เพนเตคอสเต วันแห่ง รัก และ ฤทธิ์


ศบ.

 

  วันนี้  ตามปฏิทิน  เป็นวันเพนเตคศ          

 

       “เมื่อ​วัน​เทศกาล​เพ็น​เท​คอสต์  มาถึง จำพวก​ศิษย์​จึง​รวมอยู่​ใน​ที่​แห่ง​เดียว​กัน…”​  ( กิจการ 2:1-4 )

 

            คนยิวมีการปลูกพืช  เก็บเกี่ยวผลเกษตรกรรม ตามฤดูกาล ในแต่ละฤดูกาล  พระเจ้าได้กำหนดให้มีเทศกาล ที่นำมาเทียบเคียงกับแผนการ ที่พระองค์ทรงนำความรอดมายังเราทั้งหลาย  เราสามารถดูรายละเอียดได้จาก  พระธรรมเลวีนิติ บทที่ 23  ผมจะไม่พูดถึงเทศกาลทั้งหมด  แต่จะของเน้นเรื่องเทศกาล เพนเตคศเต

 

           เทศกาลปัศคา มีมาก่อนหน้า เทศกาลเพนเตคศเต  50 วัน 


                    

 

   เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา คงจำได้ว่า เราจัดวันศุกร์ประเสริฐ  และวันอีสเตอร์  “ศุกร์ประเสริฐ”  เป็นวันที่พระเยซูทรงวายพระชนม์ที่ไม้กางเขน เพื่อไถ่โทษความผิดบาปของผู้เชื่อ  พระเยซูทรงเป็น “แพะรับบาป” ที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะ ในสมัยที่โมเสสนำคนยิวออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์นั้น  ฟาโรห์ดื้อดึง แข็งขืนมากไม่ยอมปล่อยคนยิว ออกมาง่าย ๆ  แม้พระเจ้าใช้โมเสส บัญชาให้เกิดภัยพิบัติหลายอย่างในอียิปต์ แต่ฟาโรห์ก็ยังดึงดัน เล่นบท ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมปล่อยยิว จนพระเจ้าให้เกิดภัยพิบัติสุดท้าย  คือให้ทูตมรณะ ไปประหารบุตรหัวปีของบ้านใดก็ตามที่ไม่มี เลือดลูกแกะ ทาไว้ที่หน้าประตูบ้าน ยิวเชื่อ แต่อียิปต์ไม่เชื่อ คืนนั้นลูกยิวรอด  ลูกอียิปต์เสียชีวิต รวมทั้งโอรสของฟาโรห์เอง วันนั้นเอง ฟาโรห์จึงยอมให้ยิว ออกจากการเป็นทาส  คนยิวไม่ลืมคืนนั้น  เลือดลูกแกะ  คือ ความรอดของพวกเขา  เหมือนพระโลหิตของพระเยซู ช่วยไถ่โทษบาปผู้เชื่อที่กลับใจใหม่ให้รอด  ช่วยให้เราพ้นจากการพิพากษา   

 

                                     

 

  จากนั้น พระเจ้าทรงกำหนดให้คนยิวถือเทศกาลปัศคา ในเดือนนิสาน ( บ้านเราก็ ประมาณเดือนมีนาคม เมษายน )  อันเป็นฤดูใบไม้ผลิของยิว  ปัศคา  คำในภาษาอังกฤษ  คือ “Pass over”  แปลว่า “ผ่านพ้นไป”  ฟังดูแล้วชื่อออกแปลก ๆ สักหน่อย  แต่ ความหมายนั้นล้ำลึกเหลือเกิน  วันที่ทูตมรณะมาพิพากษาผู้ที่ไม่เชื่อทั้งหลาย บ้านที่ทูตมรณะ “ผ่านพ้นไป” หรือบ้านที่รอดตายนั้น  คือบ้านที่มีเลือดลูกแกะทาที่หน้าประตูบ้านเท่านั้น  เป็นภาพให้เราเห็นว่า  ในวันพิพากษาของพระเจ้า  ผู้ที่รับความรอด  คือผู้ที่กลับใจเข้ามาเชื่อในการไถ่โทษของพระเยซูที่ไม้กางเขน  เปาโลกล่าวว่า “เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” ( โรม 8:1)  วันนี้หากท่านถ่อมใจ ละทิ้งความผิดบาปที่เรารู้  วางใจในพระเยซู  เราก็รอดจากการพิพากษาได้   “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์  เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ  แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16)  

 

           เทศกาลปัศคา ถือรักษา ปฏิบัติ เสมอมา นานประมาณ 1,500 ปี คงจำกันได้ พระเยซูรับประทานปัศคามื้อสุดท้าย  ที่เรียกกันว่า“the last Supper” 1 วันก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่ไม้กางเขน ทำไมเรียกกันว่า “ปัศคามื้อสุดท้าย” เพราะในวันศุกร์ประเสริฐ ปัศคาตัวจริง ผู้ทรงพลีชีพเพื่อไถ่โทษบาปของเราเสด็จมาช่วยเราแล้ว “ภาพพจน์”  ในอดีตก็ต้องเลิกไปเป็นธรรมดา

