เชื่อพระเจ้าจริงอย่างเฮเสคียาห์


ศบ.
“และ​งาน​ทุก​อย่าง​ซึ่ง​พระ​องค์​ทรง​เริ่ม​กระทำ​ใน​การ​ปรนนิบัติ แห่ง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​และ​ตาม​พระ​ธรรม​และ​พระ​บัญญัติ เพื่อ​แสวงหา​พระ​เจ้า​ของ​พระ​องค์ ​พระ​องค์​ทรง​กระทำ​ด้วย​เต็ม​พระ​ทัย และ​ทรง​จำเริญ​ขึ้น​” (2 พศด 31:21)
คนไทยเรามีภาษิตว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ซึ่งแปลว่า พ่อเป็นยังไง ลูกก็จะเป็นอย่างนั้น แต่บางทีภาษิตนี้ ก็ไม่จริงเสมอไป เพราะคนเราถูกสร้างมาให้เลือกได้อย่างอิสระ และ คนรุ่นลูก ที่มีพ่อไม่เป็นแบบ ก็อาจมีสิทธิเลือกสิ่งดี ๆ ได้ตามใจตน ถ้าเขารักดี
วันนี้ผมอยากยกเรื่องกษัตริย์พระองค์หนึ่งของ ยูดาห์ มาเล่าให้ฟัง นั่นคือ เฮเซคียาห์ หลังยุคของซาโลมอนแล้ว ยิวก็แตกเป็นสองอาณาจักร คือ

(1) อาณาจักรฝ่ายเหนือ ที่มีกรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวง รวมคนยิวไว้ 10 เผ่า และ (2) อาณาจักรฝ่ายใต้ที่มีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง รวมคนยิว 2 เผ่าเท่านั้น คือ ยูดาห์ และเบนยามิน ไม่น่าเชื่อน่ะครับ ทั้งสองอาณาจักร ซึ่งเป็นยิวด้วยกัน รบราฆ่าฟันกันเรื่อยมา คนล้มตายนับแสน ทั้งสองอาณาจักรปกครองโดยกษัตริย์สืบทอดกันลงมา ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ส่วนมากอาณาจักรฝ่ายเหนือนั้น กษัตริย์ที่ปกครองชั่วทุกพระองค์ บางพระองค์ก็ชั่วร้ายที่สุด กรุงสะมาเรียถึงได้แตกเร็ว คือเริ่มตั้งแต่เยโรโบอัม ในปี กคศ 931 และถูกอัสซีเรียตีแตกในปี กคศ 722 คือมีอายุ แค่ 209 ปีเท่านั้น วันนี้กรุงรัตนโกสินของเรามีอายุยืนกว่าเยอะ เรามีอายุ 236 ปีแล้ว ส่วนอาณาจักรฝ่ายใต้ เริ่มพร้อมกับฝ่ายเหนือ มีเรโหโบอัมปกครองในปี กคศ 931 มีกษัตริย์ที่ดีอยู่หลายพระองค์ กรุงเยรูซาเล็มแตก และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในปี กคศ 586 อายุยืนกว่าฝ่ายเหนือ คือนานถึง 345 ปี มันเป็นบทเรียนกับเรา ถ้าเราเป็นคนดี เชื่อพระเจ้า อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม เชื่อฟังพระวจนะ เราจะมีอายุยืนยาวถึงลูกถึงหลาน ก็อยู่ที่เราเลือก
เฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ อาณาจักรฝ่ายใต้ พระองค์ปกครองตั้งแต่พระชนมายุ แค่ 25 ปี พอๆ กับผมตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มเต็มตัว พระองค์ครองราชย์อยู่นาน 29 ปี ก็นับว่านานพอดู พระคัมภีร์นับว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ที่ดีพระองค์หนึ่ง และเรื่องราวของพระองค์ถูกบันทึกไว้ไม่น้อย ซึ่งผมจะขอเล่าเป็นเรื่อง ๆ

