ทรงสงสารเขา


ศบ.
“เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสางสารเขา”
(มัทธิว 9:36)


ผมเพิ่งไปบางกะไชย อ. แหลมสิงห์ จังหวัดจันทุบรี น้องชินวัตและ ทีม ไปประกาศที่นั่น ประมาณสองเดือนแล้ว เทศนาเสร็จก็วางมือรักษาโรคคนเจ็บป่วย ครั้งแรกน้องเขารายงานให้ผมทราบว่ามีคน เข้ามา 37 คน สัปดาห์ถัดมาก็รายงานให้ผมทราบว่า มีคนหายโรค และพากันมามากขึ้น เป็น 42 คน เป็น 75 คน ประมาณต้นกุมภาพันธ์ ก็รายงานให้ผมทราบ อีกว่า คนเพิ่มเป็น 140 คน มี คนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนก็พากันมามากขึ้นจนมีมากกว่า 230 คนแล้ว หลายคนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก พาเพื่อนใหม่มาด้วย ตอนที่ผมยังสอนนักเรียนที่เชียงราย น้องเขาก็รายงานว่า มีคนเข้ามาเพิ่มเป็น 320 คน วันที่พุธที่ผ่านมา เราไปที่นั่นพร้อมกับพี่น้องที่คริสตจักร และนักศึกษาในกรุงเทพฯ คนที่เข้ามาฟังทั้งหมด 530 คน น่าตื่นเต้นแท้ ผมถามว่า คนเหล่านี้ทำอาชีพอะไร บางคนเป็นชาวประมง บางคนเป็นชาวไร่ ชาวสวน บางคนเป็นพ่อค้า ที่รับราชการก็มี บ้านเก่า ๆ ที่ไปเช่าไว้ และขึ้นป้ายเป็นสถานประกาศ ไม่พอรองรับพี่น้องเหล่านี้ น้องเขาขอเก้าอี้เพิ่มทีละ 100 ตัว มา 2-3 ครั้ง แล้ว และทำท่าว่าคนจะเพิ่มกันเข้ามาอีก ผมถามว่าพวกเขามาจากที่ไหน ก็ทราบว่า หลายคนมิได้อยู่ในจันทบุรีเท่านั้น แต่มาจากจังหวัดตราดด้วย

 

 

 

วันที่เราไป เขาต้องไปกางเต็นท์ 4 หลัง ใต้ร่มไม้ ริมฝั่งทะเล ตอนบ่าย 3 โมง ได้บรรยากาศดีเหลือเกิน น้องรัตน์นำรายการ มีน้อง ๆ นำเพลงสั้น และให้ผมเทศนา ครั้งแรกผมตั้งใจว่าจะสอนพระคัมภีร์ มีภาพขึ้นบนจอ ให้ดูภาพใน power point ประกอบ จึงฝากน้องบิวท์ไปช่วยเตรียมจอ และจอพ่วงล่วงหน้า แต่เมื่อไปถึง เราพบว่า บ่ายสามโมง แดดเปรี้ยง มันสว่างมาก ฉายอะไรขึ้นจอก็มองไม่เห็นทั้งสิ้น เราจึงตัดสินใจพับจอเก็บทั้งหมดไม่ให้รกตา แล้วผมก็สอนไปโดยไม่มีอุปกรณ์อะไร แต่น่าทึ่ง คือ พี่น้องมีสมาธิ สงบตั้งใจฟังดีมาก ผมไม่ค่อยได้เห็นภาพนี้มานาน ขณะเทศนาก็ยังมีพี่น้องทยอยเข้ามาเพิ่มอีก เมื่อเชิญให้รับเชื่อพระเยซู พวกเขาก็ยกมือ อธิษฐานสารภาพบาป ต้อนรับพระเยซู หมดทั้ง 500 กว่าคน ครับ ผมคิดว่าผมประเมินไม่ผิดพลาด เพราะผมกวาดตามองไป ไม่เห็นแม้แต่คนเดียวที่ไม่ยกมือ เสียงอธิษฐานว่าตาม และมอบชีวิตให้พระเยซู ผสมเสียงคลื่นดังก้อง ชายฝั่งน่าประทับใจแท้ ผมสอนให้เขาอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์หนังสือลูกา เล่มบาง ๆที่นำไปแจก สอนให้เขามาร่วมประชุม และเข้ากลุ่ม ทั้งสอนให้ร่วมรับใช้โดยบอกเรื่องราวพระเยซูต่อ ๆ กันไป

