สุนัขเป็น VS สิงห์ตาย


ศบ.


“สุนัขที่เป็น ก็ยังดีกว่าสิงห์ที่ตายแล้ว” (สุภาษิต 9:4)
สิงห์โต เป็นสัตว์ที่แข็งแรง มีอำนาจ มีกำลัง เขี้ยวเล็บแหลมคม ถูกเรียกว่า เป็นเจ้าป่า ฝรั่งชอบเอารูปสิงห์มาเป็นสัญลักษณ์ ของเผ่าพันธุ์ หรือประเทศ และแม้กระทั่ง โลโกของทีมฟุตบอล เป็นสัตว์ที่น่าเกรงขาม แค่คำราม สัตว์ทั้งหลายในป่าก็กลัวหัวหดแล้ว สิงห์ตัวผู้มีขนรอบคอ ยืนขึ้นดูสง่างามยิ่งนัก ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ถ้าจะมีการออกคะแนนเสียงเลือกหัวหน้า สิงโตต้องมีชัย ตระกูลยูดาห์ถูกเปรียบเทียบกับสิงห์โต คือเป็นตระกูลของกษัตริย์ ที่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว 

สุนัข เป็นสัตว์ที่ มีเรี่ยวแรงกำลังน้อย สุนัขข้างถนน ในหมู่บ้านผม กทม. เพิ่งส่งเจ้าหน้าที่มาจับไป เขาเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้ คนยิวเปรียบคนต่างชาติ ที่ถูกดูหมิ่น ว่าเป็นสุนัข เป็นผู้ขาดโอกาส เด็กเหลือขอ เกรกมะเรกเกเร พ่อแม่เอาไม่อยู่ เขาเปรียบเหมือนสุนัขสัญจร เขาว่า ให้ตัดหางปล่อยวัด สุนัขไม่มีพิษสงอะไรนัก ที่จะทำให้ใครขลาดกลัว ถ้ามันอยากเห่าก็เห่าไป เหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง


ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าจะเอาสัตว์ สองชนิดมาสู้กัน สุนัขหรือจะสู้สิงห์โตได้ รับประกันได้ว่า แค่ไม่กี่นาที สิงโตก็ฉีกสุนัขเป็นชิ้น ๆ แต่ซาโลมอนเปรียบเทียบระหว่าง สิงโตที่ตายแล้ว กับสุนัขที่ยังมีชีวิตอยู่ และท่านก็ว่า กำลังของสิงห์ที่ตายแล้วสู้เรี่ยวแรงของสุนัขเป็นไม่ได้ ประโยชน์ของสิงโตที่ตายนั้น แพ้สุนัขเป็นหลุดลุ่ย
ซาโลมอน กล่าวข้อความนี้ โดยเปรียบกับ “คน” เพราะทั้งบริบท ท่านกล่าวว่า “คนใดที่มั่วสุมอยู่กับคนที่มีชีวิต คนนั้นก็มีความหวังใจได้ ด้วยว่าสุนัขที่เป็น ก็ยังดีกว่าสิงห์ที่ตายแล้ว” ผมจึงขอนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับประโยชน์ฝ่ายวิญญาณ


1. ปราชญ์ที่ไม่พบพระเจ้า สู้ตาสาตาสีที่บังเกิดใหม่ไม่ได้
คนที่บังเกิดใหม่ ผมหมายถึง คริสเตียนแท้ คือคนที่ในอดีต มีชีวิตเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง เมื่อเขามาพบพระเจ้า เขากลับใจใหม่ ต่อแต่นี้เขาจะรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดกำลังความคิด รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เลิกจากบาปทุกอย่างที่ตนรู้ เขาถ่อมใจเข้ามารับการไถ่โทษที่ไม้กางเขน พระเจ้าจึงประทานชีวิตใหม่ให้เขา และเขาก็ก้าวเดินกับพระเจ้าตามหลักพระคัมภีร์ “สิ่งสารพัดเก่า ๆ ก็ล่วงไป กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” แม้เขาเป็นตามายายมี เป็นคนบ้านอกคอกนา อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่เป็น เขาก็เปลี่ยนชีวิตของคนอื่นได้ ยิ่งกว่าปราชญ์ที่มีความรู้ยอด ความสามารถเยี่ยม แต่เป้าหมายหลักก็อยู่เพื่อตนเอง เพื่อความสุข หรือชื่อเสียงของตนเอง คนที่ใจเป็นเช่นนี้ ไม่นานก็พบโน่นพบนี่ ที่ฝืนพระบัญญัติ ตามมาเป็นแถว เช่น การพนัน เหล้ายา อวดร่ำอวดรวย ผิดประเวณี ฯลฯ ปราชญ์ที่พบพระเจ้าเขาอาจเป็นสิงห์เป็นที่เกิดประโยชน์มากกับแผ่นดินพระเจ้า แต่ การไม่บังเกิดใหม่ กิ่งมิได้ติดกับต้น มันก็คือกิ่งไม้แห้ง หรือสิงห์ที่ไร้ชีพ สู้ตาสาตาสี ที่บังเกิดใหม่ ที่เปรียบกับสุนัขเป็นไม่ได้

