“คริตมาส ทำให้ เรามีความหวัง”

ศบ.

 


“พระวาทะ (พระเยซู) ได้บังเกิดเป็นมนุษย์ และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยอห์น 1:14)

คนเราจะพบคำตอบปัญหาชีวิต และความสุขได้อย่างไร? สันติสุขแท้ หาได้จากที่ไหน?

โลกทุกวันนี้หาความสงบ และปลอดภัยได้ยากขึ้นทุกที ตอนผมเป็นเด็ก มีสงครามระหว่างคอมมิวนิสต์กับโลกเสรี โลกสมัยนั้นแยกประเทศต่าง ๆ ออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ปกครองกันคนละแบบ มีสงครามตรงชายแดนเห็นได้ชัดเจน แต่ทุกวันนี้ กลุ่มผู้ก่อการร้ายกระจายไปทั่วทุกหัวระแหง เสียงระเบิดเกิดขึ้นเนือง ๆ ในเมืองสำคัญที่เราคิดว่าปลอดภัยแล้ว คนรุ่นก่อนเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างเรียบง่าย สมัยนั้นพ่อแม่มีลูก 5-6 คน ถือเป็นเรื่องสามัญ ทุกวันนี้ใครมีลูก 2 คนนับว่าเก่งแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้นหลายเท่าตัว ข้าวของที่แพงขึ้น เป็นภาระหนักให้เรา

 

ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ อบายมุขในสังคมทุกวันนี้ระบาดกันหนัก กั้นขอบเขตกันยากยิ่ง ตอนผมเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เพื่อน ๆ จะดูหนังโป๊ก็นัดกันปิดห้องฉายหนัง 8 ม.ม. ใครไม่ดู ก็ไม่ต้องเข้าห้อง คนที่เอาหนังโป๊เข้ามาในประเทศ ต้องแอบศุลกากรไม่ให้ถูกริบที่สนามบิน แต่วันนี้ ซีดีหนังโป๊ราคาถูกเกลื่อนเมือง ในอินเตอร์เน็ตก็เต็มไปหมด แค่เปิดเน็ต กูเกิล เฟสบุ๊ค เพื่อค้นหาเหมือนเปิดสมุดโทรศัพท์ มันก็โผล่เว็ปพิสดารออกมาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เรียก ผมโตขึ้นมาในบ้านที่ไม่เคยเห็นหวยใต้ดิน ใครขายกันที่ไหนก็ไม่รู้ เห็นแต่ล็อตเตอรี่ วันนี้คนสามารถเล่นการพนันในโลกออนไลน์ได้ด้วย การโฆษณาขายเหล้ายี่ห้อต่าง ๆ ลงทุนกันสูงมาก เราเห็นผลชัดมากตอนสงกรานต์ พิษเหล้าทำให้คนตายในแต่ละปีเยอะเหลือเกิน เกมส์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความหนักใจให้แก่พ่อแม่ในยุคปัจจุบัน เป็นไฮเทคที่แทรกความดุดัน โหดร้าย กระชากใจเด็กให้เห็นเรื่องร้ายเป็นเรื่องสามัญ ใจเด็กก้าวร้าวเกินคน ผมยังไม่ได้พูดถึงเรื่องบาร์ เรื่องไนต์คลับ คาเฟ่ มันหนักขึ้นเยอะครับ

