เปโตร กับครอบครัว

ศบ.


ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​เรือน​ของ​เปโตร ​ก็​ทรง​เห็น​แม่​ยาย​ของ​เปโตร​นอน​ป่วย​จับ​ไข้​อยู่​ 15 พอ​พระ​องค์​ทรง​จับ​มือ​นาง ความ​ไข้​ก็​หาย นาง​จึง​ลุก​ขึ้น​ปรนนิบัติ​พระ​องค์​
(มัทธิว 8:14-15)


มีคนถามผมว่า ลูกศิษย์ของพระเยซู มีครอบครัวหรือเปล่า เพราะสาวกเหล่านั้น เดินทาง ติดตามพระเยซูไปประกาศในที่ต่าง ๆ จากพระคำตอนนี้ ทำให้เรารู้ว่าเปโตรมีภรรยา และทำให้เราคาดเดาได้หลายอย่าง


(1) เปโตร เดิม ชื่อ ซีโมน ในภาษา ฮีบรูแปลว่า “คลื่นลม” หรือ “กระแสข่าว” คงตรงตามนิสัยของเขาด้วย คือ เป็นคนโลเล พระเยซู ตั้งชื่อให้เขาใหม่ว่า “เปโตร” (ภาษาฮีบรู) หรือ “เกฟา” (ภาษาอารามอิก) แปลว่า “ศิลา” คือต่อแต่นี้พระองค์จะปั้นเขาใหม่ให้เป็นคนที่ ไม่โลแล ตามคลื่นลม (ลมปากของชาวบ้าน ที่ชอบวิจารณ์) อีกต่อไป แต่เป็นคน มั่นคงอย่าง ศิลา ดูสิ เวลาพระเยซูเลือกเราเป็นสาวก พระองค์พร้อมปั้นเราจากคนโลเล ไม่เอาถ่าน ให้กลายเป็นเสาหลักอันมั่นคงได้ ถ้าเรายอมให้ปั้น

(2) เปโตร มีคุณพ่อ ชื่อโยนา (มัทธิว 16:17 ) เท่าที่ทราบ โยนา มีลูกชาย 2 คน คนพี่ชื่อ อันดรูว์ คนน้องคือ เปโตร เดิมครอบครัวนี้มีบ้านอยู่ที่เมืองเบธไซดา แปลว่า “บ้านปลา” เป็นเมืองชายฝั่งกาลิลี ตอนบน เปโตรมีบ้านอีกหลังหนึ่ง ที่เมืองคาเปอรนาอูม อันเป็นเมืองชายฝั่งทะเลสาปกาลิลี เช่นเดียวกัน เรารู้ดีว่า ครอบครัวนี้มีอาชีพประมง ออกไปหย่อนอวนหาปลาในทะเลตอนกลางคืน พอรุ่งเช้าก็เอาปลาออกมาขาย หาค่ำกินเช้า เขาต้องแข็งแรงแน่นอน น่าสังเกตนะครับ พระเยซูไม่ได้เรียกคนว่างงาน มาเป็นผู้รับใช้ เหมือนแนวคิดของหลายคน ทุกวันนี้ เขาว่า ช่วงนี้เขากำลังมุ่งมั่นประกอบอาชีพ กำลังโกยเงินโกยทอง กำลังทำมาค้าขึ้น ถ้าวันใดชีวิตพลิกผัน เกิดตกงาน ตกอับ ว่างงาน ไม่รู้ว่าจะทำอะไร วันนั้นจะขอถวายตัวรับใช้ อาจารย์วีรชัย เคยพูดว่า พ่อแม่บางคนก็คิดอย่างนี้ ลูกที่หัวดี ให้เรียนแพทย์ เรียนวิศวกรรมศาสตร์ เรียนกฎหมาย หรือบัญชี ส่วนลูกที่หัวขี้เลื่อย ไม่เอาอ่าว จะส่งไปเข้าศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้ ลูกที่ขยันให้หาเงิน ส่วนลูกที่ขี้เกียจ จะฝากโรงเรียนพระคัมภีร์ช่วยดัดนิสัย นี่คือ ความคิดที่แตกต่างกับ เปโตร และอันดรูว์ เขาเป็นชาวประมง มีอันจะกิน มีบ้านมีช่อง ที่ขยันครับ


