“ยังให้เราอยู่ในโลก”

ศบ.

 

 “ข้า​พระ​องค์​ไม่ได้​ขอ​ให้​พระ​องค์​เอา​เขา​ออกไป​จาก​โลก แต่​ขอ​ปกป้อง​เขา​ไว้​ให้​พ้น​จาก​มาร​ร้าย​“ (ยอห์น 17:15) 

         

       พระเยซูสร้างสาวกมา 3 ปี กินอยู่กับพวกเขา สาวกถูกฝึกฝน ให้เป็นผู้รับภารกิจสำคัญต่อจากพระองค์ พระธรรมยอห์น 17  พระเยซูทรงอธิษฐาน  เพื่อเหล่าสาวกของพระองค์  ที่สวนเธเซมาเน ก่อนที่พระองค์จะถูกพวกยิวจับ  อายัด ไต่สวน และประหาร และนี่คือคำอธิษฐานสุดท้าย  ก่อนพระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน  

 

    รักก็รัก  ห่วงก็ห่วง ถามว่าห่วงอะไร ก็ห่วงว่าพวกเขา ว่าจะต่อสู้การข่มเหง การทดลอง การยั่วยวน ที่มารซาตานเตรียมเล่นงานได้หรือไม่ สาวกคนหนึ่งของพระองค์  มารก็ลวงให้หลงไปแล้ว (ยอห์น 6:70) สาวกอีก 11 คนที่เหลือจะเป็นอย่างไร

 

    คุณพ่อคุณแม่ของผม ท่านมีลูก 6  คน บ้านของเราอยู่ต่างจังหวัด ท่านส่งพวกเรามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ทุกคน แต่ก่อน ผมได้ยินว่าเด็กนักเรียนจากภาคใต้ ที่มาเมืองกรุง  ถูกยั่วยวนให้ หลงระเริง เสียเด็กมากเหลือเกิน  ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ ท่านกลัวไหม ในการส่งลูกมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ  “กลัวครับ  แต่ท่านก็ส่งมา”  ภรรยาและผมเองมี   


                             

 

ลูก 3 คน เราก็ทำเช่นเดียวกัน ส่งลูกเข้าโรงเรียน ไปทำงานที่นั่นที่นี่  บางที่มีการล่อลวงใจก็มี แต่เราก็ต้องส่งลูกไปเผชิญโลก  เข้าเรียน ไปทำงาน

 

   พระเยซูมิได้ทูลพระบิดา ให้เอาเหล่าสาวก ของพระองค์ออกไปจากโลก แต่ให้พวกเขาเผชิญโลก  นี่เป็นแนวทางสำหรับผู้เชื่อทั้งหลายทุกวันนี้ด้วย  

 

  1. โลกนี้มีคนทุกข์ที่ต้องช่วย มีคนหลงหายที่ต้องตามหา  มีสังคมผิดผัวผิดเมียเน่าเฟะ  มีชายหญิงที่ตาใจบอด  มีหนุ่มสาวที่มารพาให้หลงใหลกับแสงสี มีกับดักในเรื่องเซ็กส์ ความโลภ วัตถุนิยม ที่พาคนหนุ่มคนชราตกลงไป  เอาตัวไม่ขึ้น  มีเมฆหมอกที่ปกคลุม  ทำให้ผู้คนเดินไม่ถูก คลำหาทางไม่พบ ครูอาจารย์ ผู้ให้ความรู้ด้านวิชาการในมหาวิทยาลัย  หรือนักการเมือง ก็ช่วยพวกเขาไม่ได้ ออกไปรอบนอก ก็มีชาวบ้านชาวช่อง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว จากคำสอนตกทอดกันมาผิด ๆ มากมาย 

 

      คนเหล่านี้พระเจ้าทรงรักเขา พระเจ้าทรงปรารถนาจะช่วยเขา เหมือนที่พระเจ้าทรงช่วยเรามาแล้ว พระเยซูเคยตรัสว่า  ข้าวที่ต้องเกี่ยวมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้นจงอ้อนวอนพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์

 

