บนเส้นทางความเชื่อ (ตอนที่ 6)

 

 

อัศจรรย์ การรักษาโรค
ฉันเคยอ่านหนังสือ เกี่ยวกับศาสนาเดิม ที่ฉันนับถือก่อนพบพระเจ้า เป็นเรื่องของหญิงฝรั่งคนหนึ่ง เป็นมะเร็งรู้สึกหมดหวัง ฉันได้มาพบ ผู้ทรงศีล ที่เมืองไทย ซึ่งแนะนำให้ใช้หลักธรรม รักษาจนมีอาการดีขึ้น เธอจึงพูดว่า “ขอบคุณมะเร็งที่นำเธอมาพบ หลักธรรมที่แท้จริง เนื้อเรื่องไม่ได้บอกชัดเจน ว่าเธอหายหรือไม่หาย เพียงแต่นำหลักธรรมนั้น มาพยุงชีวิต จนพบความสุขก่อนตาย” เวลานั้นฉันอ่านแล้วประทับใจมาก รู้สึกว่าสิ่งที่ฉันนับถือ ดีสุดยอดยิ่งกว่าความเชื่อใดใดในโลกนี้


มีคำโบราณว่า “สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ” เมื่อฉันยังได้สติปัญญา ฉันยอมรับว่าจริง ครั้นฉันรู้จักพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสถิตในชีวิตฉันได้ฟื้นฟูสติปัญญาของฉัน ให้ลุ่มลึกขึ้น จึงเกิดคำถามในใจว่า คำโบราณนี้ให้ความกระจ่างแค่ไหน เปรียบเหมือนคนตาบอด คลำช้าง ใครคลำส่วนไหน ก็บอกว่าช้างมีลักษณะนั้น และนั่นคือความจริงทั้งหมดหรือไม่ เรื่องที่หญิงคนนั้นขอบคุณมะเร็งก็เช่นกัน ครอบครัวฉันเคยถูกคนเข้าทรง หลอกจนแทบพินาศมาแล้ว ตัวฉันเองก็เคยป่วยอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนโดยหาสาเหตุไม่ได้ จนฉันตะโกนหาคนทรง ที่เพื่อนรับรองว่า “ของจริง” ทั้งคนทรงเจ้าที่จีน ที่เอาเข็มแทงลิ้นตัวเอง รวมถึงพระสงฆ์องค์เจ้า เพราะอยากรู้จริง ๆว่า เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน แต่ไม่มีใครหรือสำนักทรงไหน บอกได้เลย ได้แต่บอกว่าฉันมีองค์ ใหญ่มากจริง ๆ บอกไม่ได้วันหนึ่งฉันจะรู้เอง ฉันสรุปว่าทุกคนโกหกหลอกลวง เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ฉันทนอยู่กับความอ่อนแอทางร่างกายนานมาก


แล้วการอัศจรรย์เครื่องเกิดขึ้น เมื่อฉันก้าวเข้ามาในโบสถ์ และเริ่มค้นหาว่าพระเจ้าคือใครก่อนรับเชื่อและเมื่อรับเชื่อใหม่ๆ ฉันไม่อธิษฐานเลย ทำไมต้องรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อะไรที่เกิดกับเรา เราเป็นผลมาจากการกระทำของตัวเราเอง แต่แปลกจริง ๆ สุขภาพของฉันดีขึ้นเรื่อย ๆอย่างเห็นได้ชัดเจน จนเพื่อนบ้านถามว่าไปทำอะไรมา ฉันจึงเล่าเรื่องไปโบสถ์แล้วชวนเขาไปด้วย ที่สุดเขาก็รับเชื่อก่อนฉัน ทุกวันนี้ความเชื่อของเขาเติบโตแม้จะผ่านความทุกข์มากมายเช่นกัน


