วันโนอาห์

ศบ.

 

วันหนึ่งขณะพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ  พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัว  กราบทูลว่า “อะไรคือหมายสำคัญ  ของการเสด็จกลับมา และวันสุดปลายของโลก?” พระองค์ตรัสกับวกเขาว่า “ด้วย​สมัย​ของ​โน​อาห์ ได้​เป็น​อย่างไร เมื่อ​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา ​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น​  เพราะ​ว่า​เมื่อก่อน​วัน​น้ำ​ท่วม​นั้น คน​ทั้ง​หลาย​ได้​กิน​และ​ดื่ม​กัน ทำ​การ​สมรส​และ​ยก​ให้​เป็น​สามี​ภรรยา​กัน จนถึง​วันที่​โน​อาห์​เข้า​ใน​นาวา​ และ​น้ำ​ท่วม​มา​กวาด​เอา​เขา​ไป​สิ้น โดย​ไม่​ทัน​รู้ตัว​ฉัน​ใด เมื่อ​บุตร​มนุษย์​จะ​เสด็จ​มา​ก็​จะ​เป็น​ฉัน​นั้น” (มธ  24:37-39)

 

           เรื่องราวน้ำท่วมโลก สมัยโนอาห์ผ่านไปแล้ว  แต่วันสุดท้าย เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับมา  ยังมาไม่ถึง พระเยซูทรงตักเตือนให้เราระวังตัว   เพราะแม้ไม่มีใครทราบว่า  เมื่อใดจะถึงวันนั้น แต่พระองค์ทรงตักเตือนให้เรารู้ว่า  ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย  “ด้วยสมัยของโนอาห์  ได้เป็นอย่างไร  เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น”  

 

      1.  คนสมัยนั้นกับสมัยนี้

 

        มาดูกันสักหน่อยว่า  สมัยของโนอาห์  เหมือนกับ ยุคปัจจุบันอย่างไร 

 

       (1)ความรู้ความสามารถพัฒนา   

 

        นับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกจนถึงสมัยของโนอาห์  นับเวลาได้ประมาณ กว่าพันหกร้อยปี  คนยุคนั้นอายุยืนหลายร้อยปี  ประชากรโลกก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาก   “มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน” ( ปฐมกาล  6:1)  พวกเขารู้จักสร้างเมือง (ปฐก. 4:7) อาศัยในเต็นท์เลี้ยงสัตว์ (ปฐก. 4:20) ร้องเพลงเล่นดนตรี ( 4:21) ทำเครื่องใช้ไม้สอย และอาวุธ ด้วยเหล็กและโลหะผสม ( 4:22)   เรารู้ดีว่า  ความรู้ของคนเรายุคปัจจุบันพัฒนารวดเร็วแค่ไหน  ยิ่งเราย่างเข้ามาอยู่ในยุค ไอ ที ตั้งแต่ไมโครคอมพิวเตอร์ ถูกนำมาใช้ โลกเราพัฒนาแบบก้าวกระโดด ทั่วไปหมด  ดานิเอล ทำนายว่า  “วาระสุดท้าย  


                                       

 

คนจำนวนมากจะวิ่งไปวิ่งมา  และความรู้จะทวีขึ้น” (ดาเนียล  12:4)  วันนี้เรามีห้องสมุด อันเป็นคลังความรู้ ในมือถือที่พกพาไปไหน ๆได้อย่างไม่เคยมีมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว   วันนี้เราเดินทางสะดวก  รวดเร็วทั้งโดยรถ โดยเรือ และโดยเครื่องบิน  อย่างที่ยุคคุณตาคุณยายเรา คิดไม่ถึง

 

     (2)ศีลธรรมตกต่ำสุด ๆ 

 

       “พระเจ้าทรงเห็นความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน  ทรงเห็นเค้าความคิดในใจเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป” (ปฐก. 6:5)  ฆาตกรรมเริ่ม

 

    มาตั้งแต่คาอินฆ่าเอเบล  คาอินเองก็กลัวถูกฆ่า( 4:14)  ตัวเขามิได้กลับใจ “ออกไปพ้นพระพักตร์พระเจ้า” (4:16)  ลาเมค รุ่นโหลนของคาอินมีภรรยาสองคน (4:19) เขาลงมือแก้แค้นคนทำร้ายตนถึงตาย (4:23)  ความชั่วยิ่งทวี เมื่อมีเวลา  ลองคิดดูซิว่า  ในยุคของเรา คนที่ขี้โกง โกหก ปลิ้นปล้อน มาตั้งแต่หนุ่มจนชรา  เขาจะเซียนการคดโกง หาตัวจับยากแค่ไหน  สมัยนั้น พวกเขามีอายุยืนยาวหลายร้อยปี  เมื่อเขาโกง  เขาจะยิ่งชำนิชำนาญพฤติกรรมคดโกงชั่วร้ายสักแค่ไหน  บาปที่มิได้กลับใจ  ไม่เคยนิ่งอยู่กับที่  เรื่องเซ็กส์  เรื่องความโหดร้าย ที่พัฒนามันจะดำดิ่งเหวลงไปแค่ไหน “เค้าความคิดในใจล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป” ไม่แปลกที่ในยุคต่อมาพระเจ้าทรงจำกัด ให้อายุคนเราสั้นลง ไม่เกิน 120 ปี (ปฐก. 6:3)       