2. ปราชญ์ที่ยึดความคิดของโลก สู้เด็กฝ่ายวิญญาณที่ยึดพระคำไม่ได้
คำสั่งสอนของปราชญ์ ที่ขัดแย้งกับพระวจนะ เปรียบเหมือนสิงโตที่ตาย ภายนอกดูดี แต่มันไร้ชีวิต เปาโล เรียกมันว่า “ความคิดที่มีเหตุผลจอมปลอม และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้น ขัดขวางความรู้ของพระเจ้า” (2 โครินธ์ 10:5) ผมจะยกตัวอย่างสักเรื่อง วิชาชีววิทยา ในมหาวิทยาลัยสอนกันว่า โลกมีอายุเป็นล้าน ๆ ปี สิ่งมีชีวิตเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต เหมือนก้อนหิน เกิดเป็น ตัวอมีบา พารามีเซียม ไส้เดือน จากนั้นเป็นล้าน ๆ ปี ก็วิวัฒนาการเป็นกิ้งก่า กระต่าย หมา แมว ม้า ลิง แล้วที่สุดจากลิงก็กลายเป็นคน เกิดเอง ไม่มีใครสร้าง ทั้งหมดเป็นปฏิกิริยาเคมีที่เปลี่ยนไป จนมาเป็นเราๆ ท่าน ๆ มีระบบต่าง ๆ ในร่างกาย มีสมองให้คิด มีศีลธรรม รู้ดีรู้ชั่ว ที่มีทั้งรัก ทั้งชัง สำนึกผิดเวลาทำบาป เมื่อไม่มีผู้สร้าง ก็ไม่ต้องขอบคุณใคร เมื่อไม่มีผู้ปกครอง ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร จะทำบาปทำเวรแค่ไหน ตายก็เหมือนสัตว์ที่พัฒนากว่าลิงระดับหนึ่งตายไป ตรงกันข้ามกับ เด็กฝ่ายวิญญาณ เชื่อพระวจนะเหมือนกินน้ำนม ดำเนินชีวิตด้วยความยำเกรง ถ่อมใจ ขอบพระคุณ กตัญญูพระผู้สร้าง สัมพันธ์กับพระองค์ด้วยการอธิษฐาน ระมัดระวังในการใช้ชีวิต เพราะอนาคตต้องเผชิญการพิพากษาของพระองค์ ท่านพอเห็นได้นะครับว่า น้ำนมบริสุทธิ์ ช่วยให้เด็กโต ยิ่งกว่าผู้ใหญ่ที่กินอาหารบูด และเด็กฝ่ายวิญญาณ ที่เป็นดังสุนัขเป็น นั้นแกร่งกว่าสิงห์ตายแค่ไหน