หลังรับเชื่อ อาจารย์แนะนำเรื่องการอธิษฐานบอกว่าผู้เชื่อต้องอธิษฐานทุกวันขอได้ทุกเรื่องอธิษฐานได้ทุกเวลาทุกสถานที่เอาเป็นว่าทุกขณะจิตยิ่งดีโดยไม่มีข้อห้ามใด ๆ ทั้งสิ้นฉันแปลกใจมากข้อความเชื่อเดิมนั้นจะสวดมนต์อธิษฐานต้องสะอาดเสื้อผ้าสะอาดเข้าห้องน้ำต้องถอดเครื่องรางของขลังออก มิฉะนั้นของจะเสื่อมไม่ศักดิ์สิทธิ์และเวลากินข้าวของก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองไม่ได้จึงมีเรื่องเล่ามากมายว่าบรรดาโจรเสือร้ายยุคก่อนถูกยิงตาย คาจานข้าวไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ดังนั้นเมื่ออาจารย์สอนเรื่องอธิษฐานฉันจึงรู้สึกดีมาก ๆ พระเจ้ารักเราจริง ๆไม่ว่าเราจะอยู่ใน สภาพอย่างไรที่ไหนเมื่อไหร่ พระองค์อยู่กับเราดูแลเราตลอดเวลาเหมือนเป็นพ่อแม่ที่รักลูกจริง ๆดังนั้นขณะอาบน้ำฉันจะอธิษฐานขอให้น้ำ ที่อาบเป็นน้ำพุอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าชำระโรคภัยไข้เจ็บออกจากร่างกาย ให้ฉันแข็งแรงได้รับใช้พระองค์ได้ดูแลครอบครัวตราบจนลมหายใจสุดท้ายและขอพระองค์ชำระล้างความคิดชั่วชั่วในสมอง และจิตใจของฉันออกไปด้วยฉันทำอย่างนี้ทุกวันจนทุกวันนี้


ฉันยังไม่เคยเห็นกับตาเรื่องพระเจ้ารักษาคนง่อยเดินได้คนตาบอดมองเห็นคนใบ้พูดได้ตายแล้วฟื้นเห็นแต่อาม่าของฉันท่านตายจนจัดงานทางพิธีกงเต็กที่หาดใหญ่สวดทุกคนตายนอนอยู่บนลานพิธี อยู่ ๆท่านก็ ฟื้นขึ้นมา มีชีวิตอยู่อีกนับสิบปี วันหนึ่งอาจารย์ที่โบสถ์ก็เล่าให้ฟังว่าท่านเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามารับเชื่อในกรุงเทพมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านพบคุณลุงคนหนึ่งที่ท่านรู้จักสมัยท่านเป็นเด็กรู้ว่าคุณลุงคนนี้เป็นคนพูดไม่ได้แต่วันที่ท่านไปเจอปรากฏว่าคุณลุงพูดกับท่านได้เหมือนคนทั่วไปจึงแปลกใจมากถามว่าไปทำอะไรมา คุณลุงบอกว่า ไปโบสถ์พระเจ้ารักษาจนหายใบ้พูดได้ จึงรับเชื่อเป็นคริสเตียนจนถึงวันที่อาจารย์ไปพบ และอีกเรื่องหนึ่งผู้รับใช้เล่าว่า ท่านอยู่ในเหตุการณ์ด้วย คือทีมแพทย์คริสเตียนไปรักษาชาวบ้าน และเกิดความผิดพลาดในการให้ยา ทำให้คนไข้คนหนึ่งหมดลมหายใจ ซึ่งคุณหมอได้วินิจฉัยและยืนยันว่าตายแล้วจริง ๆ หัวหน้าทีมงานจึงประชุมด่วนในเต้นพยาบาล ให้ทุกคนมีความเชื่อน้อยออกไป จงอยู่เฉพาะคนที่มีความเชื่อเต็ม 100 ร่วมใจกันอธิษฐาน ขอพระเจ้าคืนชีวิตให้คนไข้คนนั้น ปรากฏว่าคนตายนั้นตื่นขึ้นมา มีชีวิตอยู่ต่อไปจริง ๆ