แล้วสิ่งที่เราพยามแก้ไขเราก็แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เราเขียนคำขวัญให้กับคนที่ดื่มเหล่าว่า “เมาไม่ขับ” ทำไมเราไม่คิดเลิกดื่มเหล้าล่ะ ในเมื่อเหล้ามันไม่ดี ทำไมเรายอมให้โฆษณากันแบบโจ๋งครึ่ม และแม้เรารู้ว่าผิดศีลห้าแต่เราก็เลิกไม่ได้ เราแก้ปัญหาคนสูบบุหรี่ โดยจัดให้มีวันงดสูบบุหรี่ของโลก ถามว่าทำไมเราคิดงดสูบบุหรี่กันแค่วันเดียว เราห้ามเอาบุหรี่มาวางไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำไมเราไม่ห้ามขายเสียเลย ก็ในเมื่อมันไม่ดี ทำให้มันเป็นของหายาก อย่างยาบ้าดีไหม ในคาเฟ่ไนต์คลับ บาร์ มีอบายมุข วิธีแก้ที่เราทำกันก็คือ เราไม่อนุญาตให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้า แล้วคนที่อายุเกิน 18 ปี ละ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเขาหรืออย่างไร

พูดถึงการแก้ไขปัญหากันที่ปลายเหตุ บ่อยครั้งเราคิดหาคำตอบง่าย ๆ ว่า ถ้าเงินมากขึ้นเราต้องดีขึ้น ถ้าเรามีโน่นมีนี้ ปัญหาต่าง ๆ จะหมดไป ผมเห็นว่าทุกวันเราก็มีเยอะพอสมควรแล้ว แต่จิตใจของคนยังดำดิ่งลงเหวเงินคงไม่ใช่คำตอบแน่ เรื่องการถือศีลล่ะ การถือศีลหรือถือพระบัญญัติเป็นสิ่งดี แต่ปัญหาของการถือศีลอยู่ที่ไหน คนไทยเราถือศีลกันเฉพาะเทศกาล ลึกลงไปกว่านั้นเราถือศีลกันพอเป็นพิธี ในขณะที่จิตใจของเราไม่ได้เปลี่ยน แปลงอะไร เรารักมัน ชอบมัน แต่ถูกหักห้ามกันภายนอกเท่านั้น พอเผลอมันก็โผล่ขึ้นมา ณ วันนี้ดูเหมือนเรายังพยายามแก้ไขปัญหากันที่ปลายเหตุ และยังหาหนทางแห่งความจริงไม่พบ

พระคริสตธรรมคัมภีร์ชี้ให้เห็นว่าการแก้ปัญหาสังคม ที่แท้จริงต้องแก้ที่คน การแก้ปัญหาของคนต้องแก้กันที่ใจ และการแก้ที่ใจ อันดับแรกคงไม่ใช่คนอื่นคนไกล ต้องเป็นตัวของเราเองเป็นอันดับแรก หากเริ่มได้ที่ตัวเราความสุขก็เกิดกับเราก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายวงกว้างออกไปถึงไหน ๆ ก็ได้ เมื่อใจของคนในสังคมเปลี่ยนสันติสุขก็เกิดขึ้นในโลก
ผมพูดอย่างนี้เหมือนเป็นการฝันถึงอุดมคติสวยหรู แต่ในความเป็นจริงเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ไม่หรอก เรื่องนี้เป็นจริงได้!!!

 

พระเจ้าต่างหากทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก้ไข สองพันปีแล้วที่พระองค์ทรงส่งพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์มาบังเกิดในโลกของเรา เพื่อช่วยให้ชาวโลกมีความสุข วิธีแก้ไขของพระองค์ยังดำเนินต่อไปไม่หยุด แม้ดูเหมือนเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง แต่ผมก็ทราบรายงานจากมุมต่าง ๆ ของโลกว่า ไม้ซีกอันนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ คนที่ต้องการรับการช่วยเหลือจากพระองค์ทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ สันติสุขเริ่มจุติขึ้นในใจของเขา แล้วก็ขยายวงกว้างออกไป

พระเยซูที่เสด็จเข้ามาประสูติในวันคริสตมาส ช่วยให้เรามีสันติสุขได้อย่างไร
“พระคริสตธรรมคัมภีร์ชี้ให้เห็นว่าการแก้ปัญหาสังคมที่แท้จริงต้องแก้ที่คน การแก้ปัญหาของคน ต้องแก้ที่ใจ” ยอห์น 1:17 “เพราะว่าพระเจ้าทรงประทานพระบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณ และความจริงมาทางพระเยซูคริสต์”