     2.  เราเป็นคนที่รู้  เข้าใจ  สัมผัส ความรัก ความรอดของพระองค์  เราได้ฟังคำเทศน์บนธรรมาสน์นับครั้งไม่ถ้วน ในขณะที่พวกเขา บางคนยังไม่เคยได้ยินได้ฟังแม้แต่ครั้งเดียว  พระเจ้าไม่ทรงปรารถนา รีบให้เราจากโลกนี้ไป ไม่ใช่เพื่อเราจะได้  Enjoy ใช้เวลาสนุกสนานในโลกนี้นาน ๆ แต่เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้คนต่างหาก  เรารู้  แต่เขายังไม่รู้   เรารอด  แต่พวกเขายังไม่รอด พระองค์จึงละเราไว้ในโลก “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก” รีบเอาผู้เชื่อออกไปจากโลก แล้วใครจะช่วยพวกเขา “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก” เราถือตะเกียง เรามีไฟฉาย พวกเขาหลงทาง อยู่ในความมืด เอาพวกที่ถือตะเกียงออกไป แล้วใครจะช่วยส่องทางให้   

 

      เราเป็นเกลือ  ปลาดิบในเข่งจะเน่าแน่ ๆ หาก ไม่เอาเกลือไปคลุกเคล้า

 

    3.   พระเจ้าละเราไว้  เพื่อช่วยเขา พระเยซูตรัสว่า ไม่มีใครจุดตะเกียง แล้วเอาถังครอบไว้  ครอบตะเกียง แสงสว่างก็มืด  เหมือนไม่มีตะเกียง เกลือไร้ประโยชน์จริง ๆ หากถูกเก็บไว้เรี่ยมไร ในขวด  เกลืออยู่ส่วนเกลือ ปลาอยู่ส่วนปลา  

 

  คริสเตียนหลายคนไม่เข้าใจคำอธิษฐานของพระเยซู  ดีใจ ที่พระเจ้าไม่เรียกเรากลับบ้านเร็ว คิดว่าพระเจ้าให้รางวัล จะได้อยู่ในโลกนี้นาน ๆ จะได้มีความสุข ไม่ช่วยใคร ไม่คิดช่วยใครทั้งสิ้น  

 

     คริสตจักรก็เหมือนกัน พระเจ้าให้คริสตจักรเป็นแสงประทีปส่องโลก  แต่เราแยกตัวเราออกมาจากโลก มีผู้อ้างว่า ความหมายของคริสตจักร คือ บุคคลผู้ที่พระเจ้าเลือก ออกมาจากโลก เป็นบุคคลพิเศษของพระเจ้า ให้มารับความรอด คริสเตียนจึงอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน สามัคคีธรรมกันเอง ปรุงอาหารกันเอง กินเอง ทุกอาทิตย์ เป็นเดือนเป็นปี ไม่สุงสิงกับใคร อ้างพระคำที่ว่า “อย่าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ” หนักไปกว่านั้น ก็ตั้งโบสถ์เป็นอาศรม  อาวาส มีรั้วรอบขอบชิด  มียาม  ระมัดระวังตรวจตราคนเข้าแข็งแรง ปลอดภัยดี  ใครก็เข้ามายาก แถมตั้งกติกาเอาไว้อีก ไม่รับคนแบบนั้นแบบนี้ 


                               

 

ถามจริง ๆ เราแปลพระคัมภีร์ถูกหรือเปล่า  

 

      เวลาพระเจ้าบอกเราว่า ให้เราแยกตัวจากโลก  นั่นหมายความว่า  เรา

 

“อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้  แต่จงรับการเปลี่ยนแปลง แล้วอุปนิสัยของเราจึงจะเปลี่ยนใหม่” (โรม 12:2) เขากินเหล้าเมายา เราต้องไม่เมาตามเขา เขาเล่นหวยเล่นม้า เราต้องเลิก เขาตีรันฟันแทง  ทะเลาะวิวาท เราต้องมีท่าทีสุภาพอ่อนน้อมกับทุกคน ดูพระเยซูเป็นแบบ พระองค์อยู่โลก มิได้ทำผิดตามโลก  แต่ช่วยคนผิดให้กลับใจใหม่ แต่พระเจ้าให้เราอยู่กับคนเหล่านี้ เพื่อนำเขามาพบความรักของพระเจ้า   