ทั้ง 2 เหตุการณ์คือเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทย อาจารย์ผู้ร้องให้ฟังไม่ได้ย้ำหรือพูดถึงของประทานเลย ท่านย้ำถึงความเชื่อเท่านั้น ไม่ว่าใครถ้ามีความเชื่อจริง ๆ ก็มีประสบการณ์อย่างนี้ได้ ดังคำของพระเยซูตรัสว่า “... ถ้าช่วยได้น่ะหรือ ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง” (มก9:21-24)

 


ช่วงนั้นแม้ฉันจะมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรงตายร้ายครั้งเกิดเจ็บป่วยต้องเข้า โรงพยาบาลนอนรักษาตัวอยู่ ครั้งละ 2-3 วันแทบทุกปีอยู่เหมือนกัน ทำนองเดียวกันหลายครั้ง ฉันป่วยกระทันหันขณะอยู่บ้านคนเดียว ฉันอธิษฐานขอพระเจ้ารักษาจากพระเจ้า อาการที่หนักเหมือนต้องเข้าโรงพยาบาลก็หายไปภายใน 1 - 2 ชั่วโมงแล้วอาการนั้นนั้นไม่เคยกลับมาอีกเป็นอีกเลย

พระเจ้ายังรักษาโรคลูกฉันด้วยเมื่อเขาเกิดรู้สึกเจ็บตัว จนทนไม่ค่อยไหวฉัน วางมืออธิษฐานให้ ให้เขาก็หายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง แม้แต่สามีฉันซึ่งจู่ ๆ เกิดอาการหนักเหมือนเป็นอัมพาต ในตอนเช้ามืดจนฉันกับลูกตกใจพากันไปโรงพยาบาลตอนเช้า ฉันชอบฐานวิงวอนพระเจ้าให้ช่วยด้วย ปรากฏว่าตอนเช้าเขาหายเป็นปกติจากการที่นอนตัวแข็งขยับไม่ได้เลยกลับมาเดินได้ออกไปทำงาน ที่โรงงาน ได้อย่างทุกวันจนทุกวันนี้


ฉันเคยผ่านิ้วล็อค นิ้วนางมือขวา หลังผ่าตัดความเจ็บปวดหายไป แต่ปลายนิ้วนาง ข้อสุดท้ายงอพับ พยายามยืดทุกวัน ก็ยังงอยู่อย่างนั้น ฉันจึงทำใจว่า ไม่เป็นไร มือขวายังทำงานได้เป็นปกติ ปลายนิ้วงอพับ ไม่เป็นอุปสรรคก็ดีแล้ว แต่ฉันก็มีความหวังอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยทุกวัน พยายามดึงข้างส่วนงอ แต่มันก็แข็งอยู่อย่างนั้น ฉันไม่เคยท้อใจอธิษฐานต่อไป จนเช้าวันอาทิตย์ ขณะเรียนถามพี่ในห้องของอาจารย์วิชัย ท้าวทอง ที่คริสตจักรสามัคคีธรรมกรุงเทพนี้ ขณะเรียนฉันก็ดึงปลายนิ้วนางออกพลางเกิดความรู้สึกว่า กระดูกนิ้วนางทั้งนิ้วอ่อนนิ่มเหมือนก้อนแป้งที่ผสมเตรียมทำขนมปัง ฉันจับปลายนิ้วยืดออกไปอย่างง่ายดาย แล้วจะให้เหยียดตรงอยู่อย่างนั้น จนหมดเวลาเรียน ขนาดนั้นใจฉันมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก นิ้วนางกลับเป็นปกติ กระดูกนิ้วก็แข็งเหมือนนิ้วอื่น ๆ ฉันเหมือนหายใจแทบไม่ออก อารมณ์ความรู้สึกยังตราตรึงจนทุกวันนี้ พระเจ้าทำการอัศจรรย์ในชีวิตของฉันอีกแล้ว และฉันยินดีให้พี่น้องดูนิ้วของฉันได้ถ้าท่านอยากดู