ประการแรก ความจริง และคำตอบมาทางพระเยซู

แต่ก่อนแต่ไร เวลาคนเราคิดจะเอาชนะใจบาปของตนเอง เราก็พึ่งพระบัญญัติหรือการถือศีลกินบวช อาศัยกฎที่ดีงามมาช่วยห้ามใจไม่ให้ทำ ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละ นี่คือวิธีการภายนอก ไม่อยากให้คนเข้าบาร์ก็กำหนดอายุ ลูกต้า จำกัดเวลาเปิดปิด เก่งกว่านั้นอีกก็สั่งปิดกิจการเสีย แต่ทั้งในใจของลูกค้าและพ่อค้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร พ่อค้าถ้าหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองได้ก็เอาทั้งนั้น ลูกหลานใครจะพินาศอย่างไรข้าไม่สน ขอให้ตัวเองร่ำรวยขึ้นพอ ลูกค้าก็ไม่ต่างกัน ตักตวงความสุขทางเพศเฉพาะหน้า เอาตามอารมณ์ไว้ก่อน เป็นโรคร้ายอะไรก็ตามมาเก็บไว้คิดทีหลัง ส่วนตัวเราซึ่งชอบมันก็พยายามข่มใจตนเอง โดยการยึดเอาบัญญัติมาหักห้ามใจ ท่องบ่นศีล เขียนติดข้างผนังให้ทราบกันชัด ๆ ว่ามันไม่ดี ไม่ควรไปมั่วสุม ไม่ควรทำ แต่เพราะใจไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรพอมีสิ่งเหล่านี้มาล่อใจ ก็พ่ายแพ้ โมเสสเคยมอบบัญญัติสิบประการไว้ให้คนยิว ไม่โกหก ไม่ล่วงประเวณี ไม่โลภทรัพย์ วิธีของโมเสสดี แต่ก็แก้ไขภายนอกด้วยเช่นเดียวกัน

“พระเจ้าต่างหากทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก้ไขสองพันปีที่แล้วพระองค์ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาบังเกิดในโลกของเรา เพื่อช่วยชาวโลกให้มีความสุข”

เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในโลก พระองค์ทรงเปิดเผยความจริงให้ทราบว่าอะไรถูกอะไรผิด พระเยซูทรงชี้ให้เห็นว่าบัญญัติแท้ห้ามมาแต่ใจ ไม่ใช่พฤติกรรม หรือ วาจาภายนอก การดุด่าหยาบคายมาแต่ใจเกลียดชัง การผิดผัวผิดเมียมาแต่ใจข้างใน การถือศีลภายนอกที่ไม่ได้ถือมาแต่ใจนั้นไร้ผล ล้มเหลว ยิ่งกว่านั้น พระเยซูทรงดำเนินชีวิตในโลกเป็นตัวอย่างให้พวกเราได้ดู การใช้ชีวิตเอาชนะการเย้ายวนนั้นทำอย่างไร ไม่ใช่สอนแต่ในทฤษฎี แต่ในชีวิตจริงทำไม่ได้ พระองค์ทรงดำเนินท่ามกลางกระแสการจับผิดและการยั่วยุให้ทำผิด แต่พระองค์มิได้ทรงทำผิดกฎศีลธรรมใด ๆ ชีวประวัติของพระเยซูในโลกนี้ 33 ปี เป็นแบบฉบับให้ผู้เชื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

