บนเส้นทางความเชื่อ (ตอนที่ 3)


อรัญญา ศรีชอบธรรม

 


ความรัก...คือทางเลือก



ตลอดชีวิตของมนุษย์ทุกคน ต้องเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ และเหตุผลที่เลือกนั้นอยู่กับจิตสำนักของคนนั้น ๆ ฉันก็เหมือนกันได้เลือกผิดเลือกถูก โดยยึดความต้องการของตนเองบวกกับความอวดดีว่าเป็นคนเก่ง คนดีต้องชนะทุกเรื่อง จึงทำความเลวความชั่วไว้มากมาย แม้จะทำความดีไม่น้อยก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนเลว เวลานั้นฉันไม่สำนึกตัวเลยคิดแต่ว่าคนที่ด่าฉันเพราะเขาไม่รู้จักฉันดี จนมาพบพระเจ้าจึงตระหนักรู้ว่า แท้จริงฉันเป็นคนชั่วช้า เลวทราม บาปหนาจริง ๆ ฉันถูกพระเจ้าขัดเกลาจิตใจ ความคิดจนเจ็บแสบปวดร้าวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วด้วยพระคุณพระเจ้าบาดแผลหายอย่างรวดเร็วและไม่กลับมาเป็นอีก แม้บางรอยจะปรากฏริ้วรอยขึ้นมาอย่างเลือนราง พระองค์จะทรงรักษาให้หายอย่างรวดเร็วครั้งแล้วครั้งเล่าจนหายสนิทไม่เกิดริ้วรอยอีกแล้ว (โยบ5:17-18)

เพราะฉันเอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้งทุกเรื่องที่ทำจึงไม่คิดถึงคนอื่นจนฉันแต่งงานมีลูกสาวคนแรกนั่นแหละทางเลือกของฉันจึงเปลี่ยนไป เอาความรักลูกเป็นเป้าหมายเงินชื่อเสียงไม่สำคัญอีกต่อไป ฉันตัดสินใจออกจากงานอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ยังรับงานมาทำที่บ้านมีรายได้ดีพอสมควร ต่อมาฉันมีลูกชายอีก 2 คน เลี้ยงลูกเหนื่อยจริง ๆ เพราะลูกทั้ง 3 คนเลี้ยงยากมาก ฉันไม่เคยบ่นไม่ท้อใจ เพราะรักพวกเขามากตั้งใจให้ลูกทุกคนต้องเรียนจบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ แล้วความหวังเริ่มเลือนรางเมื่อพวกเขาเริ่มโตขึ้น คงแต่ลูกสาวคนเดียวที่สมดังตั้งใจ ฉันจึงเปลี่ยนความตั้งใจกับลูกชาย เรียนอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี อย่าออกไปรบราฆ่าฟันอย่างเด็กวัยรุ่นเขาทำก็แล้วกัน

แล้วเรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น ฉันป่วยเข้าโรงพยาบาลอยู่เดือนกว่า หาสาเหตุไม่ได้(ฉันเขียนคำพยานเรื่องนี้ไปแล้ว)กลับมาอยู่บ้านสติสตังค์เลอะเลือนทำอะไรไม่ได้ งานที่รับมาทำยกเลิก รายได้หดหาย รายได้จากพ่อบ้านไม่เพียงพอ ฉันต้องประหยัดสุดขีด สุขภาพแย่อยู่หลายปี