1. พระองค์ทรงเลือกเชื่อฟังพระเจ้า
ถ้าจะว่าคนเราต้องไหลตามกระแสเสมอ ก็ไม่จริงสำหรับพระองค์ เพราะชายตาไปมองอาณาจักรฝ่ายเหนือ ที่มียิว 10 เผ่า ก็เห็นได้ชัดว่า กษัตริย์แต่ละพระองค์นั้นใช้ชีวิตเลวร้าย ติดต่อกันมา ส่วนมากก็ไปเอารูปเคารพ ของพระต่างด้าว มาประดิษฐาน แล้วพาคนยิวกราบไหว้พระเหล่านั้น อย่างกษัตริย์อาหับ เริ่มจากไปอภิเษกสมรสกับพระนางเยเซเบล จากเมืองไซดอน แล้วพระนางก็นำรูปเคารพ พระบาอัล ของชาวไซดอนมาไว้ที่สะมาเรีย พานักบวชพระบาอัลมาด้วย เท่านั้นไม่พอ ตามไล่ฆ่าผู้เผยพระวจนะ เราคงจำได้ว่าพระเจ้าใช้เอลียาห์มาท้าพนันให้ไฟตกจากฟ้ากับพวกพระเหล่านั้น สังคมชั่ว ไม่จำเป็นที่เราจะต้องชั่วตามไปด้วย เฮเซคียาห์ ทอดพระเนตรเห็นตัวอย่างเหล่านี้แล้วคงรู้สึกอนาถ บอกตัวเองว่า “จะไม่มีวันตามคนพวกนี้” สมัยเรียนหนังสือ ผมเคยคุยกับเพื่อน ๆ หลายคนบอกผมว่า เกิดเป็นชาย เราต้องเป็นให้หมด สุรา นารี กีฬา บัตร แถมพูดด้วยว่า “ถ้ากินเหล้าไม่เป็น ก็ไม่เป็นแมน” ดีที่ผมเห็นต่าง ผมคิดว่า “คนติดเหล้ายาปลาปิ้งซิ ไม่เป็นแมน” เพราะคุมตัวเองยังไม่ได้ วันนี้กระแสสังคม ติดเฟสบุ๊ค จนอนุชน เราอ่านพระคัมภีร์ใหม่เล่มบาง ๆ ยังไม่จบเป็นแถว แต่เปิดเฟสบุ๊ค ยูทูป ดูได้ทั้งวันทั้งคืน นี่ไม่ใช่พ่อหนุ่มเฮเซคียาห์
หันมาดูพระราชบิดาของ เฮเซคียาห์ คือ กษัตรย์อาหัส ก็ไม่เป็นแบบอย่างให้พระองค์ได้เดินตามเลย กษัตริย์อาหาส (2 พกษ 16:1-20) กษัตริย์พระองค์นี้ ดำเนินตามกษัตริย์อาณาจักรฝ่ายเหนือ คือ เดินตามกระแสไง พระองค์ ปิดพระวิหาร เอารูปเคารพพระต่างด้าวมาตั้งไว้ทั่วทุกมุมในกรุงเยรูซาเล็ม ด้วยพระองค์เอง ธรรมดาพระบาอัล เขาจะบวงสรวงพระจันทร์ โดยเอาคนมาเผาเป็นเครื่องบูชา กษัตริย์อาหัส เข้าลึกถึงขั้น เอาพระโอรสของพระองค์เอง เผาเป็นเครื่องบูชา นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายแท้ ที่ผู้เผยพระวจนะสอนอะไร ตนสลัดทิ้งหมด ด้วยความขลาดกองทัพอัสซีเรีย พระองค์รื้อขันสาคร สำหรับล้างชำระหน้าพระวิหารออก เรื่องเหล่านี้ เฮเซคียาห์ ทรงทอดพระเนตรเห็นบิดาของพระองค์กระทำทั้งสิ้น แต่พระองค์ไม่ทำตาม คงบอกตัวเองว่า “ฉันจะไม่มีวันทำเรื่องร้าย ๆ เหมือนพ่อ” แต่ “พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ชอบ ในสายพระเนตรพระเจ้า ตามทุกอย่าง ซึ่งดาวิด บรรพบุรุษของพระองค์ได้การทำ” (2 พกษ 18:3) มองบรรพบุรุษของเราขึ้นไป ตั้งแต่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตาทวด ทวดของทวด ทวดของทวดของทวดของทวด เรามักเห็นตัวอย่างทั้งดีทั้งเลว พระเจ้าสร้างคนเราให้มีอิสระในการเลือก เฮเซคียาห์ ไม่เลือกทำตาม “พ่ออาหัส” แต่เลือกทำตาม บรรพบุรุษ “ทวดดาวิด” ผมเพิ่งกลับมาจากค่ายอนุชน ได้คุยกับลูก ๆ หลาน ๆ ว่าวันนี้คนชอบเลือก Idol บุคคลตัวอย่าง เพื่อเดินตาม บางคนไปเลือก ดาราญี่ปุ่น ดาราเกาหลี บางคนเลือกดาวซัลโว ฟุตบอลล์ แต่ผมแนะนำให้เลือกพระเยซู รับรองได้ว่าชีวิตดีแน่