ประการที่สอง ทรงประทานพระคุณให้เรา

ธรรมดาเปลี่ยน ใจที่เห็นแก่ตัว ให้กลายเป็นใจรัก นั้นยากนัก วิธีการของพระองค์คือการใช้พระคุณนำหน้าไม่ใช่พระเดช การใช้พระเดชคือการบีบบังคับให้คนเปลี่ยน ก็เป็นวิธีการที่เราใช้กันทั่วไปแต่มันทำได้แค่ภายนอก ผิดก็ตี บาปก็ลงทา เอาเข้าจริงก็เปลี่ยนใจใครไม่ได้ เพราะอาศัยความกลัวเป็นหลัก ไม่ใช่ความรัก พระองค์ทรงยอมทุกข์ทรมาน ที่สุดพระองค์ทรงยอมวายพระชนม์ที่กางเขน ทรงยอมรับโทษทัณฑ์ที่มิได้เป็นความผิดของพระองค์ พระเยซูทรงเกลียดชังความบาป แต่พระองค์ทรงรักคนผิด และเชื้อเชิญให้เขากลับใจใหม่ เหมือนพ่อมีลูกต้องไม่เคยเห็นด้วยกับความดื้อดึง ของลูกแต่ก็ยังรักลูกเสมอ เอาบัญญัติไปสอนลูกแค่ไหน ใจของลูกก็ไม่ยอมเปลี่ยน สอนจนต้องหามพ่อเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู คนไทยเราว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา วันนั้นพ่อทำท่าจะจากไป โลงศพกำลังมาเยือน พ่อพูดกับลูกแค่สองสามคำเท่านั้น “รักพ่อเลิกดื้อนะลูก” ใจลูกเริ่มละลายลงมาราวกับขี้ผึ้งโดนไฟ ลูกเห็นความรักของพ่อจึงเริ่มเปลี่ยนใจ นี้คือสิ่งที่พรเยซูทรงกระทำกับเรา การทนทุกข์ทรมานที่ไม้กางเขน ไม่ต่างไปจากโลงศพที่ช่วยให้เรากลับใจใหม่

 

พอใจเราเปลี่ยน ออกจาก “การเห็นแก่ตัว” มา “มีชีวิตเพื่อพระเจ้าและคนอื่น” รักพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปหมด ตัวเรามีความสุขมีพลังสดชื่น บัญญัติไม่เป็นภาระ โลกนี้สดใสน่าอยู่ ยังแถมมีพลังอำนาจที่จะช่วยให้สังคมรอบตัวของเราเปลี่ยนแปลงได้เสียด้วย นี่คือพระคุณความรักที่พระเจ้าทรงประทานมให้เราซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันคริสตมาส

ยอห์นจึงบอกว่า คริสตมาสคือการที่พระเยซูเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์อยู่ท่ามกลางเรา สำแดงทั้งพระคุณ และความจริง ช่วยคนเราจริง ๆ ผมเห็นผู้คนที่ต้อนรับพระคริสต์เปลี่ยนแปลงชีวิตและมีความสุขจำนวนมากทั้งในบ้านเราและในต่างประเทศ และมีกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เคยเป็น”เสือ” กลับสุภาพเหมือน “แมว” เคย “ร้าย” กลับกลายเป็น “ดี” เคย “หมดหวัง” กลับกลายเป็นคนที่มี “ความหวัง” เคยงกเงินโกงทรัพย์กลับกลายเป็นคนมีเมตตาต่อคนอื่นอย่างน่าอัศจรรย์ ความสุขหลอก ๆ แกน ๆ พอประทังย้อมใจด้วยเหล้ายาปลาปิ้ง ให้คลายทุกข์ไปวัน ๆ กลายเป็นการร้องเพลงอย่างสุขใจโดยไม่ต้องดื่มต้องดวลอะไรให้เสียสตางค์ และสติสัมปชัญญะ เชื่อผมเถอะ คริสตมาสเป็นคำตอบ พระเยซูสามารถช่วยท่านได้จริง ๆ เพียงแค่ท่านมอบใจของท่านให้พระองค์

ขอให้มีความสุขในเทศกาลคริสตมาส และปีใหม่2017 นะครับ


















Visitor 94

 อ่านบทความย้อนหลัง