 

                “การถวายผลแรก”   

 

           ในเดือนนิสานนั้นเอง “รุ่งขึ้นหลังวันสะบาโต” พระเจ้าทรงกำหนดให้คนยิว ถวายผลแรก  ( First fruit) “จงเอาฟ่อนข้าวรุ่นแรก  นำไปให้ปุโรหิต” ( เลวีนิติ 23:10-11) ไม่มีภาพใดชัดเจนเท่ากับ การที่พระเยซูทรงเป็นผลแรก  ของการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นจากความตาย สามวันหลังจากศุกร์ประเสริฐ  พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตาย  เปาโลเรียกพระคริสต์ว่าทรงเป็นผลแรกของการฟื้นคืนชีพจากตาย   “แต่จะเป็นไปตามลำดับ  คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก  แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ เมื่อพระองค์เสด็จมา” ( 1 คร. 15:23)  ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพคนยิวเกือบ 2 ล้านคน   เดินทางออกมาจากการเป็นทาส   เกือบถูกฟาโรห์ฆ่าหมู่ครั้งใหญ่  ขณะติดอยู่หน้าทะเลแดง   แต่กลับรอดตายอย่างอัศจรรย์ ครั้งประวัติศาสตร์โดย  พระเจ้าแยกทะเลแดงให้คนยิวข้ามไป  พอรถม้าของกองทัพอียิปต์  ติดตามไปจะบดขยี้คนยิว  พระเจ้าก็ให้น้ำทะเลวกกลับ  ทหารอียิปต์ตายเรียบในทะเลแดง    ภาพยิวรอดตาย  คือภาพของการคืนชีพ  ภาพของชีวิตใหม่  เหมือนเราทั้งหลายที่พระเจ้าประทานความรอดให้ในวันนี้   ตื่นเต้น  ชื่นชมยินดี  สุขใจ  “เหตุฉะนั้น  ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์  ผู้นั้นก็เป็นคนถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว  สิ่งสารพัดเก่า ๆ ก็ล่วงไป  นี่แนะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

 

              เทศกาลเพนเตคศเต

 

              ผ่านมา 50 วัน  คือประมาณ 7 สัปดาห์  คนยิวเดินทางมาถึงภูเขาซีไน  โมเสส ขึ้นไปรับพระบัญญัติ  10  ประการจากพระเจ้า  พระเจ้าทรงผูกพันกับคนยิวด้วยพันธสัญญา “โมเสส นำพระวจนะของพระเจ้า และกฎหมายทั้งสิ้นมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ และประชาชนทั้งปวงก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า พระวจนะทั้งหมดซึ่งพระเจ้าตรัสไว้นั้น  พวกเราจะกระทำตาม” (อพยพ 24:3)  นี่คือการผูกพันด้วยความรัก  และเชื่อฟังระหว่าง คนยิวกับพระเจ้า  นี่คือความผูกพันแนบแน่นระหว่าง  เรากับพระเยซู    พระองค์ทรงเป็นเจ้าบ่าว และเราเป็นเจ้าสาวของพระองค์  ขณะผมเขียนบทความนี้  ที่ประเทศอังกฤษ กำลังมีพิธีอภิเษกสมรสยิ่งใหญ่  ระหว่าง เจ้าชายแฮรี่  และ เมแกน มาร์เคิล  สามัญชน  สาวผิวสี ในวิหารอันโอ่อ่า  เข้าบรรยากาศเหลือเกิน  หลังจากถามเจ้าบ่าว ผู้ประกอบพิธีหันไปถามเจ้าสาว “ท่านจะรับพ่อหนุ่มคนนี้  เป็นสามีของท่านไหม  ท่านจะรักเขา  จะเชื่อฟังเขา  ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย  ไม่ว่าจะสุขสบายหรือเจ็บป่วย   ไปจนกว่า  ความ


                             

 

ตายจะแยกท่านทั้งสองออกจากกัน  ท่าสัญญาเช่นนี้หรือ” ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย  เจ้าสาวตอบว่า “ข้าพเจ้าขอสัญญา”   วันนั้น คนยิวตอบพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าขอสัญญา” วันนี้ พระเยซูตรัสถามเราเช่นกันว่า  “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา  ท่านก็ประพฤติตามบัญญัติของเรา” (ยอห์น 14:15) ท่านสัญญาไหม  

 