จนถึงวันที่เข้าโบสถ์นั้นแหละ ชีวิตฉันและคนในครอบครัวทุกคน เริ่มเปลี่ยนทีละน้อย ๆ ความหวังที่จะเห็นลูกชายทั้ง 2 คนเรียนจบปริญญาตรีกลับมาอีกครั้ง และสมหวังในที่สุดด้วยพระคุณพระเจ้าจริง ๆ สุขภาพฉันแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และหนทางที่ฉันต้องเลือกก็ทอดยาวเข้ามาหาฉันอีกถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเจ้านายเก่าติดต่อให้ฉันเป็นบรรณาธิการทำนิตยสารเล่มหนึ่ง ให้เงินเดือนสูงมาก ฉันคิดแล้วคิดอีก เงินก็อยากได้ แถมชื่อเสียงจะตามมาด้วย เพราะฉันเคยทำแล้ว ฉันมองลูก ๆ แล้วคิดว่าใครจะดูแลพวกเขา ฉันเป็นห่วงพวกเขาที่สุด ที่สุดก็ปฏิเสธไป ไม่นานทางเลือกใหญ่ทอดมาอีก ผู้ใหญ่ที่นับถือติดต่อให้ฉันทำงานด้วยด้านละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ ให้เบอร์โทรหาผู้อำนวยการสร้างพร้อมกำชับให้ติดต่อไปด่วน เพราะท่านเสนอชื่อฉันเข้าไปแล้ว ครั้งแรกฉันตื่นเต้นมากดีใจจนบอกไม่ถูก ถึงกับบอกลูก ๆ ว่า ขอเวลา 5 ปี พวกเราจะมีบ้านหลังใหญ่ 200 ตารางวาอยู่และมีรถเบนซ์นั่งด้วย เวลานั้นฉันอาศัยอยู่ตึกแถวเซ้งมาสัญญาเหลือ10กว่าปี แต่แล้วความรักเป็นห่วงเขาไม่อยากอยู่ห่างพวกเขา เพราะงานที่ว่าเวลาให้ครอบครัวน้อย และลูกฉันยังเล็กอยู่ ฉันตัดสินใจไม่โทรไป ผู้ใหญ่ที่นับถือโทรมาเร่งเร้าอีก ฉันจึงบอกให้ท่านให้เบอร์โทรของฉันกับผู้อำนวยการสร้างคนนั้น และฉันอธิษฐานกับพระเจ้าว่า ถ้าพระองค์เห็นดีด้วยกับงานนี้ ขอให้เขาโทรมาเรียกฉันไปทำงาน ตัวฉันจะไม่โทรไปเด็ดขาด

 

ความจริงยังมีเหตุผลนอกเหนือจากความรักลูก คือฉันอยากรู้จักพระเจ้านั่นเองเวลานั้นฉันยังไม่เชื่อพระเจ้าเลย ถ้าฉันทำงานโอกาสไปโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ค้นคว้าเรื่องพระเจ้าจะน้อยมาก หรืออาจสูญไปเลย เพราะฉันยังไม่เชื่อพระองค์ ที่สุดฉันก็ไม่ได้ทำงานวันนี้ย้อนถึงวันที่ฉันรับเชื่อต่อหน้าพระคัมภีร์ ฉันขอบพระคุณพระเจ้าเป็นที่สุด ที่พระองค์ประทานสติปัญญาให้ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือ ความรัก นั่นคือความรักความห่วงใยลูกมาก่อน แล้วจึงตามด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์จะมาเป็นที่สองรองจากลูกฉัน แต่พระองค์ไม่น้อยใจ ไม่เคยต่อว่าฉันเลย พระองค์ะเข้าใจฉันดีว่า ทำไมฉันจึงคิดถึงพระองค์ทีหลังลูก เพราะเวลานั้นฉันยังไม่รู้จักพระเจ้าเลยจริง ๆ แค่รู้เรื่องพระองค์จากตัวหนังสือในพระคัมภีร์เท่านั้นเอง แล้วฉันจะเลือกรักพระองค์ก่อนลูกได้อย่างไร (สดุดี 33.13-45)

หลังจากรับเชื่อแล้ว ฉันอยากหาหนังสือเกี่ยวกับพระเจ้า ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน และรู้ว่ามีสอนพระคริสตธรรมทางไปรษณีย์ ฉันจึงติดต่อเรียนปริญญาโท เพราะคิดว่าจะได้หนังสือมาอ่าน จะได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น และอยากเป็นผู้รับใช้ เป็นมิชชันนารีด้วย ผู้รับใช้แนะนำร้านขายหนังสือที่คริสตจักรร่มเย็น ฉันจึงรู้จักคริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ ระหว่างเดินไปซื้อหนังสือ ฉันเรียนอยู่ 3 ปี เรียนหนักมากในแต่ละวิชาเพราะต้องค้นคว้าทำความเข้าใจด้วยตัวเอง อ่านหนังสือไม่ต่ำกว่า 100 เล่ม ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลูกสาวเพิ่งทำงานเป็นผู้ออกให้ ที่สุดก็เรียนจบจนได้

ช่วงที่กำลังเรียน มีเหตุบางอย่างทำให้ท้อใจ เลิกไปโบสถ์เด็ดขาดที่ไหนก็ไม่ไป แต่ไม่เลิกเชื่อพรเจ้า คิดว่าฉันอยู่บ้านก็เชื่อพระเจ้าได้ และไม่เคยคิดจะย้อนกลับไปความเชื่อเดิมเลยแม้แต่นิดเดียว คิดเลิกเรียนพระคริสตธรรม เพราะเรียนไปก็เสียเงินลูกเปล่า ๆ ในเมื่อเป้าหมายการรับใช้หมดแล้วไม่มีในความคิดเลย แต่มีแรงกระตุ้นเกิดในใจว่า “รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ได้รับใช้ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไปสิ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินพระเจ้าพูดในใจ ฉันจึงเรียนต่อจนจบ และพระองค์ทรงนำฉันมาร่วมนมัสการที่ คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพจนทุกวันนี้