(3) เปโตรมีภรรยา เรารู้เพราะพระเยซูทรงไปรักษาไข้แม่ยายของเปโตร พระคัมภีร์มิได้บอกว่า เขามีลูกหรือไม่ แต่ที่แน่นอน เปโตรแต่งงาน มีภรรยา คู่ชีวิต ตอนพระเยซูเรียกเปโตร มาเป็นสาวกที่กาลิลีให้ติดตามพระองค์ ตั้งให้เป็น “ผู้หาคนเหมือนดั่งหาปลา” พระคัมภีร์บันทึกว่า “เมื่อเขานำเรือมาถึงฝั่งแล้ว เขาก็สละสิ่งสารพัดทิ้ง ตามพระองค์ไป” (ลูกา 5:11) อีกตอนว่า “เขาละแห ตามพระองค์ไปทันที” (มาระโก 1:18) ส่วนยากอบ กับ ยอห์น เมื่อพระเยซูเรียก “ในทันใดนั้น เขาละเรือ และลาบิดาของตนตามพระองค์ไป” (มัทธิว 4:22) โปรดสังเกตนะครับ เมื่อชาวประมงเหล่านี้ ติดตามพระเยซู เขาละอาชีพที่ตนกำลังทำ วางแห วางอวน ฝากเรือ ฝากลูกจ้างไว้กับพ่อ ลาพ่อ ไม่ใช่ทะเลาะกับพ่อ

ที่สำคัญเปโตรไม่ได้ ทิ้งภรรยาออกไปรับใช้ หลายปีมาแล้ว นักเทศน์คนหนึ่ง มาบ่นกับผมว่า ภรรยาของเขา เป็นเหมือนมาร ขัดขวางเขาในการรับใช้ แล้วก็ปรารภกับผมว่า วันใดวันหนึ่ง เขาจะแยกทางกับภรรยา เพื่อจะรับใช้ได้สะดวก ผมก็บอกเขาว่า เขาเข้าใจผิด ครับ เปโตรมิได้ทิ้งภรรยาเพื่อติดสอยห้อยตามพระเยซู


(4) ภรรยาต้องเห็นชอบ
เมื่อพระเยซูเสด็จไปไหน ๆ ประกาศพระกิตติคุณ ภาพที่เขาวาดให้เราเห็นคือ ทีมสาวกที่ติดตามพระเยซูมีกันแค่ 12 คน ผมก็คาดเดาว่า เปโตรคงจะละภรรยาไว้ที่บ้าน 3 ปี ส่วนตัวเปโตรเอง ก็ออกไปแสวงบุญ ว่างั้นเถอะ แต่จากเรื่องที่เราอ่าน บ้านแม่ยายของเปโตรอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอูม แสดงว่า เปโตรคงจะออกไปรับใช้เป็นศิษย์พระเยซู ทั้งผูกพันกับภรรยา ดูแลครอบครัวไปด้วย เปาโล สอนคู่สามีภรรยา ว่า “อย่าปฏิเสธการอยู่ร่วมกัน เว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมาอยู่ร่วมกันอีก (1 โครินธ์ 7: 5) ผมเข้าใจว่า การแยกจากภรรยาของเปโตร ในบางครั้ง คงเป็นในช่วงเวลาสั้น ๆ
ที่สำคัญ “ต้องเป็นการชั่วคราว” และภรรยาของเปโตรต้องเข้าใจ เห็นชอบ โอ เค คือ “ตกลงกัน” ไม่ใช่ “ฝืนใจเธอ” เปาโลว่า การแยกกันโดยเหตุอื่น นาน ๆ เป็นการเปิดช่องให้มาร เหมือนคนไทยเรามีภาษิตว่า “สามวันจากนารี เป็นอื่น” หรือ “สามวันจาก นารีเป็นอื่น” มารก็ล่อลวงให้ “เป็นอื่น” กันได้ทั้ง สามี และภรรยา ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นทั่วไป