3. ผู้ทรงคุณวุฒิที่นิ่งเฉย สู้ผู้รู้น้อยที่รับใช้พระเจ้าไม่ได้
ในคริสตจักร เราอาจมีผู้ที่เรียนอะไรๆมามาก มีวุฒิสูง ทั้งทางโลกและด้านพระคัมภีร์ ท่านอาจเรียนสูงถึงขั้นปริญญาเอก แถมได้เกียรตินิยมด้วย ท่านอาจแขวนปริญญาไว้ในห้องรับแขก โชว์ให้คนเห็นว่าท่านเรียนมาสูงแค่ไหน เก่งปานใด แต่วันนี้ ท่านไม่ได้ทำงานให้เกิดประโยชน์กับใคร ไม่ได้ช่วยคนให้เข้ามารู้จักพระเจ้า หรือปั้นสอนใครให้เติบโตขึ้น ท่านมีภูมิรู้ที่อมพะงำเอาไว้กับตัว จนกระทั่งวันหนึ่งท่านจากโลกนี้ไปกับภูมิรู้ และปริญญาหรูห้อยท้ายนั้น ท่านเป็นเหมือนสิงโตที่ตายแล้วจริง ๆ ท่านสู้ สุนัขเป็นไม่ได้ ในคริสตจักรมีคนไร้วุฒิ เรียนอะไรก็ไม่เก่ง สอบก็ไม่ผ่าน แต่เขาขันอาสาสมัครเข้ามาช่วยคน ช่วยงานพระเจ้า ในทีมประกาศเขาอาจเป็นลูกหาบ แค่คนหิ้วของ ยกเครื่องไม้เครื่องมือ ยืนประกอบฉากเมื่อนักเทศน์ออกไปเทศนา เขายืนแจกใบปลิวข้างถนน อันเป็นใบปลิวที่ตัวเขาเองก็อ่านไม่ออก ไม่น่าเชื่อน่ะครับ เขาเป็นสุนัขเป็นที่มีประโยชน์กับแผ่นดินพระเจ้ายิ่งกว่า สิงห์ตาย หรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่รับใช้อะไร นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน จนจากโลกนี้ไป

4. ผู้มากประสบการณ์ที่เลิกรับใช้ สู้คนใหม่ที่เดินเตาะแตะรับใช้ไม่ได้
สิงห์ที่มีประวัติล่าเหยื่อเก่ง เป็นหัวแถวให้สัตว์ทั้งป่าเดินตาม แค่คำรามใครก็ขยาด แต่มาบัดนี้ วันนี้ ชั่วโมงนี้ นอนแน่นิ่ง ไม่ไหวติง หัวไม่ขยับ หางไม่กระดิก สู้สุนัขเป็น ที่วิ่งไปมาไม่หยุดไม่ได้ หลายครั้งเรามักเป็นพยานเลอเลิศว่าว่าเราทำงานมามากแค่ไหน ดี แต่นั่นคืออดีตสมัยเป็นหนุ่มเป็นสาว แล้ววันนี้ล่ะ! เรารู้ไหมว่า ประสบการณ์ยอดเยี่ยมนั้น คือสิงห์ที่สามารถผงาดขึ้น ท่านสามารถเป็นผู้รับใช้ระดับมืออาชีพ เป็นมวยชั้นครู งานพระเจ้าสามารถวิ่งฉิว แต่ท่านวางมันสิ้น เหมือนสิงห์สิ้นลมปราณ วันนี้ คนใหม่เด็กวานซืน คนที่เพิ่งเข้ามาพบพระเจ้า เขาปล้ำสู้อย่างมวยวัด เขาเดินเตาะแตะ ลองผิดลองถูก ครับ แน่นอน เขาจะเก่งขึ้น เก่งขึ้น เขาเป็นสุนัขเป็นที่เป็นประโยชน์กับแผ่นดินพระเจ้ามากกว่าสิงห์ตายแน่

5. ครูที่ทำบาปโดยไม่กลับใจใหม่ สู้ คริสเตียนใหม่ที่จริงใจกับพระเจ้าไม่ได้
เรารู้ดีว่า ไม่มีใครรู้ทุกอย่างในพระคัมภีร์ คริสเตียนใหม่ รู้น้อย คริสเตียนนานวันรู้มากกว่า รู้จนน่าจะเป็นครูได้แล้ว คริสเตียน คือ คนที่จริงใจ เมื่อเรารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด หากเราทำผิด พลาดพลั้งลงไป ลูกพระเจ้าต้องสำนึกผิดกลับใจ หันมาเดินให้ถูก อย่างนี้ท่านก็เป็นผู้มีชีวิต แม้ท่านเป็นคนใหม่ ท่านคือสุนัขที่มีชีวิต ในทางกลับกัน หากท่านเป็นครู มีภูมิรู้พระวจนะดี แต่ท่านทำผิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด ท่านก็ยังดำเนินผิดเช่นนั้นต่อไป ในงานรับใช้ ท่านคือสิงห์ที่ตายเสียแล้ว เมื่ออยู่ในสังคม คริสเตียนใหม่ที่จริงใจสามารถนำคนมาหาพระเจ้าได้ สังคมเห็นความดีที่ทำเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาในสวรรค์ แค่ถ้าเราที่เป็นผู้รับใช้ ดองความผิดไว้ เราคงเป็นเกลือที่หมดความเค็ม เมื่อสอน ใครจะฟัง มีแต่ทิ้งไว้ให้คนเหยียบย่ำ (มัทธิว5:13 )