 

     4. ให้ถือตะเกียง  แต่ไม่ยอมส่องทาง  ไม่ยอมตั้งตะเกียงไว้บนเชิงตะเกียง  อย่างนี้  อย่าว่าแต่ไร้ประโยชน์  ยิ่งทำให้คนเข้าใจพระเจ้าผิดอีกต่างหาก เป็นเกลือ แต่หมดความเค็ม  ไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์ พระเยซูตรัสว่า “มีแต่ทิ้งสำหรับคนเหยียบย่ำ” (มัทธิว 5:13) พระเจ้าอาจตัดสินพระทัยให้เรากลับบ้านเร็วขึ้นก็ได้

 

  5.  พระเยซูทรงทราบดีว่า สาวกอยู่ในโลกนี้   เสี่ยงต่อการถูกมารโจมตี  “โลกนี้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก  เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก” (ยอห์น 17:14) แต่พระองค์ก็เลือกเรา  ทั้งทรงหนุนกำลังเรา ให้อยู่ในโลก ท่ามกลางการโจมตีของศัตรู โดยทรงพร้อมประทานกำลังให้เรา “ท่านทั้งหลายจงน้อมใจ ยอมฟังพระเจ้า  ต่อสู้กับมาร  และมันจะหนีไปจากท่าน” (ยากอบ 4:7)  คำอธิษฐานของพระองค์  คือ “ขอพระบิดาปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้าย” (ยอห์น 17:15)  สาวกต้องเรียนรู้วิธีชนะการยั่วยวน ขณะเดียวกันก็ มุ่งมั่นช่วยคนอื่นไปด้วย  


                                       

6.   โดยวิธีเช่นนี้   เราจะเข้มแข็งขึ้น   มั่นคงขึ้น  

 

      เหมือนการที่คุณพ่อคุณแม่ส่งพวกเรามาเรียนที่กรุงเทพฯ น่ะแหละครับ  ผมเคยอยู่ท่ามกลางเพื่อน  รุ่นพี่  ที่ชวนให้กินเหล้า  ชวนไปอาบ อบ นวด  ยังตำหนิว่าเราเสียด้วยซ้ำว่า   “กินเหล้าไม่เป็น  เล่นไพ่ไม่เป็น  เที่ยวซ่องไม่เป็น ไม่ใช่ชาย”  ผมไม่ได้แนะนำว่า  เราต้องวิ่งเข้าไปหาการทดลอง  พระเยซูสอนเราว่า เมื่ออธิษฐาน  จงว่า   “ขออย่านำข้าพระองค์  เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย”  (มัทธิว 6:13)  ขณะที่เรามุ่งมั่นส่องแสงสว่าง  มีการยั่วยวนเข้ามา  เราขอให้พระองค์  “ปกป้องเราจากมารร้าย”   เมื่อผ่านไป  เราจะเข้มแข็งขึ้น  เปาโลว่า 


                        

 

“อย่าคบคนที่ล่วงประเวณี  คนโลภ คนฉ้อโกง  หรือคนถือรูปเคารพ  ข้าพเจ้ามิได้ห้ามเสียทีเดียว  เพราะว่า ถ้าห้ามอย่างนั้นแล้ว  แต่ท่านต้องออกไปเสียจากโลกนี้”  (1 คร 5:9-10)  ลูกที่ไม่เคยชนะการทดลอง  ไม่ยอมผ่านร้อนผ่านหนาว  ย่อมไม่แข็งแรง  พระองค์ไม่ได้ฝึกเราให้เข้มแข็ง  โดยริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม  แต่ทรงเรายอมให้เราเผชิญ  เอาชนะ  และเข้มแข็งขึ้นโดยวิธีการนี้ 

      

       ขอพระเจ้าช่วยให้เราเป็นสาวก ที่ทรงละไว้อย่างสมศักดิ์ศรี น่ะครับ

 



Visitor 152

 อ่านบทความย้อนหลัง