2. ลงมือปฏิรูปเยรูซาเล็มทันที
สิ่งแรกที่พระองค์กระทำก็คือ รื้อสิ่งเลว ๆ ที่พ่อทำไว้ออกทั้งหมด เอารูปเคารพออก พังงูทองเหลืองของโมเสส ที่คนยิวเอามาเป็นรูปเคารพ เปิดประตูพระวิหาร ที่กษัตริย์อาหัสปิดตายมาหลายปี บูรณะงานปุโรหิต และเลวี ทรงบัญชาให้พวกเขาชำระพระวิหาร จัดให้มีการถวายเครื่องบูชานมัสการพระเจ้า คณะนักร้องของอาสาฟ พระองค์ฟื้นฟูงานของพระเจ้า หนุนให้คนถวายทศางค์อย่างสัตย์ซื่อ เทศกาลปัศคา จัดตารางเวลาเทศกาลต่าง ๆ ส่งจดหมายไปเชิญเผ่าต่าง ๆ ตั้งแต่ ดาน ถึงเบเออเชบา นอกจากยูดาห์ ให้มาร่วมรื้อฟื้นพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจาก เผ่าอาเชอร์ เศบุลุน เผ่ามนัสเสห์ นอกจากนั้นยังมีมาจากเอฟราฮิม อิสสาคาร์ ให้มาร่วมงานปัศคาด้วยกัน ทั้งกระจายออกไปทำพันธกิจ รื้อปูชนียสถานสูงที่บิดาทำไว้ นอกเขตยูดา ให้คนหันกลับมานับถือพระเยโฮวาห์ (2 พศด 29-31)
แน่นอน ช่วงนั้นเป็นเวลาที่อาณาจักรฝ่ายเหนือแตก ผู้คนถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย คนยิ่งต้องหันมาพึ่งเยรูซาเล็มมากยิ่งขึ้น การเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เป็นการเริ่มต้นถูกต้องที่สุด ถ้าเฮซีคียาห์ไม่ลุกขึ้น คนยิวจะยุ่งเหยิงเหมือนแพแตก เขาจะแตกฉานซ่านเซ็นแค่ไหน จำไว้ ในยามคับขัน พระเจ้ายิ่งให้เรายืนปักหลักมั่นคง ไม่โงนเงน ง่อนแง่น เฮเสคียาห์ยืนมั่นในพระเจ้า เป็นเสาหลักให้คนได้พึ่ง


3. รับใช้ที่พระวิหาร
“งานทุกอย่างซึ่งพระองค์ทรงเริ่มกระทำ ในการปรนนิบัติแห่งพระนิเวศของพระเจ้า” ( 2 พศด 31:21 ) สมันนั้นก็คงหมายถึงพระวิหารที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์ซาโลมอน เดี๋ยวนี้ก็น่าจะหมายถึงคริสตจักร ซึ่งไม่ใช่อาคาร แต่เป็นกลุ่มผู้เชื่อที่พระเจ้าทรงเรียกออกมาสู่แผ่นดินพระเจ้า พระเยซูตรัสว่า “เชื่อเราเถิด คงมีวันหนึ่งที่พวกเจ้าจะมิได้ไหว้นมัสการพระบิดา เฉพาะที่ภูเขานี้ หรือที่เยรูซาเล็ม....แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (ยอห์น 4:21-23) การทุ่มเทสร้างชีวิตผู้เชื่อเป็นเรื่องเอก การนำหัวใจคนเข้ามารู้จักและนมัสการพระเจ้า คือ การสร้างพระนิเวศน์ฝ่ายวิญญาณ ที่พระเจ้าทรงกระทำอยู่ในปัจจุบัน