6. ผู้มีกำลังที่มิได้ฉวยโอกาส สู้ผู้ไร้กำลังที่ลงมือทำไม่ได้
พระเยซูทรงเล่าเรื่องเศรษฐี กับลาซารัสให้เราฟัง ในลูกา 16:19-22 พระองค์เล่าว่า “มีเศรษฐีคนหนึ่ง นุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี รับประทานอาหารอย่างประณีตทุกวัน ๆ และมีคนขอทานคนหนึ่ง ชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูบ้านเศรษฐี และเขาใคร่จะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา”
การที่ขอทานมานอนหน้าบ้านเศรษฐี ผู้ซึ่งมีทรัพย์เหลือเฟือ มีอาหารบริบูรณ์ เศรษฐีเป็นสิงห์จริง ๆ ในอาชีพการงานของเขา เขาก้าวมาถึงความมั่นคงในชีวิต วันนี้ เป็นโอกาสทองให้เศรษฐีช่วยลาซารัส ช่วยแบ่งปันอาหารดี ๆ ให้เขารับประทาน ช่วยเอาลาซารัสมาชำระล้างแผล ใส่ยา ให้พยาบาลบำบัดรักษาให้เขาหาย เศรษฐีคนนี้เป็นสิงห์ก็จริง แต่เป็นสิงห์ที่ตายแล้วสำหรับลาซารัส เขาไม่สนใจ เขาเพิกเฉย ที่ว่า “ลาซารัสใคร่จะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี” แสดงว่า เศรษฐีมิได้แบ่งอะไรให้ เขาไร้ประโยชน์กับลาซารัสโดยสิ้นเชิง ที่ลาซารัสได้รับประโยชน์จริง ๆ ก็จาก สุนัขตัวเป็น ๆ ที่มาช่วยเลียแผลให้ น้ำลายจากปากสุนัข ยังมีประโยชน์กับลาซารัสมากกว่า ฝ่ายพยาบาลชั้นหนึ่งในบ้านเศรษฐีเสียอีก ภาระกิจการช่วยคนให้มาถึงพระเจ้า เป็นโอกาสของสิงห์ที่มีชีวิต บ่อยครั้ง พระเจ้าให้ความต้องการนั้นมาอยู่ต่อหน้าเรา ขออย่าให้เราพลาดโอกาสนั้น

7. คนเก่งที่จากโลกนี้ไปแล้ว สู้คนไม่เก่งที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้
เมื่อสอนพระธรรมกิจการ ผมชอบ เปโตร เปาโล เมื่อเรียนประวัติศาสตร์ ผมชอบ ชาร์ล จี ฟินนี่ สเปอร์เจียน ดี แอล มูดี้ ผมชอบครูอย่าง ซี ปีเตอร์ แวคเนอร์ ผมชอบ ดอกเตอร์บิลลี่ เกรแฮม อ่านประวัติศาสตร์คริสตจักรในเมืองไทย ผมชอบ แดเนียล แมคกิลวารี ชอบ อาจารย์ราสิน่า คนเหล่านี้เป็นสิงห์ของพระเจ้าจริง ๆ แต่วันนี้ ท่านอำลาโลกไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว สำหรับงานในโลกนี้ คงทิ้งไว้แต่ประวัติ และผลงาน คำเทศน์ คำสอน เราต่างหากที่ยังอยู่ในโลก ตัวเป็น ๆ อย่าดูถูกว่าเราคือผู้เล็กน้อย เราอาจไม่เก่งเท่าท่านเหล่านี้ แต่ชั่วโมงนี้โอกาสเป็นของเรา เป็นของสุนัขเป็นที่ทำอะไรเพื่อพระเจ้าได้ในชั่วโมงนี้ เราสามารถเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคริสตจักร

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
















Visitor 259

 อ่านบทความย้อนหลัง