                                    

 

   เปาโลบรรยาย สมัยจะสิ้นยุคว่า  “มนุษย์จะเห็นแก่ตัวเห็นแก่เงิน  เย่อหยิ่ง  ยะโส  ชอบด่าว่า  ไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา  อกตัญญู ไร้ศีลธรรม ไร้มนุษยธรรม  ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน  ไม่ยับยั้งชั่งใจ  ดุร้าย  เกลียดชังความดี  ทรยศ มุทะลุ หัวสูง  รักความสนุกยิ่งกว่ารักพระเจ้า ถือศาสนาแต่เปลือกนอก  ส่วนแก่นแท้ของศาสนานั้นเขาไม่ยอมรับ” (2ทิโมธี 3:1-5)       

 

        โลกทุกวันนี้  นำให้คนเราคิดชั่วร้าย  บิลลี่ เกรแฮม บรรยายว่า “บริษัทสร้างหนัง ทำให้จิตใจคนเสื่อมทรามลง  หนังทีวีทำให้ภาพเปรอะเปลื้อนบ้านของเรา  วิดีโอเกมส์สอนลูกเราให้คุ้นเคยกับความโหดร้าย  สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นมลพิษกับความคิด  จนเราคิดเรื่องร้ายเสมอไป”   เรารู้ดีว่าอัตรา  การหย่าร้าง  การทำแท้ง  ภาพโป๊  ยาเสพย์ติด  การขืนใจเด็ก  โฮโมเซ็กส์   ฆาตกรรม   การก่อการร้าย  ทวีมากขึ้นแค่ไหน    ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์  ทีวี  อินเตอร์เน็ท  เป็นพยานว่าศีลธรรมเลวร้ายลงปีต่อปี   

 

     (3) คนมุ่งป้อนความต้องการเนื้อหนัง กินดื่มตามอำเภอใจ

 

       พระเยซูตรัสว่า  “ก่อนถึงวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและได้ดื่มกัน”   (มธ 24:38)     พระเยซูทรงชี้ให้เห็นว่า  สมัยโนอาห์  ไม่มีใครสนใจเรื่องฝ่ายวิญญาณ สนใจแต่การกินการดื่ม  ขอเพียงได้บำรุงบำเรอความสุขสบายในปัจจุบัน   วันนี้คนไทยเรา ตกเป็นทาสเหล้ายาปลาปิ้งอย่างน่าใจหาย  เหล้าคร่าชีวิตวัยรุ่น ทั้งช่วงปีใหม่ และสงกรานต์ ในบ้านเราเป็นสถิติที่ดึงลงมาไม่ได้  ทั้ง ๆ เสียงเตือนของรัฐบาล และข้อห้ามเรื่องสุราเป็นศีลที่เรารู้กันอย่างดี  บริษัทผลิตเหล้าร่ำรวยขึ้น  ในขณะที่น้ำเมาจากทั้งในและต่างประเทศปลิดชีวิตลูกหลานเราอย่าน่าใจหาย 


                               

 

(4) ผิดประเวณีกลายเป็นสิ่งสามัญ

 

      พระเยซูยังตรัสด้วยว่า “ก่อนถึงวันน้ำท่วมนั้น  ..คนทั้งหลายจะทำการสมรสกัน  และยกให้เป็นสามีภรรยากัน” (มธ. 24:38)  การแต่งงานเป็นการออกแบบโดยพระเจ้าเอง  ให้คนเรามีคู่สมรส  พระเจ้าคือผู้ประทานนางอาวา    คู่อุปถัมภ์ให้แก่อาดัม    แต่การชิงสุกก่อนห่าม  การลามก  การเล่นชู้  การนอกใจคู่ครอง  การผิดผัวผิดเมีย  ตลอดจนการมีเพศสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกัน  เป็นเซ็กส์นอกกรอบศีลธรรมของพระเจ้า   พระเยซูตรัสว่าสมัยโนอาห์เป็นอย่างนั้น  ทุกวันนี้  ความผิดทางเพศเป็นเรื่องสามัญ   ในหน้าวิกิพีเดีย เรื่องการได้เสียกันก่อนแต่ง  เขาเขียนว่า “แต่ก่อนเรื่องการผิดกันก่อนแต่ง  ถือเป็นเรื่องผิดวัฒธนะธรรมของหลายประเทศ  แต่ นับตั้งแต่ปี 1960  เป็นต้นมาถือเป็นเรื่องที่ยอมรับทั่วโลก  โดยเฉพาะโลกตะวันตก   ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าในปีค.ศ.2013 ประมาณร้อยละ47 ของนักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว   สำหรับบ้านเรา  กระทรวงสาธารณสุข เมื่อ ปี 2016  ได้สำรวจนักเรียนที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่านักเรียนชายเคยมีเพศ สัมพันธ์แล้วร้อยละ 25  (ปัญญ์กรินทร์ หอยรัตน์ สม.)   

