ความเชื่อ คือ  พลังยิ่งใหญ่


ดร. พอล ยอง กี  โช

 

 พลัง เป็นสิ่งที่โลกปัจจุบันต้องการ  เครื่องจักรขับเคลื่อนด้วยพลัง  คนเราใช้พลังขนถ่ายสินค้า  ผมไม่อาจเทศนาโดยไม่มีพลัง

 

      1. ความเชื่อเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

พลังยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ พลังความเชื่อ  พระธรรมฮีบรู บทที่ 11 พูดถึงความเชื่อทั้งบท  ข้อที่ 3 กล่าวว่า โดย​ความ​เชื่อ​นี้​เอง เรา​จึง​เข้าใจ​ว่า ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​สร้าง​กัลป​จักรวาล ด้วย​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์  ดังนั้น​สิ่ง​ที่​มอง​เห็น​จึง​เป็น​สิ่ง​ที่​เกิด​จาก​สิ่ง​ที่​ไม่​ปรากฏ​ให้​เห็น   (หมายถึงทั้ง อะตอม อีเล็กตรอน  ฯลฯ )

 

         ความเชื่อ   มิได้เป็นสิ่งที่จับต้องได้  แต่มันเป็นพลังอย่างแท้จริง  มันมีจริงเหมือน  พลังของเครื่องบิน ของไฟฟ้า ของลูกระเบิด  แม้คนเราจะไม่สามารถเนรมิตโลกขึ้นได้  แต่คนเราสามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยพลังความเชื่อ  พระเจ้าทรงประทานความคิดให้มนุษย์  สติปัญญาในการใช้ความคิด  ความคิดของเรา  ทำให้เรามั่นใจ  ตระหนักแน่ในใจ  คนเรามีความคิดริเริ่ม  ประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา

 

      2.  พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งพลัง

 

     พระเจ้า ทรงเป็นแหล่งของพลัง  เรามีพลังเพราะเชื่อในพระเจ้า  พระเยซูตรัสว่า  “  พระ​เยซู​จึง​ตรัส​​ว่า “ ‘ถ้า​ช่วย​ได้’ น่ะ​หรือ ใคร​เชื่อ​ก็​ทำ​ให้​ได้​ทุก​สิ่ง” (มาระโก 9:23)  หลังจากผม


                                  

 

เทศนาในการประชุมที่คาลิฟอร์เนีย   หญิงคนหนึ่งท่าทางสิ้นหวัง  พูดกับผมว่า  “ตั้งแต่เป็นเด็กมา เธอไม่เคยมีความสุขเลย  พ่อแม่ไม่รักเธอ ท่านกดดันดิฉันทุกอย่าง  พอเรียนจบ  ดิฉันล้มเหลวในงานทุกอย่าง  เพื่อนร่วมงานก็ไม่ชอบ  เธอเชื่อว่า ไม่มีใครรักเธอสักคน   

 

      ชีวิตสมรสก็จบลงล้มเหลว  สามีคนแรกเลิกราจากเธอหลังแต่งงานไม่นานนัก  สามีคนที่สองขี้เหล้า  เคยขู่เธอด้วยปืน   จบลงด้วยการหย่าร้าง  การสมรสครั้งที่สามไม่มีความสุข  กำลังจะหย่าอีก  วันนั้นเธออยู่ในที่ประชุม  เธอถามผมว่า  “ถ้าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ ทำไม เธอเจอ  แต่เรื่องร้าย ๆ อย่างนี้” “พระองค์ทิ้งดิฉันแล้วใช่ไหม?”  เธอเชื่อสิ่งลบ ๆ ทั้งนั้น

 

    3.  ความเชื่อสามารถทำให้เกิดอัศจรรย์

 

     ความเชื่อยิ่งใหญ่กว่า  พลังธรรมชาติ   เพราะโมเสสเชื่อ  พระเจ้าแยกน้ำทะเล  ให้คนอิสราเอล เดินข้ามไป ( ฮีบรู 11:29)  ความเชื่อแข็งแรงกว่า หินก้อนโต ๆ เพราะความเชื่อ ของโยชูวา  กำแพงเยรีโคพังลง  ( โยชูวา 6:20)   เพราะความเชื่อ  คนฮีบรู  3 คน  เดินในกองไฟ  และไฟไม่ไหม้   ความเชื่อของดาเนียล  ปิดปากสิงโต   เพราะความเชื่องของเอสเธอร์  คนยิวทั้งชาติรอดตาย     

 

     ความเชื่อมีพลังยิ่งกว่า ระเบิดปรมณู   เป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์   ระเบิดปรมณูสามารถทำลายเมือง   แต่มันมิอาจเปลี่ยนจิตใจชั่วให้กลายเป็นจิตใจที่ดีได้   ความเชื่อของนักธุรกิจ  ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ   ความเชื่อของนักประดิษฐ์ยิ่งใหญ่กว่า สิ่งประดิษฐ์ของเขา   ท่านล่ะ  มีความเชื่อไหม?  ถ้าท่านเข้าเกียร์เดินหน้า รถก็เดินหน้า  แต่ถ้าท่านเข้าเกียร์ถอยหลัง  รถก็ถอยหลัง  

