หมอผู้ผ่าตัดตัวเอง


ศบ.
ผมได้อ่านความหรหด อดทน ของมิชชั่นนารี สมัยก่อนที่ เข้ามาทำงานในเมืองไทย ต้องยอมรับว่า อ่านแล้วน้ำตาซึม ในใจก็นึกชื่นชมบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ มันเป็นแรงใจให้เราสู้กับความยากลำบาก ในการรับใช้ครับ

สัปดาห์ที่แล้ว ผมเล่าเรื่อง ดาเนียล แมคกิลวารี ขณะทำงานที่เชียงใหม่ มีผู้เชื่อใหม่ 2 คน คือ น้อย สุริยะ กับ หนานชัย ถูก เจ้ากาวิโลรส สุริยวงศ์ เจ้าเมืองเชียงใหม่สมัยนั้นประหารชีวิต ด้วยกระบองและหอก เพราะเป็นคริสเตียน มันคือสัญญาณอันตราย กับผู้ประกาศ กับความปลอดภัย ของมิชชั่นนารี และผู้เชื่อ จนได้มีสาส์น ลงเรือเร็วกราบทูล ร. 5 ที่กรุงเทพ ฯ ทำให้เราได้รับพระบรมราชโองการ ปกป้องการประกาศ ให้อิสระในการนับถือศาสนา ในวันที่ 8 ตค 1878 ที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน แต่ไม่ต้องพูดถึงนะครับว่า เรื่องนี้สร้างความทุกข์ใจ และการอธิษฐานคร่ำครวญของมิชชั่นนารีเหล่านั้นแค่ไหน เพราะการเดินทางจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพฯ สมัยนั้นใช้เวลาเป็นเดือน แมคกิลวารี ในช่วงนั้นท่าน เขียนจดหมายกลับบ้านที่อเมริกาว่า “หากไม่ได้ยินข่าวคราวจากผม ก็ให้ทราบว่า ผมไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว”


แต่โดยพระคุณพระเจ้า การณ์ก็พลิกกลับ เป็นชัยชนะของผู้เชื่อทั้งหลาย ดังกล่าว
วันนี้ ผมขอเล่าเรื่องย้อนหลังไปตอนที่ ภรรยาของดาเนียล แมคกิลวารี ซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ ใกล้คลอด หมอเฮาท์ นางวิลสัน ภรรยาของหมอเฮาท์ อยู่ที่กรุงเทพฯ ขันอาสาขึ้นไปเยี่ยมท่านที่เชียงใหม่ เพื่อช่วยทำคลอดนาง แมคกิลวารี
แมคกิลว่ารี เล่าว่า “วันหนึ่ง มีชายคนหนึ่ง ถือจดหมายมา ในจดหมายมีข้อความ 2-3 บรรทัด มีใจความว่าท่านมาไม่ได้ เพราะบาดเจ็บ แต่ไม่สาหัส ขณะนี้กำลังป่วยอยู่ในป่า ห่างจากไประยะทางประมาณ 5 วันเดินทาง ท่านสั่งด้วยว่า ไม่ต้องไปหาท่าน ให้คอยช่วยเหลือครอบครัวเมื่อจำเป็นดีกว่า ขอเพียงอธิษฐานเผื่อ และช่วยฝากยากับเบ็ดเตล็ดมาให้ด้วย”
ครับ ผมจะขอเล่าว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหมอเฮาท์ โดยถอดจากบันทึกของหมอเฮาท์เอง นะครับ