 

เสร็จแล้วน้องชินวัต ก็เทศนาสั้น ๆ เรื่องการหายโรค และชวนผม ร่วมกันอธิษฐานวางมือ เผื่อคนเหล่านั้น ช่วงนี้เองผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดพี่น้องที่เข้ามาฟัง แต่ละคน บางคนขอให้เอามือวางที่ที่เขาเจ็บ ที่แขนบ้าง ขาบ้าง ที่ดวงตาบ้าง ด้วยความสัตย์จริง ผมรู้ว่าการที่พวกเขาจะหายโรคนั้น อยู่ที่พระเมตตาของพระเยซูแท้ ๆ เพราะเราที่เป็นมนุษย์ทำได้แค่นี้ ทั้งน้องชินวัตและผม บอกพวกเขาเสมอว่า เราไม่ได้เป็นแพทย์ หรือมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด เราทำตามพระบัญชาของพระเยซู ให้พวกเขาเชื่อพระเยซู พระองค์ตรัสว่า “มีคนเชื่อที่ไหน หมายสำคัญเกิดขึ้นที่นั่น เมื่อเขาขับผี ผีจะออก เมื่อเขาวางมือบนคนไข้คนป่วย คนเหล่านั้นจะหายโรค” (มาระโก 16:17-18) นั่งรถกลับกรุงเทพฯ ผม และภรรยา คุยกันเรื่องความน่าสงสารของคนเหล่านี้ เขาต้องทุกข์แน่ เขาต้องทรมาน แน่ ทั้งเรื่องสุขภาพและการใช้ชีวิต มิฉะนั้นเขาคงไม่ดั้นด้นมาฟังคำสอน ในสถานที่ที่ไม่หรูหราอะไร เงินไม่ใช่คำตอบสำหรับพวกเขา เพราะเขามิได้เป็นคนยากจนข้นแค้น โลกไฮเทคศิวิไล ก็มิใช่คำตอบของพวกเขาด้วย เพราะคนเมืองจันท์วันนี้สัมผัสความทันสมัยของบ้านเมือง ไม่ต่างจากคนในกรุงเทพฯ ความทุกข์ของเขา ใครช่วยเขาไม่ได้ พระเยซูเท่านั้นช่วยพวกเขาได้
ผมนึกถึงพระเยซู เมื่อพระองค์ประกาศรอบ ๆ ทะเลกาลิลี มีผู้คนมาฟังพระองค์มาก ตอนที่พระองค์เทศนาที่ทศบุรี มีคนมาฟังพระองค์มากถึง 5000 คน นับแต่ผู้ชาย ถ้านับผู้หญิงด้วยก็คงเป็นหมื่น พวกเขาหิว ไม่มีอาหารทาน พระองค์เลี้ยงพวกเขาด้วยขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัวอย่างอัศจรรย์ พระคัมภีร์บันทึกว่า เมื่อพระองค์ทรงสั่งสอนพวกเขา พระองค์ทรงสงสารเขา ด้วยเขาเป็นเหมือนลูกแกะไม่มีผู้เลี้ยง คนเหล่านั้น ที่มาหาพระองค์ ไม่มีที่พึ่ง มารก็เล่นงานพวกเขาเหมือนสุนัขป่าไล่กัดกินลูกแกะ พระองค์ทรงมีภาระในพระทัยช่วยเหลือพวกเขา ตรัสว่า ข้าวที่ต้องเกี่ยวมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้นจงอ้อนวอนพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์

 