    4. ความเชื่อ ควบคุมชีวิตของท่าน

     ความเชื่อของท่าน พาท่านไปยังจุดหมายปลายทางในโลก  คนเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร  ความแรกเขาต้องมีใจปรารถนา และเชื่อว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ได้   คนเราเป็นนักธุกิจได้อย่างไร   ครั้งแรก เขาต้องปรารถนา และเชื่อว่าเขาเป็นนักธุรกิจได้  ความเชื่อนำเราให้เข้าทาง  พาเราให้เข้ารูปเข้ารอย  แล้วจึงนำเราไปสู่สิ่งมหัศจรรย์  ความเชื่อในพระเจ้าพาเราไปยังบ้านสวรรค์     

 

        นักสรีระวิทยาอธิบายว่า  พอคนเราเชื่อในเรื่องอะไรอย่างตื่นเต้น  สมองคนเราจะมีพลัง  เหมือนการโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำ  หินก้อนโต  สร้างคลื่นใหญ่  หินก้อนเล็ก  สร้างคลื่นน้อย ๆ  ยิ่งเราเชื่อมาก  ความสามารถในการสร้างสรรค์ยิ่งมาก  ความเชื่อน้อยนิด  ก่อให้เกิดอะไร ขึ้นมา  แค่นิดหน่อย  


                                  

 

  5. เวลา และสถาน ที่ มิอาจยับยั้งพลังแห่งความเชื่อ  

 

        การอธิษฐานด้วยความเชื่อ  ไปถึงพระบัลลังก์ของพระเจ้า   โดยความเชื่อ  ใจของคนชั่วสามารถกลับกลายเป็นดี  ใจดื้อดึงกลับกลายเป็นเชื่อฟัง  เชื่อคนผิด สร้างผลร้าย  เชื่อในพระเจ้าทำให้ประสบชัยชนะ 

 

      6.  ความเชื่อเป็นพลังในการสร้างสรรค์

 

       พลังในการสร้างสรรค์  มาแต่ความเชื่อ  คนอ่อนแอ  สามารถเข้มแข็งโดยความเชื่อ  ความเชื่อเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใด    

 

       เรายังไม่ได้พัฒนาโลกแห่งความเชื่อกันเลย  แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะได้คืบหน้าด้านนี้ไปมาก  แต่โลกแห่งความเชื่อยังคืบเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ   พระคัมภีร์สอนให้เราขยายความเชื่อ  เราไม่ควรถูกผูกมัดด้วยสถานการณ์ที่ยากลำบาก  หรือความทุกข์ใจ  ความเชื่อสามารถนำให้เราประสบชัยชนะ  

 

      จำเป็นที่เราต้องวางใจคน  แต่ที่จำเป็นยิ่งกว่านั้น   เราต้องวางใจพระเจ้า  เรามิได้ประสบชัยชนะ  เพราะอาศัยสติปัญญา   ความรู้   หรือตะลันความสามารถ  แต่อาศัยความเชื่อในพระเจ้า  ผู้ทรงพระชนม์อยู่   เราใช้ชีวิตแบบไหน  อย่างไร ในขณะนี้ ก็ตามขนาดความเชื่อของเรา  เราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราหว่าน   พระคัมภีร์กล่าวว่า  “  อย่า​หลง​เลย ท่าน​จะ​หลอก​ลวง​พระ​เจ้า​ไม่ได้    เพราะ​ว่า​ผู้ใด​หว่าน​อะไร​ลง ​ก็​จะ​เกี่ยว​เก็บ​สิ่ง​นั้น”   (กาลาเทีย 6:7)

 

     ดังนั้น จงเลือกทางเดินของท่านเสียในวันนี้  

 

     บางทีท่าน  ท่านอาจคิดว่า  “ผมอยู่ไม่ได้  ผมทำดีไม่ได้   มันเกินความสามารถ    ความเชื่อจะเปลี่ยนแปลงความคิด ว่าท่านทำไม่ได้  ให้กลับกลายเป็นความคิดว่าท่านทำได้  จงสลัดทิ้ง  ความคิดว่าพ่ายแพ้ออกไป  ฉีกภาพความสิ้นหวังออกเป็นชิ้น ๆ  ยอมรับเอาภาพแห่งชัยชนะตามพระสัญญาของพระเจ้า


                        

 

 จงปฏิรูปความคิดของท่านใหม่   คิดบวก คิดสร้าง  เลิกคิดลบ  โรม 12:2 บอกว่า “จง​รับ​การ​เปลี่ยนแปลง​จิตใจ แล้ว​อุปนิสัย​ของ​ท่าน​จึง​จะ​เปลี่ยน​ใหม่” ชีวิตท่านจะเปลี่ยนใหม่  จงยึดเอาพระสัญญาที่พระเยซูตรัสไว้   แล้วท่านจะพบความสำเร็จ 

 

       มาระโก 9: 23  ขอย้ำพระดำรัสของพระองค์อีกครั้ง  “‘ถ้า​ช่วย​ได้’ น่ะ​หรือ ใคร​เชื่อ​ก็​ทำ​ให้​ได้​ทุก​สิ่ง”  อย่าผิดหวังกับสิ่งรอบ ๆ ตัวเรา  อย่าท้อแท้  อย่าหันหลังกลับเพราะความคิดลบ ๆ   จงยืนหยัด   เชื่อพระเจ้า  และความเชื่อของท่านจะเติบโตขึ้นเหมือนการโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำ  



                                

 

 



Visitor 1302

 อ่านบทความย้อนหลัง