ฉันเคยอธิษฐานให้ญาติผู้ใหญ่ที่คัดค้านไม่ให้ฉันเชื่อพระเยซู ทุกครั้งที่ท่านป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล พอรู้ข่าวฉันอยู่บ้านจะอธิษฐานให้พระเจ้ารักษาท่านทันที รุ่งขึ้นท่านก็หายกลับบ้านได้ หลายครั้งที่เป็นแบบนี้ ต่อมาท่านป่วยหนักไม่รู้ตัวอยู่ที่บ้าน ฉันมีโอกาสไปเยี่ยมท่านในห้องไม่กล้าเข้าไปใกล้เตียง เพราะลูก ๆ ท่านมองผ่านประตูกระจกเข้ามาดูว่าฉันทำอะไร ฉันจึงยืนห่างจากเตียงประมาณวาเศษ และอธิษฐานพร้อมประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่ออกเสียง ทูลขอพระเจ้านำคำอธิษฐานและข่าวประเสริฐเข้าไปในจิตใจความรู้สึกของท่านด้วย จู่จู่ท่านก็ร้องไห้โวยวายออกมาว่า "มาแล้ว มาแล้ว" ฉันอึ้ง ท่านเห็นอะไรเห็นใครมาฉันไม่อาจรู้ได้ 2 วันต่อมาท่านถูกส่งเข้า ไอซียู ที่โรงพยาบาล ใช้เครื่องต่อลมหายใจของท่าน ฉันไปเยี่ยมและครั้งนี้ได้ยืนติดเตียงท่าน โดยลูก ๆ ของท่านคอยมองฉันอยู่ ฉันกุมมือท่านไว้พร้อมอธิษฐานในใจปรากฏว่านิ้วของท่านขยับในอุ้มมือฉัน จนฉันรู้สึกได้อยู่อึดใจจึงนิ่ง ฉันเดินออกมาจากห้องยืนอยู่ข้างนอก สักพักลูกชายของท่านเดินเข้ามาบอกว่าแปลกมากเลย สัญญาณชีพของท่านขึ้นขึ้นลงลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านั้นสัญญาณชีพของท่าน่านไม่กระดิกขึ้นลงเลย ฉันฟังแล้วก็เก็บไว้ในใจ อีกไม่กี่วันท่านก็เสียชีวิต ฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ลูกของท่านฟังเลย นอกจากสามีของฉัน ฉันเชื่อว่าพระเจ้ารักท่านไปอยู่บนสวรรค์ และเชื่อว่าจิตวิญญาณของท่านได้รับเชื่อตั้งแต่วันที่ฉันอธิษฐานให้ท่านที่บ้านฉันไม่อาจเห็นด้วยตาแต่ฉันเชื่อจริง ๆว่าพระเจ้าทรงเมตตาและรับฉันไปแน่นอน เพราะอะไรก็ตามที่เห็นด้วยตาไม่ต้องอาศัยความเชื่อความเชื่อที่แท้จริงนั้นต้องเกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็น(ฮบ.11:11)

 