 

2.   พระเจ้าให้โนอาห์ประกาศ  เตือนผู้คนนานที่สุด

 

        2 เปโตร 2:5  เรียก  “โนอาห์” ว่า  “ผู้ประกาศความชอบธรรม”  ฮีบรู 11:7  บอกว่า “โนอาห์มีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเตือนให้รู้ถึงเหตุการณ์   ที่ยังไม่ปรากฏ   ท่านจึงยำเกรง และต่อเรือใหญ่  เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้รอดพ้นความตาย  ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ติเตียนชาวโลก..”  พระเจ้าให้เวลาคนทั้งหลายกลับใจใหม่ โดยให้โนอาห์ประกาศนานร่วม 100 ปีทีเดียว  วันนี้  การประกาศพระกิตติคุณกำลังคืบหน้าไปทั่วโลก  พระเจ้าให้เวลา  แต่ทรงเตือนให้คนทั้งหลายรู้ด้วยว่า  สัญญาณของการสิ้นยุคบ่งบอกว่า  เวลานั้นใกล้เข้ามาทุกที พระเยซูตรัสถึงสิ่งเหล่านี้  เช่น คนยิวกลับประเทศ (1948)  วิกฤติการเงิน  แผ่นดินไหว  การกันดารอาหาร 


                         

 

สงคราม โรคร้าย เช่น เอดส์  ไข้หวัดนก  คำสอนเท็จ  ที่เกิดมากขึ้นในยุคปัจจุบัน  พระเยซูใช้คำว่า “เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ยากลำบาก” (มธ 24:8)  วันหนึ่งการพิพากษาจะมาถึง  วันนี้พระเจ้าเชิญชวนให้เรากลับใจใหม่มาเชื่อพระเยซู  โลกนี้มีพระเจ้า  พระผู้สร้าง  ผู้ปกครอง  ผู้รักเรา  บาปของเรานำเราไปสู่การพิพากษา  พระเจ้ารักเราจึงส่งพระเยซูพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาไถ่โทษบาปของเรา  หากเรากลับใจใหม่  สำนึกบาป  วางใจในพระผู้ไถ่  พระเจ้าจะอภัยโทษ  และนำเราสู่ชีวิตใหม่  “ผู้ที่วางใจ  จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” 

   

 3. ไม่มีใครสนใจคำเตือน

 

         พระเยซูตรัสว่า สมัยโนอาห์คนไม่สนใจคำเตือน  “..จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา  และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น  โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น”  โนอาห์ประกาศว่าน้ำจะท่วมโลก  ขอให้กลับใจใหม่  เข้ามาในนาวา วันพิพากษาจะมาถึงพวกเขา  คนพวกนั้นรู้สึกเป็นเรื่องตลกโปกฮา  ที่ตาแก่คนหนึ่ง  สร้างเรือลำใหญ่บนภูเขา  น้ำไม่เคยท่วมแม้แต่เมืองที่พวกเขาอาศัย  ทุกวันนี้ก็เช่นเดียวกัน  ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย  ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังรุ่งโรจน์  ต่างคนต่างมั่นใจในความมั่นคง  ปลอดภัย  การพูดเรื่องการสิ้นยุคเป็นเรื่องขบขัน  ใครฟังก็หัวเราะ 

 

4.  วันน้ำท่วมโลก กลับใจก็สายไปเสียแล้ว

 

        ประตูนาวาปิดเสียแล้ว พระเจ้าทรงปิดประตูด้วยพระองค์เอง  โอกาสหมดแล้ว  จากนั้นฝนก็ตกลงมา  น้ำพุจากบาดาลพลุ่งขึ้น ท่วมคูคลองหนองห้วย  จนถึงภูเขาสูง  ไม่มีใครนอกนาวารอดสักคน  พระเยซูตรัสว่า  คนยุคนั้นไม่ทันรู้ตัว  ระวังยุคของเราก็จะเป็นเช่นเดียวกัน  หากเราไม่ตัดสินใจ  ถ่อมใจ กลับใจเชื่อพระองค์   

 

      ขอพระเจ้าอวยพรครับ      

 

 

 



Visitor 266

 อ่านบทความย้อนหลัง