ลองอ่านพระทัยพระเยซู ดูซิว่าพระองค์มีพระดำริอย่างไร


(1) พระองค์รักสงสารพวกเขา พี่น้องที่เข้ามาขอการรักษาโรคที่บางกระไช ก็เช่นเดียวกัน เราซึ่งไปที่นั่น เห็นพวกเขาแล้ว ย่อมสัมผัสความรู้สึกนี้ คนไทยยามนี้ พบความสิ้นหวังมากขึ้นทุกวัน ผมฟังข่าวจาก Thai PBS ได้ยินว่า โรคที่คร่าชีวิต คนไทยอันดับหนึ่ง คือ โรคมะเร็ง คนไทยป่วยเป็นมะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีมากที่สุดในโลก ถึงจุดหนึ่ง หมอ หรือยาก็รักษาเขาไม่ได้ แต่ยังไม่หมดหวังสำหรับพระเจ้า “เพราะสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงกระทำได้”


(2) พระองค์ ทรงประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกเขา สิ่งแรกที่พระเยซูทรงกระทำ คือ ช่วยจิตวิญญาณเขาให้รอด คนเรามีชนักติดหลังอยู่ทั้งนั้น บาปที่เราเคยทำมามากมาย มีโทษรอเราอยู่ คนไทยเราพูดถูก “ทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” แล้วความชั่วที่เราเคยทำ มีโทษทัณฑ์รอเราอยู่ เราจะรอดได้อย่างไร นี่เป็นเหตุผลที่ พระเยซูได้เสด็จเข้ามาในโลกวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน เพื่อไถ่โทษเรา ถ้าเรารู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ สำนึกผิด กลับใจจากความบาป เชื่อวางใจในการไถ่โทษ พระเจ้าทรงอภัยความผิดที่เราเคยทำมาทั้งสิ้น นับเราเป็นผู้ชอบธรรม ครับ นี่คือข่าวประเสริฐ ที่บางกะไชย เราจึงบอกให้คนเหล่านี้ ทราบว่า พวกเขารอดจากโทษบาปได้อย่างไร ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาตอบสนองดียิ่ง


(3) พระองค์ทรงสั่งสอนเขา คนเราทำถูก ก็ต่อเมื่อเราเข้าใจถูก พระเยซู จึงทรงสั่งสอนพวกเขา พี่น้องที่บางกะไชยเป็นคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามา แน่นอน สิ่งที่เขาต้องการคือ ความเข้าใจ เรากำลังเตรียมเยี่ยมเยียนพี่น้องคนใหม่เหล่านี้ จัดกลุ่มเซลล์ และสอนสิ่งที่พระเยซูสอน นี่คือภาระดักหน้าเรา ผมนึกถึง สาวก ที่เชื่อในวันเพนเตคศเต พวกเขารับบัพติสมาคราวเดียว 3000 คน แต่สิ่งที่เขาทำตอนนั้น คือพวกเขาขะมักเขม้น ในการฟังคำสอนของพวกอัครทูต “ขะมักเขม้น” แปลว่า”กระตือรือร้น” แปลว่าอยากเรียนอยากรู้ ไม่มีใครบังคับ แต่พวกเขาหิวกระหายคำสั่งสอน เหมือนทารกน้อยหิวน้ำนม


(4) ผู้เชื่อที่เข้ามา สามัคคีธรรมและผูกพันกันเป็นคริสตจักร ที่เยรูซาเล็ม ชุมชนผู้เชื่อประชุมร่วมกัน แบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูล หักขนมปังด้วยกันอธิษฐานด้วยกัน และคนเหล่านั้นก็เจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ ทำนองเดียวกัน ผู้เชื่อที่เข้ามา พระเยซูทรงมีพระประสงค์ให้เขาเข้มแข็งขึ้น เติบโตขึ้น รักพระเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ยิ่ง ๆขึ้น แต่เขาต้องมีผู้เลี้ยงดูแลทุกข์สุขฝ่ายวิญญาณ ในพระธรรมกิจการ ผู้เชื่อทั้งหลาย เปาโลสร้างชุมชนใหม่ให้เขาเป็นคริสตจักรเสมอ เช่นที่เมือง ลุทรา อิโคนิยูม เดอร์บี ฟิลิปปี เธสะโลนิกา เบโรยา โครินธ์ เอเฟซัส ฯลฯ บางกะไชย ก็ทำนองเดียวกันต้องมีคริสตจักรเกิดขึ้น คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคารสวยหรู แต่เป็นชุมชนผู้เชื่อที่มีการปกครองดูแลโดยผู้เลี้ยง