(5) ภรรยาร่วมรับใช้
ในพระกิตติคุณ 4 เล่ม มิได้บอกว่า ภรรยาของเปโตรออกไปรับใช้ กับคณะสาวกของพระเยซู หรือไม่ แต่ที่เราทราบคือ พระเยซู มีคณะสตรีคริสเตียน ติดตามไปช่วยให้บริการ ส่งเสริมงานรับใช้ด้วย ข้าวปลาอาหาร ปัจจัยของพวกเธอ เช่น มารีย์ ชาวมักดาลา โยอันนา สูสันนา และผู้หญิงอื่น ๆ หลายคน (ลูกา 8:1-3) ผมเดาว่า ภรรยาของเปโตร น่าจะอยู่ในคณะสตรีนี้ด้วย ผมเดาไม่ผิดครับ เพราะเปาโลบันทึกว่า “เราไม่มีสิทธิพาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยา ไปไหน ๆ ด้วยกัน เหมือนอย่าง พวกอัครทูตอื่น ๆ และน้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาสหรือ” (1 โครินธ์ 9:5) ครับ แสดงว่า เปโตรไปไหน คงได้พาภรรยาไปร่วมรับใช้ด้วย และคงไม่ใช่แต่ช่วง 3 ปีที่ติดตามพระเยซูในปาเลสไตน์เท่านั้น แม้การรับใช้ใน พระธรรมกิจการที่เปาโลอ้างถึง เปโตรน่าจะรับใช้คู่กับภรรยาด้วย
ผมแนะนำหนุ่มสาว ที่เลือกคู่ครอง นะครับ ก่อนเลือกคู่ อย่าเลือกแค่เพียงได้ เธอที่มีชื่อว่าเป็นคริสเตียน เลือกคนที่พบพระเจ้า และบังเกิดใหม่จริง ไม่เช่นนั้น ท่านต้องเดินสวนทางกับเธอไปตลอดชีวิต เธอจะเบื่อโบสถ์ เบื่อพระคำ เธอจะแย้งท่านเรื่องสิบลด ฯลฯ ไม่สนุกนะครับ เท่านั้นยังไม่พอ เลือกคนที่พร้อมรับใช้พระเจ้าเคียงข้างท่าน เหมือนภรรยาของเปโตร ผมเป็นพยานเรื่องนี้ได้ว่า คู่ชีวิตที่ร่วมรับใช้เคียงข้างนั้น เป็นพรอย่างยิ่ง
เปาโลแนะนำ คู่สมรสที่แต่งงานแล้ว ถ้าสามี หรือภรรยาของท่านไม่เป็นคริสเตียน เปาโลสอนว่า อย่าทิ้งเธอ ท่านจะเป็นพรแก่คู่ชีวิต เพราะ “สามีที่ไม่เชื่อในพระคริสต์นั้น ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ทางภรรยา และภรรยาที่ไม่เชื่อในพระคริสต์นั้น ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ทางสามี” (1 คร 7:14 ) พระเจ้าอวยพรคู่ชีวิต ทั้งลูกด้วยผ่านทางเราที่เป็นผู้เชื่อ เปโตรเองสอนวิธีนำพระพรมาสู่ครอบครัว ว่า “ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน จงเชื่อฟังสามีของท่าน เพื่อแม้ว่า สามีบางคนจะไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แต่ความประพฤติของภรรยา ก็อาจจูงใจเขาได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว คือเมื่อเขาเห็นการประพฤติ ที่นอบน้อมดีงามของท่านทั้งหลายผู้เป็นภรรยา” ( 1 เปโตร 3:1-2)

 

(6) พระเยซูทรงอวยพร ครอบครัวของเปโตร
เมื่อเปโตรออกมารับใช้ ติดตามพระเยซู ที่เมืองคาเปอรนาอูม ทรงทราบว่า แม่ยายของเปโตรนอนจับไข้อยู่ในเรือนของเธอ หมอลูกา บอกว่า “เธอป่วยเป็นไข้หนัก” (ลก 4:38) เปโตรและอันดรูว์จึงเชิญพระองค์มารักษา ผมเดาว่า ภรรยาของเปโตรคงนั่งปรนนิบัติคุณแม่ของเธอที่ไม่สบาย อาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ เช็ดตัวของเธอ เพื่อลดไข้ เมื่อพระองค์มาถึง ทุกคนรู้สึกเหมือนหมอมาถึงบ้าน จึงรีบบอกอาการคุณแม่ที่ไม่สบายให้พระองค์ทราบ เมื่อพระองค์จับมือ พยุงนางขึ้น ไข้ก็ลดลงทันที
เราทราบดีว่า พระกิตติคุณ มิได้บันทึกการอัศจรรย์ทุกเรื่อง แต่คัดเรื่องที่มีความพิเศษเท่านั้น การรักษาไข้แม่ยายของเปโตรมีเนื้อหาไม่ยืดยาว แต่เป็นเรื่องหนึ่ง ที่ทั้ง มัทธิว มาระโก และหมอลูกาบันทึก ผมเชื่อว่า ความพิเศษอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือ พระเยซูทรงสนพระทัยที่จะช่วยครอบครัวของเปโตร สาวกของพระองค์ การที่พระเยซูทรงจับมือของแม่ยายเปโตร และพยุงตัวเธอขึ้นเป็นภาพแสดงความรัก ห่วงใยที่ละมุนละไม วันนั้น เธอได้รับการบำบัดง่ายๆ นำความยินดีกลับมาสู่ครอบครัว แม่ยาย ผู้หายป่วยไม่เพียงแต่มีความศรัทธาในพระเยซูเท่านั้น แต่เธอลุกขึ้นมาปรนนิบัติพระองค์ และพวกสาวกด้วย (ลูกา 4:39) เธอคือผู้เชื่อผู้รับใช้ พระเยซูทรงสัญญาว่า ผู้ที่แสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระเจ้าก่อน พระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ (มัทธิว 6:33) สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ ครอบคลุมไปถึง คนในครอบครัว ผมเคยไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทหารบก ผมสังเกตว่า บรรดาญาติของทหารได้รับสิทธิพิเศษ ในการรักษา เพราะลูกหลานของเขาออกศึก สดุดี 50:15 กล่าวว่า “จงร้องทูลเราในวันทุกข์ยากลำบากเราจะช่วยกู้เจ้า และเจ้าจะถวายพระสิริแก่เรา” นี่คือพระสัญญาที่พระเจ้าให้แก่สาวกผู้ติดตามพระองค์


ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ














Visitor 496

 อ่านบทความย้อนหลัง