1. พร้อมทุกข์ยาก ก็เพราะคิดช่วยคนอื่น
“ข้าพเจ้าขอบอกความลับ แก่ท่านเล็กน้อยว่า แหม่มวิลสัน และแหม่มแมคกิลว่ารี ต้องการให้แพทย์ไปรักษาพยาบาล ในการคลอดบุตรในต้นเดือน มีนาคม ทั้งสองคนอาการหนัก และต้องห่างจากหมอเป็นระยะทาง 500 ไมล์ การปล่อยให้ทั้งสองคนนี้ตายไปพร้อม ๆกัน เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าทนไม่ได้ แม้ข้าพเจ้าไม่ชอบการรักษาโรค กลัวการเดินทางที่ยากลำบาก และต้องการอยู่ใกล้ชิด สมาชิกในคริสตจักรมากสักเท่าใด ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นความผิดอย่างมหันต์ ถ้าข้าพเจ้าปฏิเสธไม่ยอมไปเชียงใหม่ครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเสียเวลาในการเดินทางตั้ง 3 เดือนในเมื่อเดินทางเรือเพียง 23 วัน ก็จะไปถึงอำเภอระแหง (จ.ตาก) ต่อจากนั้นถ้าข้าพเจ้าขึ้นช้าง ข้าพเจ้าจะไปถึงเชียงใหม่ได้ภายในเวลา 8-10 วันเท่านั้น
ดังนั้น ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1868 ท่านก็เดินทางไปจนถึงอำเภอระแหงและเสียเวลารอช้างอยู่ที่นั่นอีก 5 วัน แล้วคณะของท่านก็ออกเดินทางต่อไป จนได้เกิด อุบัติเหตุซึ่งหมอเฮาส์ได้เล่าในจดหมายของท่านไว้ว่า

 

2. อุบัติเหตุขัดขวางการดินทาง แต่พระเจ้าทรงช่วย
บ้านโฮ่ง ลาวเหนือ
จันทร์ 2 มีนาคม 1868
ศาสนาจารย์แมคกิลวารีและภริยา พี่ชายและพี่สาวที่รัก
ข้าพเจ้ามาเกือบจะถึงแล้ว แต่เดินทางต่อไปไม่ได้เนื่องจากเมื่อเช้านี้ ข้าพเจ้าออกเดินทางยังแข็งแรงสบายดีและสดชื่นเพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าดีใจที่จวนจะถึงจุดหมายและสิ้นสุดการเดินทางอันยากลำบากนี้เสียที แต่เมื่อประมาณ 8.00-9.00 น. ข้าพเจ้าได้ลงมาเดินข้างช้างที่เคยขี่มันหันมาหาข้าพเจ้าแล้วเอางวงแทงข้าพเจ้าเข้าที่ท้องใต้สะดือสัก 2-3 นิ้ว ข้าพเจ้าตกใจมากถอยไปปะทะกับต้นไม้คิดว่ามันจะแทงซ้ำอีก แต่ควาญช้างได้สับหัวมันให้หันออกไปได้ทัน
ข้าพเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในป่า ไม่มีใครดูแล นอกจากควาญช้างชาวลาวและคนใช้เท่านั้น พอคณะของข้าพเจ้าเดินทางมาถึง เจ้าเบี้ยวผู้ที่ซื่อสัตย์และรักข้าพเจ้าถึงกับร้องไห้โฮ
บาดแผลเช่นนี้จะต้องเย็บทันที ข้าพเจ้าต้องทำเองเพราะไม่ไว้ใจคนอื่น แผลนี้ต้องเย็บถึง 4 เข็ม การเย็บท้องของตนเองนับว่าเป็นงานที่แปลก ข้าพเจ้าให้พวกคนใช้ทำแคร่ เอาใบไม้มาทำเป็นหลังคาเพราะถ้าขี่หลังช้าง เมื่อช้างเดินนั้นคงจะเขย่าและบาดแผลก็จะยิ่งอักเสบมากขึ้น ข้าพเจ้าคงจะทนไม่ไหว ข้าพเจ้าจึงนอนบนแคร่มีลูกหาบ 4 คน หามมาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ 5 โมงเช้าถึง 5โมงเย็น จึงมาถึงหมู่บ้านบนฝั่งแม่น้ำลี้ แล้วจึงเดินทางต่อไปจนถึงเมืองลำพูน ข้าพเจ้าเขียนจดหมายโดยอาศัยแสงเทียนจากศาลาที่พักกลางทาง (ข้าพเจ้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินคงจะต้องหยุดพักสักที) ชาวบ้านที่นี่ใจดีมาก ข้าพเจ้าได้จ้างคนเดินทางบอกข่าวนี้ และถ้าวิลสันและภริยามาถึงแล้วก็ให้ถือว่าจดหมายฉบับนี้ถึงท่านทั้ง 2 ด้วย
ข้าพเจ้าไม่อยากจะเล่าเลยว่าข้าพเจ้าบาดเจ็บมากแค่ไหน ไขมันได้ไหลจุกออกมา จำเป็นต้องตัดไขมันออก ส่วนที่จะต้องเจาะช่องกระดูกหรือไม่นั้นยังไม่แน่ ข้าพเจ้ารู้สึกปวดในสำไส้กลัวว่าจะเป็นบาดทะยัก ข้าพเจ้าต้องนอนนิ่งๆ อยู่หลายวันกว่าจะรู้สึกดีขึ้น เพราะถ้ากระทบ กระเทือน บาดแผลจะกำเริบยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าอยากจะพักผ่อนสักพักรู้สึกปวดในลำไส้ แต่พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งบุตรของพระองค์ ข้าพเจ้าจะอดทนตามน้ำพระทัยของพระองค์ ข้าพเจ้าเขียนมาเพื่อท่านจะได้มอบโซเฟียที่รักและวิลสันจะมอบเคนไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าเช่นเดียวกับข้าพเจ้า ทูตของพระเจ้าได้วางมือบนข้าพเจ้า และบอกข้าพเจ้าให้พักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าอยากจะขอร้องท่านว่าไม่ต้องเดินทางมาเยี่ยมข้าพเจ้า เพราะการเดินทางด้วยช้างจากเชียงใหม่มานั้นต้องใช้เวลาถึง 3 วัน และพวกท่านก็ไม่อาจจะช่วยอะไรข้าพเจ้าได้ และภริยาของท่านทั้งสองคงจะต้องการให้ท่านอยู่บ้านในเวลาใกล้คลอดอย่างแน่นอน ข้าพเจ้ามีหนังสือดี ๆ มีคนรับใช้ที่มีใจเมตตากรุณา มียาพอสมควร และที่ดีที่สุดก็คือ มีพระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ด้วย ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตไว้กับพระองค์ แต่อยากจะขอร้องให้ช่วยอธิษฐานเผื่อแฮเรียดด้วย เราจะต้องอธิษฐานเผื่อกันและกัน ขอพระเจ้าโปรดอวยพรท่านและภริยาของท่าน จนกว่าเราจะพบกันอีก
ด้วยความรักยิ่ง
เอส.อาร์.เฮาส์