(5) งานปลูกคริสตจักร ต้องขยายกันต่อไป การประกาศที่ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี จันทบุรี และที่อื่น ๆ ควรได้ขยายกันต่อไป ไม่หยุดยั้ง เพราะคนไทยยังไม่รู้จักพระเจ้าอีกมากมายล้นพ้น เหมือนข้าวในทุ่งนาอันเหลืองอร่าม สุกงอม ต้องการคนเก็บเกี่ยว ครับวันนี้ คนงานยังน้อยอยู่ ผมก็ได้แต่อ้อนวอนพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานมายังท้องทุ่งของพระองค์ในเมืองไทย เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา ก่อนถึงการประชุม ผมได้ชวนทีมพี่น้อง ทั้งที่ไปจากกรุงเทพฯ และพี่น้องที่แหลมสิง และบางสระเก้า มาร่วมปรึกษามองดูกับตา เรายังเป็นแค่ไม้ซีก ที่จะงัดไม้ซุง ผมไม่ได้ท้อถอย ได้แต่อธิษฐานพระเจ้าให้ เราทำงานนี้อย่างชาญฉลาด อย่างมีทิศทาง อย่างถ่อมใจ ไม่คำนึงว่าใครจะได้เกียรติ ไม่ได้ทำให้ใครชม แต่ปรารถนาให้พระเยซูได้เกียรติ ให้คนเหล่านั้นได้รับการช่วยเหลือให้พวกเขาพบพระเจ้า


(6) คาดหวังว่า ในแต่ละชุมชนผู้เชื่อ ที่เกาะแมว ที่ท่าใหม่ ที่คลองหิน ที่ขลุง ที่สนามชัย ที่ขะโมง ที่ซึง ที่บางสะกอ ที่คลองกุด ที่ช้างด่าง ฯลฯ จะมีกลุ่มเซลล์ โดยมีผู้นำที่พบพระเจ้า มีน้ำใจเปิดบ้านให้ใช้เป็นที่รวมคนจัดกลุ่มเซลล์ขึ้นระหว่างสัปดาห์ ไม่เพียงเท่านั้น ในอนาคต จะมีคนจากพื้นที่เหล่านี้ มาเรียนพระคัมภีร์ที่ศูนย์ฝึกอบรมผู้รับใช้ เพื่อเขาจะสามารถมานำคริสตจักร และสอนผู้เชื่อใหม่ ๆ ได้ต่อไป ที่สะมาเรีย พระเยซูตรัสว่า งานพระเจ้าจะเร่งรีบขึ้น เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม “ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าดูทุ่งนาเถิด ว่าทุ่งนาเหลืองอร่าม ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว คนเกี่ยวกำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อคนที่หว่าน และคนที่เกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน” (ยอห์น 4:35-36)
บางกะไชย เป็นงานที่พระวิญญาณทรงกระทำผ่านเรา เป็นแบบให้เราเห็นว่า เมื่อเราทุ่มเทกำลัง พระเจ้าก็ทรงกระทำการของพระองค์ เมืองไทยยังเป็นท้องทุ่งที่ต้องการการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ คนไทยต้องการการช่วยเหลือมาก ผมขอนำคำของ ดร. บิลลี่ เกรแฮม มากล่าวอีกครั้ง “ไม่ใช่ท่าน แล้วใคร ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แล้วเมื่อไหร่”
ขอพระเจ้าอวยพรพรครับ



Visitor 89

 อ่านบทความย้อนหลัง