นอกจากญาติพี่น้องและครอบครัวแล้วฉันรักคนอื่นยากมาก เพราะความรักทำให้ฉันถูกหลอก ถูกเอาเปรียบ ถูกโกหก จนเสียเงินเสียทอง เจ็บปวดใจจนคร้านจะจดจำ คนที่ฉันสนิทสนมด้วย ฉันห่วงใย ช่วยเหลือทำดีต่อเขา เพราะฉันอยากได้บุญ ตามความรู้สึกรักพวกเขาบอกอย่างเปิดใจว่าไม่มี

แล้ววันหนึ่งสายธารแห่งความรักของพระเจ้าก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจฉัน เช้าวันนั้นฉันเดิมไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ถนนข้างตลาดมีรถ 2 แถวแล่นมาจอดผู้โดยสารลงจากรถเดินเป็นแถวเต็มไปหมด ฉันมองดูแล้วเกิดความรู้สึกสงสารพวกเขามากที่ไม่รู้จักพระเจ้าฉันเกิดความรู้สึกรักพวกเขาอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาเอ่อคลอเต็มเบ้าอธิษฐานในใจขอพระเจ้าอวยพรพวกเขานำพวกเขากลับมาหาพระองค์ ฉันรู้สึกเหมือนสายน้ำเย็นน้ำไหลออกจากใจเป็นสายไปชโลมพวกเขาที่เดินลงมากจากรถ 2 แถวคันนั้นทุกคน วินาทีนั้นเหมือนโลกหยุดหมุนอีกแล้ว ฉันยืนนิ่งเหมือนไม่มีลมหายใจ แค่อึดใจ แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ฉันเดิน้ขาตลาดซื้อกับข้าวอย่างมีความสุข

 

จากวันนั้นฉันรักทุกคนที่พบเห็นได้อย่างน่าแปลกประหลาดใจ ในอดีตใครที่ทำไม่ดีด่าว่าดูถูกดูแคลน เอาเปรียบ ฉันยกโทษหมด รู้สึกรักและสงสารคนเหล่านั้น พร้อมกันนั้นก็นึกขอโทษคนที่ฉันเคยร้ายกาจกับเขาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่พ่อแม่พี่น้องเพื่อนบ้านเพื่อนทุก ๆ คน เมื่อมีความรัก ความไม่ชอบ ความเกลียดค่อย ๆ จางหายไป จิตใจของฉันจึงสงบนิ่งมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ฉันยอมรับและเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า เมื่อฉันเลิกคิดถึงตัวเอง เลือกที่จะรักลูกทำทุกอย่างเพื่อลูกจริง ๆ พระเจ้าก็สานต่อความรักนั้นให้เกิดขึ้นจบแตกกิ่งก้านออกไปไม่รู้จบ พระองค์ฟื้นฟูจิตใจฉัน (อิสยาห์ 57:15) ทำให้ฉันรู้ซึ้งว่า ความรักคืออะไร และยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด (1โครินธ์ 13.4-13) และเป็นความประสงค์ของพระเจ้าพระบิดาที่ต้องการให้ลูก ๆ ของพระองค์มีใจที่เต็มไปด้วยความรักอย่างนี้

พี่น้องที่เพิ่งมาโบสถ์ครั้งแรก หรือเคยมาแล้วแต่ยังไม่รู้น้ำพระทัยของพระเจ้าฉันขอยืนยัน และใช้ชีวิตของฉันเป็นพยานกับท่านว่า ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผมใด ถูกชวนมา มาโดยบังเอิญ มาเพื่อรักษาโรคภัย มาเพื่อแก้ปัญหาชีวิต หรือ ฯลฯ ความจริงที่ท่านเข้ามายังคริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพ คือความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อท่าน เป็นแรงดึงดูดท่านมา พระองค์รอท่านด้วยความกระวนกระวายมานานแสนนาน ณ เวลานี้พระองค์กำลังกอดท่านไว้ในอ้อมอกอันแสนอบอุ่น และทรงพลานุภาพสูงสุด พระองค์กำลังบอกท่านว่า พระองค์รักท่านมาก ท่านได้ยินหรือไม่ ท่านรู้สึกหรือไม่ ท่านจะยอมรับความรักของพระเจ้า ยอมให้พระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดหรือไม่ ท่านต้องเลือกและตัดสินใจด้วยตัวท่านเองแล้ว
อรัญญา ศรีชอบธรรม
ฟีลิปี 1:6
ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่า พระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์














Visitor 100

 อ่านบทความย้อนหลัง