             ผู้ประกอบพิธีถามว่า  ท่านมีอะไรเป็นเครื่องหมายแห่งคำสัญญา เจ้าบ่าวบอกว่า “ข้าพเจ้ามีแหวน”  แล้วก็สวมแหวนให้เจ้าสาว   พระเยซูไม่เพียงไถ่เราออกจากโทษของบาปโดยไม้กางเขนของพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณ  พระผู้ช่วยเสด็จมาประทับกับเหล่าสาวกในวันเพนเตคศเต  พระวิญญาณ  พระผู้ทรงเสด็จมาประทับกับเราทั้งหลาย  ไม่เพียงแต่ทำให้เราเข้าใจพระเยซูอย่างถ่องแท้ยิงขึ้นเท่านั้น แต่พระองค์ทรงประทาน “ของประทาน”  คือ “ความสามารถฝ่ายพระวิญญาณ” ให้แก่เรา  เป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าแหวน หรือเพชรนิลจินดาใด ๆในโลก  วันเพนเคคศเต  เป็นดังวันพิธีมงคลสมรสระหว่างเรากับพระเยซู  เป็นวันแห่งพันธสัญญาผูกพัน   เป็นวันแห่งความสุข  ในพิธีผมเห็น นางสาว  เมแกน มาร์เคิล  ซึ่งตอนนี้กลายเป็น  ดัชเชส เมแกน มาร์เคิล  ไปแล้ว เธอ ยิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่น น่าประทับใจ

  

             หลังจาก วันอีสเตอร์  พระเยซูทรงสำแดงประองค์กับบรรดาสาวก  ในช่วง 40  วัน  ก่อนเสด็จสวรรค์   ทรงกำชับไม่ให้พวกเขาไปที่ไหน  แต่ให้รอคอยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม  เพื่อรับพระวิญญาณบริสุทธิ์  สาวก 120  พากันไปประชุมอธิษฐานทุกวัน  10 วันผ่านไป วันที่ 50 เป็นวันอาทิตย์  หมอลูกาเล่าว่า “เมื่อวันเทศกาลเพนเตคศเตมาถึง จำพวกศิษย์จึงรวมกันอยู่ ในที่แห่งเดียวกัน  ทันใดนั้น มีเสียงมาจากฟ้า  เหมือนเสียงพายุกล้า  สั่นก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น มีเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้น ปรากฏแก่เขา  กระจายบนเขาสิ้นทุกคน  เขาเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงตั้งต้นพูดภาษาอื่น ๆ  ตามที่พระวิญญาณทรงโปรดให้พูด”  


                                        

 

การเข้าพิธีสมรสของ ดยุก แฮรี่  และดัชเชส เมแกน  เป็นวันเริ่มต้นครอบครัวใหม่  การผูกพันระหว่างเรากับพระเยซู เป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพนเตคศเต  เป็นวันเริ่มต้นคริสตจักร พระองค์ทรงรักเรา เหมือน เจ้าบ่าวรักเจ้าสาว “สามีจงรักภรรยาของตนเหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร  และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร” ขณะเดียวกัน  เราสมควร  ยอมฟัง  รัก และยำเกรงพระองค์  เหมือนเจ้าสาวรักเจ้าบ่าว ( เอเฟซัส  5:22-33) 

 

         เทศกาลเพนเตคอส ในอดีต  ถูกเรียกว่า “เทศกาลสัปดาห์” 7 X 7 = 49 +1 = 50 ทำนองเดียวกับปีเขาสัตว์ (Jubilee Year ) เป็นปีของการยกหนี้ทาส  เป็นปีของความยินดี  ในอดีตเทศกาลเพนเตคอส  เป็นวันของการรวมตัวกัน  เป็นวัน


                                   

 

ของการถวายทรัพย์  เป็นวันของความปิติยินดี  เป็นวันของการสรรเสริญ  ไม่แปลก  ที่สาวก 120  คนพูดภาษาต่าง ๆในวันนั้น  คนทั้งหลายได้ยินพวกเขา กล่าวถึงมหกิจของพระเจ้า  ตามภาษาของคนที่มาฟัง”

 

           นี่คือจุดเริ่มต้นของการเพิ่มพูนคริสตจักร   พระเยซูตรัสว่า “ แต่ท่านทั้งหลาย จะได้รับพระราชทาน ฤทธิ์เดช  เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน  และท่านจะเป็นพยานฝ่ายเรา  ในกรุงเยรูซาเล็ม  ทั่วแคว้นยูเดีย  แคว้นสะมาเรีย  และจนกระทั่งถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก” (กิจการ 1:8 )  อ่านกิจการ  คริสตจักรขยายฝ่าอุปสรรคนานาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

 

          จากวันนี้ไป  พระเยซู  ทรงประทานพระวิญญาณแห่งความชื่นชมยินดี ให้เราเป็นพยานฝ่ายพระองค์

 

         สุขสันต์วันเพนเตคศ ครับ



Visitor 265

 อ่านบทความย้อนหลัง