ป.ล.
ข้าพเจ้าหายดีแล้ว ข้าพเจ้าจะเดินทางต่อเพื่อมาเชียงใหม่ และจะมอบเงิน 600 บาท ซึ่งข้าพเจ้านำมาเพื่อมิชชั่นในเชียงใหม่ แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่หาย ชาย 4 คนในคณะของข้าพเจ้าจะเป็นผู้นำมาให้


3. สู้ทน และพึ่งพระเจ้า
จดหมายฉบับนี้แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและจิตใจที่มั่นคงเพราะท่านเขียนในวันที่ท่านได้รับบาดเจ็บ ต้องนอนหงายเขียน ยิ่งขยับเขยื้อนมากก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น และจำเป็นต้องเขียนจดหมายเพื่อบอกให้ทราบถึงเหตุที่ทำให้เดินทางล่าช้า
อีก 2 สัปดาห์ต่อมา ท่านได้เขียนจดหมายเล่ารายละเอียดมาอีก เขียนที่ตำบลเดียวกับฉบับเดิม
“ ข้าพเจ้าสงสัยว่า มีศัลยแพทย์คนใดบ้างที่เคยเย็บบาดแผลของตนเองหลายเข็มเช่นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องเย็บแผลตนเองถึง 4 แห่ง ซึ่งข้าพเจ้ามองไม่เห็น ต้องใช้พระจกส่องดูแผลแล้วจึงลงมือเย็บ ต้องนอนหงายเย็บ ลุกขึ้นก็ไม่ได้ ต้องดูดน้ำกินจากคนโทดิน น้ำสะอาดหายากมาก ต้องไปตักน้ำกินไกลๆ นับเป็นไมล์ “
คืนนั้นข้าพเจ้าจัดคนนำข่าวไปแจ้งมิชชั่นที่เชียงใหม่ ในตอนเย็นวันที่ 3 คนนำข่าวได้กลับมาพร้อมด้วยคนใช้ของ มร.แมคกิลวารี และนายชื่น คริสเตียนชาวไทยซึ่งคุมของประจำบ้าน มร.วิลสันไปส่งที่เชียงใหม่ ถ้าจดหมายของข้าพเจ้าไปถึงช้าสัก 2-3 ชั่วโมง ก็คงจะคลาดกับนายชื่น เพราะเขาเตรียมบรรทุกของลงเรือกลับกรุงเทพๆในวันนั้นเหมือนกัน ข้าพเจ้าดีใจและประหลาดใจที่พระเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้าตะแคงข้างขวาไม่ได้นอนหงายจึงถูกช้างแทงเพียงแต่เฉียด ๆ ไม่เข้าลึกมากจนถึงตาย เพราะถ้าช้างแทงลึกกว่านี้อีกเพียงนิดเดียว ข้าพเจ้าก็คงจะอักเสบถึงความตายได้


