คุณภาพของสมาชิกของตนนั้น เจริญเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าคริสตจักรใด ๆ” อาจารย์ท่านว่า คำกล่าวอ้างนี้ไม่เป็นความจริง สมาชิกคริสตจักรที่ไม่ประกาศ ไม่ช่วยคนในสังคมที่กำลังพินาศรอบตัว จะมีคุณภาพสูงได้อย่างไร อาจารย์ท่านว่า เขาคงเข้าใจว่าคุณภาพสูง เพราะมีความรู้มากขึ้น แต่ใจนั้นดำอำมหิตแท้ เพราะรู้มาก แต่คิดเอาตัวรอดอย่างเดียว อย่างนี้จะเรียกว่ามีคุณภาพได้อย่างไร คุณภาพมิได้อยู่ที่ความรู้ แต่อยู่ที่จิตใจต่างหาก คริสตจักรเยรูซาเล็ม พอเริ่มต้น ก็ประชุมทั้งที่พระวิหาร และตามบ้านเรือน ผู้เชื่อใหม่นำคนมาเชื่อพระเจ้าทุกวัน ๆ คนเหล่านั้นยำเกรงพระเจ้า ประกาศ และพวกเขาก็เข้มแข็งขึ้น (กิจการ 2: 42-47)

อย่าลืมนะครับ
พระเจ้าไม่รีบเรียกเรากลับบ้านเร็ว หรือยังให้เราอยู่ในโลกนี้ วันนี้ เพราะพระองค์มีพระประสงค์ให้เราช่วยคน ผมดีใจที่เห็นพี่น้องทุ่มเทประกาศ ยินดีกับงานพันธกิจ เข้ามาเรียนพระคัมภีร์ ชั้นสาวก เรียนในศูนย์ฝึกอบรม ยินดีถวายทรัพย์ รักเด็กรวีฯ รับใช้ตามของประทาน ออกไปทำกลุ่มเซลล์ ประกาศตามชุมชน หมู่บ้าน เป็นพยานส่วนตัว แต่ถ้าเราไม่คิดจะช่วยใคร พระเจ้าอาจให้เรากลับบ้านเร็วก็ได้ เพราะไม่รู้จะละเราไว้ในโลกนี้ทำไม














Visitor 93

 อ่านบทความย้อนหลัง