4. ฟื้นฟูพระวจนะ
“ตามพระธรรมและพระบัญญัติ” (2 พศด 31:21) พระคำเป็นทั้งอาหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อช่วยให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นยามเตือนภัย เป็นกระจกเงาส่องดูตัวเรา เป็นน้ำนมสำหรับคนใหม่ เป็นอาหารแข็งสำหรับผู้ใหญ่ เป็นผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เล้าโลมใจเมื่อเราทุกข์ เป็นไฟฉายส่องทางเดินของเรา เฮเสคียาห์พบศึกหนักมาก เมื่อกองทัพของอัสซีเรีย ยกทัพใหญ่มาถึงเมืองลาคีช ก็ส่งทูตมาเจรจา ขู่เข็นให้ยอมแพ้ ทูตเยาะเย้ยถากถาง ดูถูกพระเจ้า แต่เฮเซคียาห์สั่งไว้ อย่าไปทะเลาะ พวกยิวก็เงียบไม่พูดสักคำ มอบให้เป็นภาระของพระเจ้า เวลาเราได้เรียนรู้พระคำ เราจะเดินเกมส์ถูกแล้วผลที่ดีจะเกิดกับเรา


5. ทำดีที่สุดที่ทำได้
สงครามที่อัสซีเรียเตรียม บดขยี้ เยรูซาเล็มครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก พวกเขามีทหาร เกือบสองแสนคน มองด้วยสายตามนุษย์ก็มีแต่พ่ายแพ้สถานเดียว ชวนให้ตื่นตระหนก แต่เฮเซคียาห์ เข้าไปในพระนิเวศน์ อธิษฐานแสวงหาพระเจ้า ฟ้องพระเจ้า “พระองค์ไม่ได้ยินหรือพวกเขาเยาะเย้ยว่าอย่างไร” อธิษฐานแล้ว พระองค์มิได้อยู่เฉย ๆ แต่ทรงเตรียมป้องกันเท่าที่ทำได้ ด้วยปัญญาที่พระเจ้าทรงประทาน (1) อุดน้ำพุ ที่ไหลออกไปนอกเมือง ให้ไหลอยู่ในกำแพงเมืองเป็นแอ่งน้ำในกรุง ทำให้ทหารข้าศึกที่ยกมารบไม่มีน้ำ (2) บูรณะกำแพงที่ทรุดโทรม ทั่วไปใหม่ สร้างหอคอย สร้างกำแพงชั้นนอก อีกชั้น (3) สร้างอาวุธ และโล่เป็นจำนวนมาก (4) ตั้งผู้บังคับการต่อต้านไว้หนุนประชาอาสา (5) หนุนใจเขา ว่า จงเข้มแข็ง อย่ากลัว อย่าท้อ ฝ่ายเรามีพระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าฝ่ายเขา ขอให้วางใจพระเจ้า เป็นบทเรียนกับเราอย่างแท้จริง งานคริสตจักรจะประสบความสำเร็จ เราต้องทำทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้ ไม่ยอมแพ้เสียอย่าง พระเจ้าต้องประทานชัยชนะให้เรา


6. เชื่อฟังผู้รับใช้
บุคคลที่เสริมจิตใจของเฮเสคียาห์ดีที่สุดตอนนั้น คือ มีคาห์ และ อิสยาห์ ตั้งแต่ก่อนที่ยิวจะประสบชัยชนะ พระเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับกองทัพศัตรู พวกเขาจะต้องถอยทัพกลับ (2 พศด 32: 20-21;2พกษ 19:20-29)


7. พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ส่วนของพระองค์
แล้วพระเจ้าก็ทรงประทานชัยชนะให้ ในคืนเดียว พระเจ้าทรงประหารทหารอัสซีเรีย 185,000 คน “เมื่อคนลุกขึ้นตอนเช้ามืด ดูเถิดพวกเหล่านั้น เป็นศพทั้งนั้น” ( 2 พกษ 19:35) เมื่อเซนนาเคอริบ กลับไป พระองค์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยโอรสของพระองค์เอง ใครหรือจะสู้พระเจ้าได้ นี่คือบทเรียนสำคัญ เมื่อเราวางใจพระเจ้า ทำที่เราทำได้ พระเจ้าจะทรงทำการใหญ่ของพระองค์ เฮเซคียาห์ ทรงมีชื่อเสียง และสร้างกำลังใจให้คนจำนวนมาก (2พศด 32:23) การเอาจริงกับพระเจ้า ทำให้พระองค์ได้รับพระพรครับ (2 พศด 31:21)

 

 



Visitor 819

 อ่านบทความย้อนหลัง