4. โดยความรักของพี่น้อง พระเจ้าทรงช่วยให้รอด บ่ายวันที่เขียนจดหมายนี้ มีช้างตัวหนึ่งบรรทุกของเต็มมาที่ศาลาที่ข้าพเจ้านอนอยู่ พวกพี่น้องมิชชั่นในเชียงใหม่ได้เอาของมาให้ข้าพเจ้าเป็นตะกร้าใหญ่ ๆ ช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ต่อมามีเรือมาคอยรับข้าพเจ้าที่ท่าน้ำที่ใกล้ที่สุด เพื่อนำข้าพเจ้าไปเชียงใหม่ ข้าพเจ้าอ่อนเพลียมาก อีก 2 สัปดาห์ต่อมา ข้าพเจ้าก็ขึ้นแคร่ จ้างช้างบรรทุกหีบของ พอบ่าย 3 โมงก็เดินทางมาเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่พบสถานที่ที่ข้าพเจ้าพอจะพักได้ จนกระทั่ง 5 ทุ่มจึงได้หยุดพัก เช้าวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าก็มองเห็นแม่น้ำ เขาช่วยกันหามข้าพเจ้าลงเรือซึ่งจอดคอยอยู่ ต้องถ่อเรืออีกเป็นเวลาถึง 2 วันเต็มๆ ประมาณ

5 โมงเย็น เรือจึงถึงท่าที่เมืองเชียงใหม่ แหม่มวิลสันและแหม่มแมคกิลวารีคลอดบุตรแล้ว บุตรสาวของแหม่มแมคกิลวารีชื่อคอร์เนเลีย ซึ่งต่อมาได้แต่งงานกับ ดร.วิลเลียม แฮรีส
ดร.เฮาส์ ได้แจ้งข่าวร้ายให้ภริยาทราบ โดยฝากจดหมายไปกับนายชื่น แต่ก็กินเวลาถึง 2 เดือนเต็ม กว่าภริยาจะรู้ข่าวร้าย ทางกรุงเทพ ๆ จึงจัดคนใช้ที่ไว้ใจได้เดินทางไปพบหมอเฮาส์ที่อำเภอระแหงเพื่อกลับมารับการรักษาที่กรุงเทพ ๆ การพักฟื้นต้องใช้เวลานานกว่าที่ได้คาดหมายไว้
การที่ท่านต้องพักอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลานานถึง 6 สัปดาห์ ทำให้ท่านมีโอกาสช่วยจัดตั้งคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่นับว่าท่านมีความสมปรารถนาอย่างยิ่งที่จะประกาศพระกิตติคุณในแคว้นลาว ขากลับนั้นท่านเดินทางมาทางเรือตลอด จากเชียงใหม่ถึงอำเภอระแหงกินเวลาถึง 18 วัน จากนั้นจึงลงเรือกลับกรุงเทพ ๆ กินเวลาอีก 12 วัน

ครับ แดเนียล แมคกิลวารี ขอคำสั่งจากเจ้าหลวงขอเรือ และลูกเรือพร้อมคนหาม พาท่าน ใส่เปลออกจากป่าลงเรือที่ลำน้ำปิง ถึงเชียงใหม่ พระเจ้าช่วยให้ปลอดภัยครับ แต่นี่คือเรื่องราวของ ผู้ที่สู้ทนคราวที่เข้ามาเป็นมิชชั่นนารีในประเทศไทยของเรา อาการท่านดีขึ้น ส่วนภรรยาของแมคกิลวารี คลอดลูกแฝดปลอดภัยครับ
เราเป็นหนี้ความรักของคนเหล่านี้จริง ๆ












 



Visitor 88

 อ่านบทความย้อนหลัง