บางครั้งพระเจ้าก็รักษาลูก ๆ ของพระองค์ผ่านทางหมอ ซึ่งพระองค์ประทานปัญญาความสามารถ ให้หมอเพื่อรักษาคนป่วยบนโลกใบนี้ ฉันก็เช่นกัน เป็นความรักความห่วงใยของพระองค์จริง ๆที่จัดเตรียมทุกอย่างให้ฉันจนพร้อมสรรพ พระเจ้าจึงเริ่มขบวนการรักษาฉันโดยผ่านทางหมอ ยืนยันตรวจพบก้อนเนื้อที่คอ เพราะฉันไปตรวจสุขภาพ หมอแนะนำให้ตัดออก และบอกว่า ถ้าไม่ตัดออกแล้วจะเป็นมะเร็งฉันอยู่ได้อีก 5 ปี ฉันชื่อหมอตัดออกแล้ว และพบเชื้อมะเร็งจริง ๆ วันนี้ฉันอยู่เกินเวลาที่หมอบอกแล้ว ไม่นานฉันปวดท้องข้างซ้าย หมอสั่งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผลก้อนเนื้อกระจายอยู่เต็ม แม้แต่ในปอดก็มีจุดดำกระจายอยู่เช่นกันแต่ผลการตรวจลำไส้ใหญ่ซึ่งหมอเกรงว่าจะเป็นมะเร็ง ปรากฏว่าไม่มีอะไร ตั้งแต่ตรวจเจอก้อนเนื้อฉันไม่เคยปวดท้องข้างซ้ายอีกเลย แต่ฉันต้องผ่าตัดต่อมหมวกไต ข้างขวาออก เนื่องจากก้อนเนื้อโตมากซึ่งผลวิจัยไม่เป็นเนื้อร้าย ไม่ถึงปีต้องผ่าตัดปอด และถุงน้ำดีออก เพราะก้อนเนื้อที่ตับอ่อน เริ่มจะโตมากขึ้น คราวนี้ฉันสะบักสะบอมมาก และทางเดินอาหารกระเพาะอาหาร ตั้งแต่ฉายแสงฉันมีอาการเหมือนลำไส้ข้างซ้ายบวมเวลากินอะไรเข้าไปแค่น้ำเพียงครึ่งแก้วก็เป็นแล้ว ต้องนอนพักอยู่เป็นชั่วโมงอาการจึงหายไป หมอจึงสั่งส่องกล้องดูว่าเป็นอะไร ก็พบแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารกระจายเต็มไปหมด แต่ไม่ติดเชื้อให้ยามากิน เดือนกว่าก็จบการรักษา แต่พบก้อนเนื้อ 2 ก้อนในลำไส้ใหญ่ ตัดออกแล้ววินิจฉัยพบว่าเป็นก้อนเนื้อธรรมดา และอาการลำไส้ใหญ่บวมที่ฉันเป็นจนอึดอัดทรมาน หมอบอกไม่เกี่ยวกับโรคที่พบเลย และอาการนี้ก็หายวับไปจนทุกวันนี้ ตั้งแต่ 2 กล้องเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2559
ฉันพูดถึงตัวคุณพระเจ้าให้ครอบครัวฟังตลอดเวลา ตอกย้ำให้ทุกคนตระหนักว่าพระเจ้าทรงดูแลพวกเราทุกคนเป็นอย่างดี อาการต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับร่างกายจนนำไปสู่การตรวจพบโรคร้ายนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอาการโรคของฉันเลยสักอย่าง และอาการชักนำนั้นก็หายไปทันทีที่ตรวจพบโรคร้าย จึงเป็นเรื่องอัศจรรย์ ในการรักษาโรคที่พระเจ้าทรงให้เกิดกับฉัน แม้ฉันจะอธิษฐานรักษาอาการเจ็บป่วยของตนเอง หายขาดอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อไปพบหมอแล้ว จะทำตามหมอสั่งทุกอย่าง ไปตามหมอนัดทุกครั้ง มีอาการบางโรคดีขึ้นเหมือนหายเป็นปกติฉันก็ยังคงไปหาหมอตามนัด จนกว่าหมอจะบอกว่าไม่ต้องมาพบแล้ว ยังหมอที่ตัดต่อมหมวกไต และระบบทางเดินอาหารซึ่งไม่นัดแล้ว แต่ฉันต้องไปพบหมอผ่าตัด หมอต่อมไร้ท่อ หมอเวชศาสตร์นิวเคลียร์ หมอฉายแสงหมอเคมีหมอตา หมอหูอยู่เป็นประจำ เรียกว่ามีนัดไปโรงพยาบาลทุกเดือนก็ว่าได้

 

 

 


หมอบอกว่าที่ฉันเป็นอะไรมากมาย อาจเป็นผลมาจากกรรมพันธุ์ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษก็ได้ หรือเกิดขึ้นเองได้เช่นกัน ฉันจึงอธิษฐานวิงวอนพระเจ้าขอตัดสายสัมพันธ์ทางพันธุกรรมนี้ไม่ให้ตกถึงลูก ๆ หรือหลานที่จะเกิดมา เพราะฉันรักพวกเขาไม่อยากให้พวกเขาเป็นอะไรเลย แล้ววันหนึ่งความรักที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นวันนั้นฉันอธิษฐานวิงวอนพระเจ้าขอให้นำโรคร้ายต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับสามีลูกทุกคนรวมถึงหลานเหลนที่เกิดมาในทั้งปัจจุบัน และอนาคตที่ยังไม่มาถึง ซึ่งพระองค์จะล่วงรู้ความเป็นไปของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่ยังไม่เกิดจนวันตายของเขา(โยบ12:10) ขอนำโรคนั้น ๆ มาไว้ที่ตัวฉันให้หมด ฉันยินดีรับเต็มใจทุกข์ทรมานเพื่อพวกเขาทุกคนฉันรักพวกเขาอยากให้พวกเขาทุกคนสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจสงบสุขจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทันทีที่อธิษฐานเสร็จฉันร้องไห้อีกแล้ว ฉันรู้สึกซาบซึ้งในความรักของพระเยซูคริสต์อย่างเข้าถึงแก่นจริง ๆ ช่วงยอมแบกรับความผิดบาปของมวลมนุษย์ ยอมสละชีวิตของพระองค์ให้กลายเป็นสะพาน เพื่อนมนุษย์จะได้เดินข้ามนรกไปสู่แดนสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าพระบิดาแขวนรอรับอยู่ ก็คนของพวกไม่อาจหาคำใดในโลกมาพูดให้เห็นว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนได้เลย นอกจากผู้นั้นจะสัมผัสด้วยจิตใจของตนเอง


พี่น้องที่เพิ่งเข้ามา หรือมาหลายครั้ง ฉันเห็นท่านเจ็บป่วยหลายคนจึงอยากเขียนคำพยานจากชีวิตของฉันเพื่อหนุนใจท่าน และขอพระเจ้าเพิ่มพูนความเชื่อให้ท่าน ให้ท่านรับรู้ว่าท่านมีสิทธิที่จะร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ ถ้าท่านมีความเชื่อท่านจะสั่งให้ภูเขาซึ่งเปรียบดังโลกร้ายหรือปัญหาชีวิตต่าง ๆ เคลื่อนออกไปจากชีวิตของท่านมันจะเกิดผลให้ท่านเห็นจริง ๆ(มธ.17:20-21)
และความทุกข์นี้เองทำให้ฉันรู้จักพระเจ้ามากขึ้น ได้ยินเสียงของพระเจ้าชัดเจนขึ้น และแห่งความหวังในพระองค์สุกสกาวในดวงจิตวิญญาณของฉันจนไม่มีความมืดหลงเหลืออยู่(ฮชย2:14-15) พี่น้องทุกท่าน ท่านมาพบพระเจ้าแล้วท่านต้องอธิษฐานทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ได้ทุกนาทีที่ชีวิตของท่านเคลื่อนไป เพื่อชีวิตของท่านเอง ไม่ต้องรอให้ใครทำให้ ท่านต้องตัดสินใจทำด้วยตัวของท่านเอง เพื่อชีวิตของท่าน และเพื่อเผื่อแผ่ไปถึงคนในครอบครัวอันเป็นที่รักของท่านด้วย

 

อรัญญา ศรีชอบธรรม
มัทธิว17:20-21
พระเยซูตรัสตอบว่า “เพราะว่าพวกท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เมล็ดหนึ่ง โปรแกรมจัดสรรภูเขานี้ว่า จงเคลื่อนไปที่โน่น มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย”

 




















Visitor 104

 อ่านบทความย้อนหลัง